บทที่ 27 ชนเผ่าเขาชู่ชี

1282 คำ
เด็กทั้งสามแยกย้ายกลับจวนของตนในยามเย็น ชิงเว่ยเว่ยกับ ไห่ฮ่าวไปนั่งปรึกษากันที่เรือนต่อ ไห่ฮ่าวให้ข้อสังเกตว่าฝีมือของคนพวกนั้นน่าจะถูกฝึกปรือมาเป็นอย่างดี “คุณหนูขอรับ การยิงธนูขึ้นฟ้าแบบนั้น เอาจริงๆ พวกเขาไม่ได้หวังผลให้พวกเราตายทันที แต่เป็นเชิงข่มขู่อย่างที่คุณชายจินกล่าว เพราะเขาน่าจะประเมินแล้วว่าข้า คุณชายจิน และพระชายาน่าจะป้องกันกันพวกท่านทั้งสี่คนได้ ดูจากการเคลื่อนไหวที่เงียบเชียบแล้ว คนพวกนี้ถูกฝึกให้เคลื่อนที่เร็วในป่าด้วย” “ลักษณะเช่นนี้น่าจะถูกฝึกมาจากที่ใด?” “ดินแดนที่มีป่าทึบหนาแน่น ข้าไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าพวกเขาเลยด้วยซ้ำ ได้ยินแต่เพียงเสียงง้างเกาทัณฑ์” ชิงเว่ยเว่ยตกใจ หากฝีมือระดับไห่ฮ่าวยังไม่ตระหนักถึงการเคลื่อนไหวของคนพวกนี้ล่ะก็ เห็นทีพวกเขาจะร้ายกาจมากทีเดียว “ไม่ได้การล่ะ ข้าคงต้องขออนุญาตท่านพ่อเข้าห้องหนังสือส่วนตัวของท่านเสียหน่อย” ไห่ฮ่าวเห็นสีหน้าของคุณหนูสี่ก็รู้ว่านางกำลังคิดจะสืบเรื่องคนพวกนั้น นับตั้งแต่เขาย่างเท้าเข้ามาจวนแห่งนี้ เดิมทีคิดว่าตนเองจะได้อารักขาใต้เท้าชิงซึ่งเป็นเจ้ากรมกลาโหม “ข้าเป็นห่วงเว่ยเว่ยมากเหลือเกิน นางเคยผจญเคราะห์นักหนามาแล้ว ข้าฝากชีวิตลูกสาวคนเล็กของข้าไว้ในการอารักขาของเจ้า ไห่ฮ่าวช่วยดูแลนางให้ดีด้วย” ไห่ฮ่าวได้ฟังเรื่องของคุณหนูสี่ที่รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์จาก สาวใช้จ้งซูกับจ้งหนิง เขาเองก็รู้สึกเหมือนสองคนนั้นว่าชิงเว่ยเว่ยดูไม่เหมือนเด็กอายุเท่ากัน ตอนที่เขาได้รับมอบหมายให้มาอารักขานางนั้นนางอายุเก้าขวบ จนบัดนี้นางอายุสิบเอ็ดขวบ ไห่ฮ่าวรู้สึกราวกับเขากำลังรับใช้หญิงสาวที่สุขุมรอบคอบและผ่านชีวิตมาเนิ่นนาน หาใช่เด็กหญิงคนหนึ่งไม่? ชิงเว่ยเว่ยที่รักษาร่างกายจนหายดีตื่นแต่เช้าฝึกหมัดมวยและให้พี่สาวของนางฝึกวรยุทธ์ให้ ไห่ฮ่าวรู้ว่าเหล่าลู่ซึ่งเป็นอดีตพ่อบ้านสกุลชิงในอำเภอเฉินมีฝีมือร้ายกาจ คนผู้นั้นเป็นอาจารย์ให้กับคุณหนูสี่ แม้ว่าเหล่าลู่จะไปคอยอารักขาพระธิดาของท่านอ๋องสิบห้ากับพระชายาชิงหลานที่มีชื่อว่า หมิงมู่ซี หรือเรียกกันว่า องค์หญิงซีซี ที่วังพยัคฆ์ขาว คนทั้งเมืองโจษจันกันว่าท่านอ๋องสิบห้าช่างกล้านำชื่อจริงและชื่อเล่นของอดีตพระคู่หมั้นที่รถม้าตกเขาตายผู้นั้นมาตั้งเป็นชื่อพระธิดาน้อย และพระชายาชิงหลานซึ่งมาอภิเษกสมรสในภายหลังก็ช่างพระทัยกว้างขวางนัก นอกจากไม่ถือสายังชมชอบชื่อของอดีตว่าที่พระชายาของพระสวามี “เจ้ามาช่วยข้าหาทีว่าคนพวกนี้น่าจะเป็นนักฆ่าหรือจอมยุทธ์พวกใด?” เสียงเรียกของคุณหนูสี่ทำให้ไห่ฮ่าวที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ต้องรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ตู้หนังสือ ห้องทำงานของใต้เท้าชิงเต็มไปด้วยตำราสำคัญที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการทหารมากมาย มีเพียงคุณหนูสี่เท่านั้นที่กล้าขอเข้ามาอ่านหนังสือ ใต้เท้าชิงมิเคยยินยอมให้ผู้ใดหยิบหนังสือออกไปเพราะเกรงจะสูญหาย กระทั่งจะขอดูบางครั้งก็ยังยาก “เจ้าว่าคนพวกนั้นน่าจะคุ้นเคยกับภูเขา บางทีพวกเขาอาจจะเป็นนักรบชนเผ่าที่อาศัยอยู่ตามเทือกเขา ลองหาหนังสือประเภทนี้ดู” ไห่ฮ่าวไม่กล้าหยิบมั่วซั่ว