Ep2(1) : ลักพาตัว By...kanokrot

4309 คำ
แสงไฟจากปลายบุหรี่ถูกขยี้ดับลง เมื่อสายตาคมดั่งเหยี่ยวปะทะเข้ากับเป้าหมายที่ตัวเองเฝ้ารอคอยเพื่อดำเนินการตามแผน ได้มาปรากฏตัวอยู่ตรงเบื้องหน้าของเขาแล้ว รอยยิ้มร้ายกระตุกขึ้นตรงมุมปากหยักลึก เมื่อภาพของหญิงสาวที่เขาเห็นไม่ต่างจากกระต่ายน้อยแสนน่ารัก ทั้งขาวทั้งอวบน่าบดขยี้ให้แหลกคามือ เธอกำลังเดินเอื่อยเฉื่อยชมสวนสวยอย่างเพลิดเพลินอุรา โดยไม่ได้เอะใจอะไรเลยสักนิด ตอนนี้เธอกำลังตกอยู่ในสายตาของอสูรร้ายเช่นเขาอยู่...                “ฮึ...โผล่หน้าออกมาแล้วหรือ...นาทยสุรี!” เขาไม่ต้องเปลืองเวลาในการรอคอยเหยื่อแสนสวยให้นานนัก แม่เจ้าประคุณก็เดินมาติดกับดักเขาอย่างง่ายดาย...                “ไม่เจอกันนาน น้องน้อยของเขายังสวยอ่อนหวานไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะ” รอยยิ้มดีใจฉายวาบขึ้นบนใบหน้าหล่อเหล่าวูบหนึ่ง แต่เพียงวูบเดียวก่อนรอยยิ้มนั้นจะจางหายกลายเป็นริ้วรอยของความเหี้ยมโหดเข้ามาแทนที่ พอคิดถึงแผนการความซะใจก็เข้ามาแทนที่ความโหยหา เมื่อต่อไประหว่างเขากับแม่น้องน้อย มันจะเป็นแค่ไฟแห่งการแก้แค้นเท่านั้น ไม่ใช่ความรักหรือความผูกพันอันใดดั่งเช่นเมื่อครั้งยังเยาว์วัยนั่นอีกแล้ว...                “จะเอาอย่างไรดีครับนาย เธอเดินออกมาคนเดียวเสียด้วย ทางปลอดโปร่งอย่างนี้พวกเรารีบลงมือกันเลยดีกว่าไหมครับ ขืนช้ากว่านี้ ผมกลัวงานเลี้ยงจะเลิกเสียก่อน เราจะทำงานยากขึ้นนะครับคุณเสือ...” เข้มยืนขนาบข้างเจ้านายไม่ห่าง ขยับปากไตร่ถามถึงแผนการขั้นต่อไป ส่วนสายตาก็เหลือบมองตามเจ้านายไปยังเป้าหมายแสนงาม เขาเองก็ถึงกับสะดุดลมหายใจในความงดงามอย่างไร้ที่ติของเธอผู้นั้นเลยทีเดียว “สวยนะคุณเสือ...” เข้มหลุดปากชมจากใจ โดยไม่นึกแปลกใจตัวเองเลยสักนิด ว่าทำไมนายรักของตนเองถึงได้กล้าคิดทำอะไรเสี่ยงๆได้ถึงเพียงนี้ เมื่อหญิงสาวที่กำลังเดินนวยนาดอยู่ตรงเบื้องหน้าเขานั้นมีความงดงามไม่ต่างจากนางฟ้าเดินดินได้ดีๆนี่เอง ทั้งรูปร่างผิวพรรณช่างบอบบางอรชร เหมาะสมยิ่งนักที่เธอผู้นี้จะเกิดมาอยู่ในชาติตระกูลอันสูงส่งเทียมชั้นฟ้าชั้นสวรรค์...                “อืม!งั้นมึงไปคอยเตรียมรถ ขับมาจอดตรงทางที่กูชี้ให้มึงดูก่อนจะถึงทางเลี้ยว เดี๋ยวทางนี้กูจัดการเอง บอกคนของเราให้ออกมาจากงานให้หมด...” ปวีณสั่งการลูกน้องด้วยรอยยิ้มเหี้ยมโหด เหยื่อสาวคนงามที่เขาเฝ้าติดตามมาได้สักระยะเวลาหนึ่ง ณ บัดนี้เธอผู้นั้นได้มายืนอยู่ตรงหน้าของเขาโดยไม่ต้องออกแรงทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่คิดทุกอย่างจะง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก  งานนี้สนุกแน่ไอ้นนท์! มึงทำกับน้องสาวกูไว้ยังไง กูก็จะทำกับน้องสาวของมันมึงไม่ต่างกัน ตาต่อตาฟันต่อไฟ แค้นนี้หากกูไม่ชำระความเอามึงให้กระอักเลือด กูคงนอนตายตาไม่หลับแน่... แววตาขุ่นแค้นจับจ้องไปยังร่างอรชรอ้อนแอ้นอย่างมุ่งมั่น น้องสาวของเขาต้องมาหมดอนาคตลงก็เพราะความมักมากกินไม่เลือกของไอ้ผู้ชายชั่วช้าอย่างไอ้อานนท์ ไอ้เพื่อนสารเลว ตอนแรกเขารึอุตส่าห์หลงดีใจ เพียงรู้ว่ามันไปเรียนต่อปริญญาโทยังประอังกฤษส่วนเขาเรียนอยู่อเมริกา เลยฝากฝั่งปลาย่างเอาไว้กับแมวให้มันช่วยดูแลแทนเขาที แต่ที่ไหนได้ พอมันทำลูกหว้าท้อง มันกลับปฏิเสธหัวชนฝาแล้วชิ่งหนีกลับเมืองไทย โดยปฏิเสธไม่ยอมรับลูกในท้องของน้องสาวเขา จนลูกหว้าต้องคิดสั้นเกือบจะฆ่าตัวตาย หากวันนั้นเขาไปไม่ทัน ป่านนี้ลูกหว้ากับหลานของเขา คงได้สิ้นลมหายใจกันไปทั้งคู่แล้วก็อาจเป็นได้...                “ได้ครับนาย” เข้มรับคำก่อนจะรีบวิ่งหลบฉากไปทางด้านหลัง วิ่งกลับไปยังรถยนต์ตามคำสั่งของเจ้านายทันที เข้มเองก็อยากทำทุกอย่างให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ถึงจะรู้มันเป็นเรื่องผิดบาป หากเป็นคำสั่งจากนายรักเขาก็ไม่อาจขัดได้เหมือนกัน                ทันทีที่ลูกน้องวิ่งห่างออกไป ร่างสูงใหญ่ของปวีณจึงรีบเดินปราดเข้าใส่เป้าหมายโดยไม่รอช้า งานนี้เขาต้องรีบจัดการรวดเร็วสักหน่อย ก่อนไอ้นนท์มันจะทันรู้ตัว คนของมันตาอย่างกับสับปะรด ขืนชักช้าแผนการจะไม่ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้อีก...                “อุ้ย!!!” นาทยสุรีส่งเสียงร้องตกใจผงะร่างน้อยถอยหลังออกห่าง เมื่อเธอถูกชายแปลกหน้าเดินเข้ามาขวางทางเอาไว้ด้วยท่าทางคุกคามหาเรื่อง ทั้งที่บริเวณจัดงานเลี้ยงอยู่ทางส่วนด้านหน้าของตัวตึกฝั่งนู้นแท้ๆ ฝั่งตรงนี้แยกห่างออกมาสุดทางด้านหลังของตัวตึก แถมยังมีป้ายห้ามเข้าปักเตือนเอาไว้แผ่นใหญ่โต เขามองไม่เห็นป้ายหรือไม่ใส่ใจกันแน่นะ เขาถึงได้กล้าบุกรุกเข้ามาบริเวณส่วนตัวของเธอโดยไม่คิดเกรงใจเจ้าของสถานที่บ้างเลย                นาทยสุรีกวาดสายตามองโดยรอบบริเวณสวนดอกไม้เลิกลั่ก บอกตามตรงเธอไม่ไว้ใจผู้ชายตรงหน้าคนนี้เอาเสียเลย สายตาคมกริบของเขายามจ้องมองเธอ มันดูหยาบโลนจนน่ารังเกียจ ...                “เดินออกมาหาเหยื่อหรือไงจ๊ะคนสวย...” แค่เพียงประโยคแรกกับคำเอ่ยทักทายจากชายแปลกหน้า ทำเอานาทยสุรีต้องรีบหันหลังเดินหนี แต่เธอกลับถูกเขาเดินมาดักหน้าเอาไว้อีกจนได้                หญิงสาวแหงนเงยขึ้นมองร่างสูงใหญ่ราวยักษ์ ส่งสายตาเขียวปั้ดไม่พอใจไปให้เขา...                “ช่วยหลีกทางให้ฉันด้วย ฉันจะกลับเข้างานแล้ว...” นาทยสุรีหลุดเสียงประหวั่นสั่นกลัว แค่เธอได้ยินคำทักทายหาเรื่อง เท่านี้เธอก็พอมองออก ชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้คงไม่ได้มาดีแน่ๆ                “หรือนัดผัวคนไหนเอาไว้ตรงนี้ล่ะ เธอถึงกล้าเดินออกมาจากงานคนเดียวโดยไม่คิดกลัวอะไรตอนกลางค่ำกลางคืน แต่เสียใจด้วยนะ นอกจากฉันก็ไม่เห็นตัวตัวไหนเลยสักตัวเดียว...”                  “เอ๊ะ! คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ฉันกับคุณเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ กล้าดียังไงมาหยาบคายกับเจ้าของบ้านอย่างฉัน คอยดูนะฉันจะฟ้องคุณพ่อใหไล่คุณออกไปจากงานเลี้ยงของเราคนอะไรไร้มารยาท ถอยออกไปเดี๋ยวนี้นะ ...”                “เชิญ...ถ้าคิดว่าเธอจะได้กลับเข้าไปในงานได้อีก ก็เชิญเลย...” ปวีณเอ่ยคำท้าทายเขาไม่เห็นนึกกลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น                “คุณหมายความว่าอย่างไร?...”                “ไม่มีความหมายอะไร ฉันอยากทำอะไรก็จะทำ” ปวีณไหวไหล่ก้าวประชิดร่างน้อยเป็นการคุกคาม นาทยสุรีต้องถอยหลังหนีห่างร่างใหญ่โตของชายหนุ่มออกไปเรื่อยๆ ภายในใจของเธอนั้นหวาดกลัว ยิ่งมาเห็นแววตาดุร้ายของเขาใกล้ๆ นาทยสุรีก็ถึงกับขนลุกเกรียวไปทั้งตัว...                “คุณเป็นใคร? ทำไมถึงเข้ามาอยู่ในบ้านของฉันได้...ถอยออกไปให้ห่างจากฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนมาช่วย...” นาทยสุรีออกปากขับไล่เขาปากคอสั่นไปหมด เธอสั่งให้เขาถอยห่าง หากเขากลับตีหน้ามึนยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เมื่อเขากลับยิ่งเดินเข้ามาประชิดร่างของเธอจนได้กลิ่นกายชาย  ปวีณกระตุกยิ้มเยาะเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของเจ้าหล่อน แม่เนื้อกวางน้อยของเขาช่างแสนยั่วราคะดีหรือเกินนะแม่คุณเอ่ย...  ปวีณแสยะริมฝีปากหนาออกดูน่ากลัวจนหญิงสาวขนลุกขนพอง สองขาแข็งแรงของเขากล่าวเข้าหาร่างอวบอิ่มตรงหน้ามาดมั่น ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ หาได้สนใจเสียงขับไล่ของเธอไม่ ก่อนจะเอื้อมมือใหญ่ฉุดบังคับร่างอรชรของนาทยสุรีดึงรั้งเข้ามาแนบชิดกับลำกายแข็งแกร่งของเขา จนบังเกิดความรู้สึกแปลบปลาบขึ้นตรงกลางกายสาว ความรู้สึกเหมือนไฟฟ้าแรงสูงดึงดูดให้ขั้วบวกวิ่งเข้าหาขั้วลบ ยากต่อการต่อต้าน ด้วยความตกใจดวงตากลมโตของนาทยสุรีถึงกับเบิกกว้างขึ้น เมื่อสิ่งที่เธอไม่เคยคิดคาดฝันมาก่อนว่าจะถูกช่วงชิงไปอย่างง่ายดาย จะเกิดขึ้นกับเธอในวันนี้...                “คุณ!อืม!”  เพียงแค่จะอ้าปากหวังห้ามปราม หากทว่าใบหน้าคมคายดุดันของเขาก็โน้มลงมาหาเธอด้วยความรวดเร็วเสียก่อน เพียงเธอเผยอปากขึ้นได้เพียงนิดเดียว ก็ถูกเจ้าของร่างกายกำยำใหญ่โต ฉกเรียวปากหนาประกบปิดริมฝีปากอิ่มของเธอเอาไว้เสียแนบแน่นเอาแต่ใจ นาทยสุรีแทบเป็นลมล้มพับไปกับจูบแรกของตัวเอง เมื่อเขาไม่เพียงแค่ประกบปากหนาของเขาบดเบียดกับริมฝีปากเริ่มจะบวมเจ่อของเธอแค่นั้น แต่เขายังบังคับกัดเล็มริมฝีปากบังคับเอาลิ้นร้อนของเข้าบุกทะลวงผ่านเข้ามายังโพรงปากอวบอิ่มของเธออย่างง่ายดายอีกด้วย รสจูบผสมความซ่านเสียวทำเอาหญิงสาวอ่อนด้อยประสบการณ์ถึงกับตัวอ่อนสมองพร่าเบลอหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งการขัดขืนต่อต้านจากชายหนุ่ม...                ส่วนเจ้าของริมฝีปากได้รูปงาม พอได้ริมรสแสนถูกปากอร่อยลิ้น เขากลับตั้งหน้าตั้งตาบดขยี้ความหอมหวานอย่างเอาเป็นเอาตาย นานมากแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่เคยต้องอิสตรีใด เมื่อใจเขายังคงเฝ้ารอคอยน้องน้อยผู้แสนบอบบางอยู่อย่างรอคอย ไม่มีหญิงใดที่เขาต้องการเมื่อใจมันไม่รัก ก็ไม่คิดจะสร้างความเจ็บปวดให้กับใคร เขาเลยครองตัวเป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้ ก่อนหน้าเขาเพียงรอเวลา คำสัญญาจะเดินทางมาเจอกัน หากแต่วันนี้เขาไม่อาจรอมันได้อีก เพราะแค้นมันต้องชำระด้วยแค้นเท่านั้นมันถึงจะสาสมใจ...                รสชาติของจูบดูดดื่มแสนหวานละมุน คนแก่ประสบการณ์สอนนำ ส่วนคนด้อยประสบการณ์เผลอไผลตอบสนองเงอะงะเดินตาม จนเมื่อความซ่านเสียวแผ่ขยายจนไม่อาจทานไหว ร่างน้อยด้อยประสบกาณณ์ถึงกับสะดุ้งตกใจ พยายามเรียกสติหลุดลอยหวนกลับคืนมา ฝ่ามือหมดแรงยกขึ้นผลักไสซึ่งดูยังไงก็เหมือนเอามือไปวางแปะบนร่างกำยำเสียมากกว่า                “อืม!อ่อยอะ...” นาทยสุรีพยายามส่งเสียงร้องอึกๆอักๆ เบี่ยงใบหน้าหลบหนีริมฝีปากร้ายกาจของชายหนุ่มเอาเป็นเอาตาย เมื่อมันทั้งรุกรานแถมชอนไชไปทุกซอกทุกมุมอยู่ในโพรงปากหวานของเธอให้รู้สึกมึนเมา เธอไม่ดื่มเหล้าแต่เธอกลับเมาได้เพียงเพราะรสจูบของชายหนุ่มผู้นี้แท้ๆ  ฝ่ามือหยาบแข็งกระด้างของเขาชักเริ่มซุกซนอยู่ไม่สุข มันเลื่อนลูบไล้สำรวจไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างอรชรอ้อนแอ้น ปวีณรู้สึกชอบผิวเรียบลื่นดุจใยไหมของหญิงสาวเหลือเกิน มันทำให้เขาไม่อาจตัดใจถอยห่าง หากกลับยิ่งเพิ่มแรงเคล้นคลึงหนักมือเข้าไปกันใหญ่...                “หวาน...หวานมากเหลือเกินน้องนิ่มจ๋า” เสียงครวญครางต่ำลึกดังผะแผ่วอย่างคนมาเจอของถูกใจ ชายหนุ่มยอมรับโดยดุษฏี เขาชักติดใจรสชาติหวานหอมราวน้ำค้างบริสุทธิ์ของนาทยสุรีจนไม่อาจหยุดเพียงแค่จูบได้ ความไร้เดียงสาของเจ้าหล่อนยามเผลอตัวตอบสนองเขา เป็นตัวกระตุนให้ไฟราคะลุกกระพือจนบางอย่างของเขาตื่นเพริดแทบปริแตก ปวีณกดฝ่ามือหนาลงบนสะโพกนุ่มนิ่มเพื่อให้เธอได้สัมผัสถึงความต้องการของเขาตอนนี้                ดวงตาแม่กว้างน้อยขยายโตขึ้นอย่างคนผวากลัว นาทยสุรีรีบขยับสะโพกหนีห่างความร้อนรุ่มตรงกลางกาย มันเป็นสิ่งน่ากลัวจนเธอแทบอยากร้องไห้                “อย่านะ!...” เสียงหวานร้องห้ามปรามสุดเสียง หากกลับไม่ต่างจากเสียงกระซิบเพียงลมพัดผ่านเท่านั้น หญิงสาวเริ่มดิ้นรนผลักไสร่างใหญ่เอาเป็นเอาตายเมื่อสติหวนกลับมาเต็มร้อยอีกครั้ง หากปวีณกลับไม่สะทกสะท้าน แรงเท่ามดกัดของเจ้าหล่อนแค่นี้น่ะเหรอ ไม่อาจทำให้เขาระคายต่อผิวได้หรอกนะ เขากลับเพลิดเพลินจำเริญใจไปกับความหอมหวานอย่างไร้ที่สิ้นสุด ยิ่งบดยิ่งเบียดยิ่งแนบชิดร่างกายแกร่งเข้าหาความละมุนละไมต่อฝ่ามือ ปวีณก็ไม่ต่างจากถูกมนต์สะกด ไอ้ความต้องการแค่เพียงอยากจะสั่งสอนก่อนหน้ากลับแปรเปลี่ยน ทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มจนอยากจะกระโจนเข้าหาความนุ่มนิ่มเพื่อโอบรัดความร้อนรุ่มนี้ของเขาเอาไว้เสียเหลือเกินแล้วในตอนนี้  เมื่อความต้องการมาถึงขีดจำกัด อาการหน้ามืดโดยไม่สนใจสิ่งรอบกายทำให้ปวีณหมดสิ้นความอดกลั้น ไวเท่าความคิดเมื่อเขาไม่อาจหักห้ามสิ่งต้องการจากก้นบึ้งของหัวใจได้อีกต่อไป ร่างใหญ่เท่ายักษ์จึงลากร่างอวบเต็มไม้เต็มมือ ขยับหลบเข้าหลังพุ่มไม้ใหญ่ ซึ่งมีความมืดคอยช่วยอำพรางเอาไว้อีกทอดหนึ่ง...                “ไม่นะ!...ได้โปรด...อย่าทำอะไรฉันเลย...” นาทยสุรีรีบยกมือขึ้นไหว้รนราน ขอร้องชายหนุ่มตรงหน้าให้ปล่อยเธอไปด้วยความหวาดผวา ยิ่งร่างน้อยของเธอถูกเขาลากและผลักลงจนล้มไปนอนกองกับพื้นหญ้าจนเจ็บจุก เธอก็แทบสิ้นสติ เพียงชั่วอึดใจเดียวร่างใหญ่หนาของเขาก็ตามติดลงมานั่งค้อม กักกันร่างของเธอเอาไว้จนเธอกระดุกกระดิกไปไหนไม่ได้                “ฉันกลัวแล้ว ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ อย่าทำอะไรฉันเลย...”  นาทยสุรีร้องขอปากคอสั่น                “จะกลัวไปทำไมกันล่ะสาวน้อย เรากำลังจะมาสนุกด้วยกันไง อีกเดี๋ยวเธอก็จะชอบมันถึงขั้นร้องขอเชียวล่ะ เชื่อฉันสิ...” สายตาโอ้โลมพร้อมคำพูดสื่อไปถึงบางอย่าง ยิ่งทำให้นาทยสุรีขวัญผวาหนักเข้าไปกันใหญ่ ใบหน้างามนวลซีดเผือกลงถนัดตา น้ำตาหยดเล็กๆเริ่มคลอเบ้าหวาดหวั่นต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น                “ได้โปรด...อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวแล้ว คุณอยากได้อะไรก็เอาไปเลย แต่ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ...” นาทยสุรียกมือไหว้ขอร้องเขาจนดูน่าสงสาร หากคนหน้ามึดไม่คิดสงสารสักนิด                “ก็เธอไงคือสิ่งที่ฉันอยากได้...” ปวีณย้ำคำชัดถึงความต้องการในตัว  เมื่อสิ้นคำปุ๊บมือใหญ่จึงถลกชุดราตรีสีฟ้าอ่อนขึ้นไปกองไว้เหนือเอวคอดกิ่วของหญิงสาว เขาจู่โจมเร็วจนนาทยสุรีตกตะลึงแทบลืมหายใจ  “กรี๊ด!!!” แรงกระชากชุดสวยทำให้เนื้อขาวเกิดริ้วรอยเป็นแดงปรื้น หญิงสาวส่งเสียงกรีดร้องตกใจสุดขีดออกมา “เงียบ! ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” ปวีณตวาดกลับเสียงเข้มให้เหยื่อสาวเนื้อหวานหยุดเสียง พร้อมกับโน้มร่างเข้าหา เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานัดกับเข้มไปมากกว่านี้ และอาจจะมีใครอื่นมาเห็นเข้าเสียก่อนด้วย   แม้ความมืดสลัวจะไม่อาจทำให้ชายหนุ่มได้เห็นเนื้อขาวราวน้ำนมได้ชัดเจน แต่เพียงเห็นแค่เลือนราง ก็เล่นเอาเลือดลมหนุ่มแล่นสูงปรี๊ดจนลมหายใจของเขาแทบสะดุดกับความงดงามตรงเบื้องหน้าได้เหมือนกัน...                “สวยเหลือเกินหนูนิ่มของพี่...” ความงดงามเบื้องหน้าเล่นเอาปวีณหลุดเสียงครางแหบระโหย แววตาหมองมัวเพราะฤทธิ์พิศวาสหยาดเยิ้ม                มือใหญ่ไม่คิดรอช้าให้เสียเวลานัด เขารีบวางมือหนานาบลงบนเนินเนื้อผกานูนอวบอิ่มขาวล่อตา ก่อนลูบไล้ไปมาจนนาทยสุรีถึงกับกระตุกเกร็งไปทั้งร่าง ด้วยนี่ถือเป็นครั้งแรกของเธอ ที่ถูกกระทำจาบจ้วงหยาบโลนจากชายอื่น ปากอวบอิ่มเผยอค้างหากแต่ไม่กล้าหลุดเสียงร้องใดออกมา ด้วยความเสียวแปลบลามเลียไปจนถึงท้องน้อยนั้น ทำให้หญิงสาวเองก็หลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ความกลัวก่อนหน้าเธอก็ยังลืมมันเช่นกัน ความรู้สึกประหลาดซ่านเสียวแทรกกลืนกินความหวาดกลัวเข้ามาแทนที่ แม้จะยังมีปราการเป็นกางเกงในตัวจิ๋วลายลูกไม้เนื้อดีขวางกั้นเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจต้านทานสัมผัสร้อนฉ่าจากฝ่ามือหยาบของชายหนุ่มได้ เมื่อมันเล่นงานเธอแทบแดดิ้นทุรนทุราย...                นิ้วเรียวยาวผุบหายเข้าไปในเนื้อผ้าชิ้นบาง แต่ความคับแน่นของโพรงเนื้อหวานบีบรัดข้อนิ้วชายหนุ่มเอาไว้ จนปวีณถึงกับหลุดเสียงสบทหยาบออกมา...                “เธอนี่มัน...อืม!”                “อืม!ซีดส์...อย่า...” เสียงหวานขาดหายเป็นห้วง ใบหน้าหวานเหยเก เมื่อนิ้วเรียวยาวแหวกม่านโพรงสวาทเข้าไปแตะสัมผัสผิวผนังเนื้อดีด้านในมากขึ้น แม้จะไม่ถึงขั้นลึกล้ำบุกทะลวงเข้าไปจนทำลายเยื่อพรหมจรรย์ก็จริง  เพราะปวีณต้องการสร้างเพียงน้ำหล่อลื่นให้หลั่งรินออกมาเตรียมความพร้อม ยามเขาบุกเข้าใส่หญิงสาวจะได้ไม่เจ็บปวดทรมาน ปวีณใช้มือว่างอีกข้าง รูดซิบกางเกงยีนลงมากองไว้ใต้หัวเข่า แล้วปลดปล่อยไอ้ลูกชายวัยคึกคะนองออกมาสูดอาการภายนอกเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม และเมื่อมันดีดตัวหลุดออกมาอยู่ภายนอกกางเกงเท่านั้น นาทยสุรีก็ถึงกับหลุดเสียงร้องออกมาเช่นกัน...                “ว้าย!!!” เสียงร้องกรี๊ดหลุดดังออกมาจากริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อ เมื่อสายตาฉ่ำปรือปะทะเข้ากับความน่าสะพรึงกลัวของความใหญ่โตมโหฬารเข้า                “ไม่...อย่า...ได้โปรด...ฉันกลัวแล้ว...คุณอย่าเอามันเข้ามาในตัวของฉันนะ มันโหญ่มาก ฉันรับของคุณไม่ไหวแน่ๆ” ร่างน้อยรีบกระถดกายหนีความใหญ่ยักษ์ของเนื้อเอ็นตรงหน้า ใบหน้าหวานส่ายสะบัดไปมาเพื่อเป็นการปฏิเสธ ขนาดของเขาใหญ่น่ากลัวเหลือเกิน ถ้าหากมันเข้าไปในเนื้อตัวแสนบอบบางของเธอเมื่อไหร่ มีหวังเธอได้สิ้นใจตายเป็นแน่วันนี้                “เธอรับฉันไหว เชื่อฉันสิแม่เนื้อกว้างแสนหอม...” ปวีณหัวเราะหึ เพิ่งเคยเห็นผู้หญิงกลัวความใหญ่โตของลูกชายเขา ที่ผ่านมาก็เห็นมีแต่น้ำลายหกกันเป็นแทบ                “ไม่นะ มันใหญ่เกินไป ฉันคงตายแน่ๆ อย่าเอามันเข้ามาในร่างกายของฉันเลยนะ ฉันกลัว...”  ดวงตาโตขยายกว้างบ่งบอกถึงอาการกลัวสุดขีด เธอไม่ได้แสแสร้งแกล้งทำแต่อย่างใดทั้งสิ้น                “จุ๊ๆๆๆๆๆ อย่ากลัวมันเลยนะสาวน้อย มันไม่ทำให้เธอถึงตายได้หรอกน่าเชื่อฉันสิ แต่มันจะทำให้เธอต้องเปร่งเสียงร้องครางด้วยความเสียวซ่านจับขั้วหัวใจเลยล่ะ ดูสิมันออกจะน่ารัก น่าดูดเสียขนาดนี้...” ปวีณจุ๊ปากร้องห้าม เมื่อร่างน้อยเริ่มดิ้นรนขัดขืนหนีเขาขึ้นมาอีกแล้ว นาทยสุรีไม่ได้นึกชื่นชมกับสิ่งภูมิใจที่ชายหนุ่มอวดอ้างให้เธอเห็นเลยสักนิด นาทยสุรีได้แต่เบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย เมื่อเนื้ออวบที่ชายหนุ่มกำลังลูดขึ้นลูดลงมันดันชี้โด่มาทางเธออยู่นะสิ...                “หึ...อย่ามาทำเป็นไม่เคยไปหน่อยเลยน่า...แม่สาวเมืองกรุงร้อนรักของฉัน ดูก็รู้อยู่แล้ว ว่าเธอน่ะชอบมันใจจะขาด...”                “ไม่...ฉันไม่ได้ชอบ คุณอย่ามากล่าวหากันให้มากนักนะ ดีเท่าไหร่แล้วที่ฉันไม่ร้องให้ยามมาลากตัวคุณไป คุณมันบ้า...”                “แต่คนบ้าคนนี้กำลังจะเป็นผัวของเธอไง...” ปวีณตอกย้ำด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน                “ฝันไปเถอะไอ้บ้า ฉันไม่ยอมแกง่ายๆแน่คอยดู” นาทยสุรีต้องเม้มริมฝีปากบวมเจ่อเข้าหากันแน่นอย่างอดกลั้น จะให้เธอร้องให้ใครมาช่วยได้เล่า ก็ดูสภาพของเธอตอนนี้สิ หากใครมาเห็นเข้า มีหวังคงได้อับอายกันไปทั้งวงค์ตระกูลเป็นแน่...                “งั้นก็แหกปากร้องสิ ทำไมถึงไม่แหกปากร้องล่ะ ร้องเลย ร้องดังๆนะ ร้องให้คนมาช่วยก็ดีเหมือนกัน พวกมันจะได้แห่งกันมาดูหนังสดตอนฉันกับเธอกำลังสอดร่างประสานกันอย่างเมามันไง...อยากโชว์นักก็ร้องเลยสิ...” ปวีณลอยหน้าลอยตาเอ่ยท้าทาย                “ไอ้บ้า...” นาทยสุรีพยายามคิดหาคำด่าให้เขาได้เจ็บปวดบ้าง หากแต่เธอไม่รู้จะเริ่มต้นด่าออกไปว่าอย่างไรดี เมื่อตลอดเวลา เธอถูกเลี้ยงมาให้อยู่ในกรอบจารีตประเพณีอันดีงาม                “เลิกพูดมากแล้วเรามาสนุกกันได้แล้ว...เมียจ๋า”                “ไม่! ปล่อยสิ...”                “ปล่อยให้โง่สิ อ้อยมานอนอ้าขาให้ช้างเอาถึงที่แบบนี้ ปล่อยเธอไป ฉันคงต้องเปลี่ยนจากกินข้าวไปกินหญ้าแทนแล้วล่ะ แม่อ้อยหวาน...” พอพูดจบปวีณกระชากเรียวขาออกกว้าง                “อย่า!” นาทยสุรีสะดุ้งสุดตัว ต้องรีบหนีบขาเข้าหากันไม่ยอมให้ชายหนุ่มแปลกหน้าดึงกางเกงชั้นในของเธอออกไปไหนได้ แต่คนกำลังเร่งทำเวลาไม่อาจรอช้า ปวีณกระชากทีเดียวกางเกงในลายลูกไม้ก็ขาดวิ่นออกจากกันทันที สร้างความตื่นตระหนกให้เจ้าของซากชิ้นน้อยยิ่งนัก แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวใดๆ ร่างงามก็ถูกกระชากให้ลำขาเรียวเสลาทั้งสองข้างอ้าออกจากกัน เปิดเปลือยกลีบผกาให้อ้าออกตามรอยแยกที่ปิดสนิท ก่อนจะถูกความใหญ่ยักษ์ของท่อนเอ็น เสือกพรวดเข้ามาทีเดียวจนมิดลำ...                “โอ๊ะ…โอ้ย!!!กรี๊ด...” นาทยสุรีทิ้งร่างน้อยลงนอนราบบนพื้นหญ้าดิ้นทุรนทุราย ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดเหลือคณา คลับคล้ายร่างทั้งร่างจะแยกออกจากกันเสียให้ได้                “ซีดส์...แน่นฉิบ...” ปวีณมีเวลาสบทออกมาเพียงนิด เมื่อต้องรีบประกบปิดปากที่กำลังส่งเสียงร้อง ไม่ให้เสียงเล็ดรอดจนเกิดใครมาได้ยินเข้าเสียก่อน ส่วนเบื้องล่างก็ทำการกระโจนจ้วงแทงเข้าใส่จนทำลายเยื่อพรหมจรรย์ขาดสะบั้นลง ใบหน้าคมคายสะบัดเหยเกเมื่อชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงสิ่งห่วงแหนของหญิงสาว จนบังเกิดความสุขล้ำขึ้นภายในใจอย่างสุดซึ้ง ร่างใหญ่ถาโถมเข้าใส่ร่างน้อยสลับกับโยกโยนคว้านลึกไปมาอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่คิดจะแยแสกับเจ้าของร่าง ซึ่งบัดนี้ได้นอนแน่นิ่งหมดสติไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อไม่อาจทนทานต่อความเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ มือหนาควานขึ้นหาความอวบเต่งตึงทั้งสองเต้างาม บีบขยำจนเนื้อแน่นโผล่พ้นขึ้นมาจากเนื้อผ้า แม้จะยังอยู่ใต้ผ้าถึงสองชั้น แต่หาเป็นอุปสรรคต่อเขาไม่ เพราะแรงเสียดเสียวทำให้ปวีณต้องการหาที่ระบายออกสุดใจเช่นกัน                “อ๊าซ์!...ซี๊ดส์!” ปวีณแหงนเงยใบหน้าตนเองขึ้นร้องคำราม เขาต้องเร่งจังหวะให้เร็วและแรงขึ้น เมื่อเขาสัมผัสแรงตอดถี่ยิบภายใน นั่นบ่งบอกว่าหญิงสาวไร้สติกำลังไปเยือนขอบสวรรค์โดยไม่คิดรอเขา ชายหนุ่มจึงไม่รอช้ารีบกระแทกตัวตนอัดเข้าไปในช่องเล็กแต่แสนอุ่นสบายด้วยความเร็วถี่ยิบ ซอยเข้าซอยออกอยู่สักพัก ลำคอหนาก็เกร็งกระตุกส่งเสียงคำรามสะกดให้มันแผ่วเบา เมื่อน้ำขาวขุ่นพุ่งทะยานออกมาจากลำใหญ่จนทะลักออกมายังด้านนอก ปวีณโยกเข้าออกอีกเล็กน้อยเพื่อให้ช่องแคบหากกลับรัดเขาจนแน่นนั้น รีดเอาพิษของเขาออกให้หมดเสียก่อนที่จะชักลำหนาออกมาสะบัดแล้วเก็บเข้าที่เดิมของมัน...                ใบหน้าคมคายเหลือบสายตาคมเข้มขึ้นมองใบหน้าหวานงดงามของหญิงสาวซึ่งตอนนี้เธอนอนหลับตาพริ้มด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก เขาทั้งสุขใจ อิ่มเอม ห่วงแหนร่างงามนี้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จนเขาไม่คิดจะปลดปล่อยเธอไปให้ชายใดได้เฉยชมอย่างที่เขาได้เฉยชมเจ้าหล่อนอีกแล้ว ถึงเขาจะมีแผนการบางอย่างเตรียมรอเอาไว้ และนั่นอาจทำให้นาทยสุรีถึงขั้นเกลียดเขาเข้ากระดูกดำเลยก็ตาม แต่เขาก็จะไม่ปล่อยให้แม่น้องน้อยของเขาตกไปเป็นของใครได้นอกจากเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น...                ปวีณจัดการทำความสะอาดร่างของตัวเองพร้อมของหญิงสาวจนเสร็จรีบร้อยดี เขาจึงช้อนร่างงดงามหมดสติ ขึ้นมาโอบกอดไว้ในอ้อมแขน ชายหนุ่มค่อยๆเดินหลบเลี่ยงออกไปยังเส้นทางมืดสนิท เพื่อจะตรงไปยังทิศทางที่ได้ทำการนัดแนะเอาไว้กับเข้ม ก่อนจะถึงจุดหมาย ปลายจมูกโด่งกดย้ำลงยังหน้าผากนูน เมื่อกลิ่นกายสาวทำให้เขาแทบอยากกระโจนเข้าหาอีกสักครั้งหนึ่ง... ********************************                 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม