หลี่รั่วหานลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าของอีกวัน วันนี้เขามิต้องเข้าไปที่ค่ายทหารเนื่องจากเป็นวันหยุดพัก จึงคิดจะนอนต่ออีกสักหน่อย
ตระกูลหลี่ของเขานั้น แม้ท่านพ่อจะเป็นถึงราชบุตรเขยของราชวงศ์ แต่เพราะมีใจซื่อสัตย์และรักชาติบ้านเมือง ต่อสู้เพื่อบ้านเมืองมาโดยตลอด จึงยังดำรงตำแหน่งท่านแม่ทัพใหญ่ได้อย่างสมเกียรติ อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากเสด็จลุงเป็นอย่างมากอีกด้วย
ในขณะที่เขากำลังจะล้มตัวลงนอนต่อ พลันก็ได้กลิ่นอาหารลอยโชยมาแตะจมูก กลิ่นหอมของเครื่องเทศทำให้ความอยากอาหารของเขามีมากขึ้นกว่าเดิม เดิมทีที่คิดว่าจะนอนต่ออีกสักหน่อย เขาจึงเปลี่ยนใจมุ่งหน้าไปที่โรงครัวทันที
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ใจของเขาสั่นระรัวอย่างแปลกประหลาด
จ้าวไป๋ลู่ในยามนี้กำลังวุ่นวายอยู่กับการทำอาหาร ใบหน้าสวยมีเม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นมาเต็มใบหน้า ทรงผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นอย่างลวกๆ ทุกท่วงท่าของนางงดงามและอ่อนช้อย จนเขาสัมผัสได้ว่ายามที่นางทำอาหารช่างน่ามองยิ่งนัก
น่ามองกับผีน่ะสิ!!
แม้ในใจจะก่นด่านาง แต่ยามนี้เขาต้องทำตามแผนที่วางเอาไว้ให้ลุล่วงเสียก่อน
แสร้งทำดีให้นางตายใจ ท้ายที่สุดก็ค่อยไล่นางออกจากจวน หรือไม่ก็ส่งนางไปบวชชีเสีย ฮ่าๆ!!
จ้าวไป๋ลู่รับรู้ว่ามีคนมอง นางจึงหันหน้ากลับมาก่อนจะพบกับหลี่รั่วหานที่ยืนพิงประตูโรงครัวอยู่ ยามนี้เขาปล่อยผมยาวสยาย สวมชุดสีดำที่เผยให้เห็นแผงอกล่ำสัน ใบหน้าหล่อเหลาที่ฉายแววง่วงงุนและเกียจคร้าน ทำให้นางรู้สึกวาบหวิวอย่างประหลาด
หล่อระเบิดไปเลย!!
แต่เสียดายมีสุนัขอยู่ในปากเต็มไปหมด!!
"ซื่อจื่อไปรอที่โต๊ะอาหารเถิดเจ้าค่ะ อีกเดี๋ยวข้าก็ใกล้จะเสร็จแล้ว ข้าจะรีบยกสำรับยามเช้าไปให้ท่าน"
แม้ในใจจะนึกก่นด่าเขา แต่อย่างไรนางก็มิอาจลืมคำพูดที่มารดาเคยสั่งสอนเอาไว้ นางต้องทำหน้าที่ภรรยาให้ดีอย่าได้หลงลืมหน้าที่ของตน
"ให้ข้าช่วยเจ้าดีหรือไม่?"
เมื่อได้ยินหลี่รั่วหานเอ่ยเช่นนั้น จ้าวไป๋ลู่ก็ขมวดคิ้วมุ่น ความสงสัยในใจของนางมีเต็มไปหมด ร้อยวันพันปีเขาด่านางสารพัด เหตุใดเช้านี้จึงอยากพููดจากับนางแปลกประหลาดไปจากเดิมเช่นนี้เล่า
หลี่รั่วหานคล้ายจะเดาความในใจของนางออก เขาจึงเอ่ยขึ้นมาทันที
"ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ต้องล้มป่วยลงเพราะเรื่องของข้ากับเจ้า เจ้าเองก็คงรู้ดี ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว ข้าย่อมเป็นสามีเจ้า เจ้าเองก็เป็นภรรยาของข้า มิสู้เรามาทำให้ท่านพ่อท่านแม่สบายใจไม่ดีกว่าหรือ ข้าเองก็จะยอมถอยให้เจ้าก้าวหนึ่ง"
เมื่อได้ยินเขาเอ่ยเช่นนั้น จ้าวไป๋ลู่จึงไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา นางทำได้เพียงพยักหน้าเล็กน้อย
สำรับยามเช้าในวันนี้ ทำให้หลี่รั่วหานเจริญอาหารไม่น้อย เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่านางจะมีฝีมือในการทำอาการได้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้
จ้าวไป๋ลู่ที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามเขา
"อาหารถูกปากหรือไม่เจ้าคะ"
"ก็ดี อย่างน้อยก็กินกันตายได้"
จ้าวไป๋ลู่ "......"
เมื่อรับสำรับยามเช้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองจึงไปคารวะองค์หญิงหงลี่ที่เรือนใหญ่ เมื่อเห็นว่าบุตรชายและลูกสะใภ้ดูจะเข้ากันได้เป็นอย่างดี นางก็วางใจลงได้เป็นอย่างมาก
"ไป๋ไป๋ คราก่อนที่เจ้าปักผ้าเช็ดหน้าลายดอกโบตั๋นให้แม่ แม่ชอบยิ่งนัก ยามที่สหายมาเยี่ยมเยือน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ฝีมือการเย็บปักของเจ้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก"
"ท่านแม่ชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าเพียงมีความรู้เล็กน้อยเท่านั้น"
"เจ้าน่ะถ่อมตนเกินไปแล้ว"
"หากท่านแม่ชอบ ไว้คราวหน้าลูกจะปักหมอนลายนกยวนยางให้ท่านแม่และท่านพ่อดีหรือไม่เจ้าคะ นกยวนยางเป็นสัญลักษณ์ของความรักมั่นคง ท่านแม่และท่านพ่อจะได้ครองคู่กันไปเนิ่นนาน อยู่เป็นที่พึ่งให้ข้าไปตลอดเจ้าค่ะ"
"เจ้านี่ปากหวานยิ่งนัก เอาเถิดอย่าเร่งรีบนักเลย สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการรีบมีทายาท ข้าน่ะอยากจะอุ้มหลานโดยเร็วแล้วคิกคิก"
จ้าวไป๋ลู่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็เพียงยิ้มเล็กน้อย ด้านหลี่รั่วหานลอบส่งเสียงเหอะในลำคอคราหนึ่ง
ที่แท้เพราะนางเสแสร้งออดอ้อนเอาใจท่านแม่เก่งนี่เอง ท่านแม่จึงเอ็นดูนางถึงเพียงนี้!!
ช่างเป็นสตรีที่เล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจไม่เบา!!
มีลูกหรือ!! หึ!! ใครจะอยากมีลูกกับสตรีเช่นนี้กัน!!!
เมื่ออกมาจากเรือนใหญ่แล้ว หลี่รั่วหานก็พาจ้าวไป๋ลู่นั่งรถม้าออกจากจวน มุ่งหน้าไปที่ตลาดในเมืองหลวงทันที เขาบอกว่าจะพานางออกมาเที่ยวชมตลาด เพราะคิดว่านางคงจะเหงายามที่ต้องอยู่แต่ในจวน
จ้าวไป๋ลู่ปรายตามองเขาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา
"ที่ท่านทำดีกับข้า ก็เพื่อหวังที่จะโน้มน้าวท่านแม่ให้ยอมแต่งคนรักของท่านเข้าจวนใช่หรือไม่เจ้าคะ"
หลี่รั่วหานที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยกับนาง
"อย่าเอ่ยวาจาเหลวไหล หนิงเสวี่ยนางมิยอมตกเป็นภรรยารองของข้าหรอก เจ้าหยุดเอ่ยเช่นนี้เสีย"
"ใจท่านมีสตรีที่รักอยู่แล้ว เรื่องนี้ข้ารู้ดีเจ้าค่ะ เอาเถิด ละครฉากนี้ข้าจะร่วมเล่นกับท่านสักครา ไว้ท่านกับคนรักของท่านสมหวังกันเมื่อใด ข้าจะอย่ากับท่านเสีย ท่านจะได้มิต้องทนอยู่กับข้า เพราะข้าเองก็มิอาจทนอยู่กับบุรุษที่ไม่ได้มีใจรักใคร่ต่อข้าเช่นกัน"
คำพูดของจ้าวไป๋ลู่ทำให้หลี่รั่วหานรู้สึกแปลกประหลาด เดิมทีนี่มิได้อยู่ในแผนการณ์ของเขา เขาคิดเอาไว้ว่านางจะต้องโง่งม หลงเชื่อเขาสิ!!
เหตุใดจึงกลายเป็นนางรู้ทันความคิดของเขาเช่นนี้กันเล่า!!
จ้าวไป๋ลู่ที่เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาทันที
"ฮ่า ๆๆ ท่านคิดว่าข้าโง่หรือ ข้าน่ะฉลาดจะตายไป เอาเถิด ข้าจะช่วยท่านให้สมหวังเอง ดีหรือไม่ พี่ชาย"
"พี่ชายหรือ?"
"อืม ระหว่างเราในเมื่อไร้ใจต่อกัน ก็อย่าเป็นศัตรูกันเลยจะดีกว่า ข้าน่ะชอบผูกมิตรกับผู้คน ขอเพียงท่านไม่หาเรื่องลำบากใจให้ข้า ข้าก็จะไม่กวนใจท่านเช่นกัน"
หลี่รั่วหานจ้องมองไปในแววตาที่ไร้เดียงสาของนาง ฉับพลันในใจของเขาก็รู้สึกผิดวูบหนึ่ง แต่ความรู้สึกนี้ก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
"ตกลง ในเมื่อเจ้ายินดีช่วยเหลือ ข้าย่อมรับปากตามคำขอ เสร็จสิ้นเรื่องนี้เมื่อใด ข้าจะหย่าขาดจากเจ้า และปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระแน่นอน"
"อืม"
จ้าวไป๋ลู่ยิ้มตาหยี นางรู้สึกสบายใจอย่างแปลกประหลาดที่ได้เปิดใจคุยกับเขาเช่นนี้ อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำดีต่อกันให้เหนื่อยใจ
โดยที่นางไม่รู้เลยว่า คำพูดเหล่านี้จะย้อนกลับมาทำร้ายนางอย่างสาหัสในภายหลังเพียงใด