ลำดับหนังสือของใต้เท้าชิงต้องเรียงเหมือนเดิมอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หากหยิบออกมาจากที่ใดต้องเก็บเอาไว้ตำแหน่งเดิม ดังนั้นก่อนการหยิบทุกครั้งต้องใช้ไม้แผ่นบางๆ ขนาดสามนิ้วที่มีตัวเลขเขียนกำกับไว้วางแทนตำแหน่งตำรานั้น และมีแผ่นเสียบคั่นไว้ให้หนังสือ เมื่อเอามาคืนจะได้วางได้อย่างถูกต้อง “คุณหนูขอรับ ข้าเห็นตำราที่น่าจะเกี่ยวข้องอยู่สองเล่มด้วยกัน” ชิงเว่ยเว่ยเองก็ได้มาสองเล่ม นางพยักหน้าแล้วเดินไปตรงโต๊ะที่ตั้งอยู่บนพื้นยกสูงระหว่างตู้หนังสือ “รีบเปิดหาเถอะ มีความเป็นไปได้ใดบ้าง?” ไห่ฮ่าวเคยชินกับการค้นหาเรื่องราวที่คุณหนูสี่สนใจเสียแล้ว เขาเคยร่ำเรียนเขียนอ่านคล่องแคล่วจึงได้ช่วยนางค้นหาตำราได้ จ้งซูงกับจ้งหนิงทำหน้าที่เพียงยืนเฝ้าเงียบๆ เพราะคนทั้งสองแค่พออ่านออกเขียนได้ เกือบสามปีที่เขามาคอยดูแลคุณหนูสี่ เขาพบว่านางกระหายใคร่รู้อย่างยิ่ง หากนางได้ยินเรื่องใดที่บิดาเอ่ยถึงนางก็มักจะซักถามและหาตำรามาอ่านเพิ่ม ครั้งหนึ่งไห่ฮ่าวเคยถามนางว่าเหตุใดนางจึงสนใจอยากรู้เรื่องบ้านเมืองและเรื่องรอบตัวนัก? “ไห่ฮ่าว ชีวิตของคนนั้นจะใช้เพียงเพลิดเพลินและทำให้ง่ายก็ได้ แต่จะกลายเป็นการไม่รับผิดชอบต่อชะตากรรมที่อาจจะเกิดขึ้นโดยฉับพลัน” ผู้รักอารักขาหนุ่มยามนั้นมองดูเด็กหญิงวัยย่างสิบขวบด้วยความตื่นตะลึง คำตอบของนางช่างคล้าย....คล้ายกับหญิงที่ผ่านวัยมากกว่าครึ่งชีวิต ไห่ฮ่าวได้แต่มองนางด้วยความสงสัยอยู่พักใหญ่แต่เมื่อเห็นสิ่งที่นางทำผ่านไปสองปีเขาจึงรู้สึกนับถือเด็กหญิงผู้นี้ วรยุทธ์ที่นางมีแต่ไม่ยอมแสดงออกนั้นจะว่าไปยามนี้ก็เทียบเท่ากับตัวเขา ความรู้ความสามารถที่นางมีก็ไม่ค่อยยอมอวดโอ่ให้ผู้อื่นยกย่อง เขาจึงได้แต่ตามดูแลนางอยู่เงียบๆ นานๆ ครั้งนางจึงจะพูดความคิดอ่านอันลึกซึ้งต่อสิ่งรอบข้างให้เขาได้ยิน ชายหนุ่มที่เคยเข้าร่วมรบกับกองทัพอยู่สองปี เคยเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของชินอ๋องแม่ทัพใหญ่ผู้ห้าวหาญของแคว้นหมิง เขาเคยติดตามทัพใหญ่ไปรบในแคว้นเว่ยและได้รบกับชนเผ่ามาบ้าง ไห่ฮ่าวอ่านคร่าวๆ ไปจนสะดุดกับชนเผ่าหนึ่ง “คุณหนูสี่ นี่ดูคล้ายคนในป่าเขามังกรที่เราเจอเลยขอรับ” เขาเลื่อนตำราที่กางออกให้กับชิงเว่ยเว่ย นางกวาดสายตาไล่ตามตัวอักษรอย่างรวดเร็ว ข้อมูลชนเผ่าที่ถูกเขียนไว้ในตำราเล่มนั้นดูเหมือนพฤติกรรมที่พวกนางเพิ่งเจอในป่าเมื่อตอนเช้า คิ้วของนางขมวดเข้าหากัน “อืม...ดูมีเค้าอย่างมาก คนพวกนี้อาศัยอยู่บนเขาชู่ชีเสียด้วย” สองนายบ่าวหันมาสบตากัน “มิใช่ว่า......” “ไม่ได้การล่ะ หากว่าคนพวกนี้มาอาศัยป่าไข่มังกรเพื่อซ่อนตัวทำเรื่องลับบางอย่างโดยที่อาจารย์หวังก็ไม่รู้ เรื่องนี้อาจจะเป็นภัยร้ายต่อบ้านเมืองก็ได้” ไห่ฮ่าวก็รู้สึกเช่นเดียวกับชิงเว่ยเว่ย “เราต้องหาจุดประสงค์ของพวกเขาให้เจอขอรับ” “ใช่! แต่ว่านะไห่ฮ่าว ข้ามีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีนัก” สีหน้าของเด็กหญิงดูอึมครึมลงไปหลายส่วน “อย่างไรหรือขอรับ?” “ข้ารู้สึกว่าชื่อเมืองชิงหลิงดูเหมือนจะปรากฏรายรอบข้าบ่อยเกินไป เกรงว่านี่จะเป็นคลื่นเตือนเบาๆ หลายระลอกก่อนพายุใหญ่จะมาเยือน” *************************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม