“ไม่ใช่ของพี่ตฤณ แล้วของใคร คุณฐานทัพหรอ?” ร่างเล็กชงไปถามตัวเองไป เมื่อเสร็จแล้วก็รีบเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไปข้างใน แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นกวินภพที่นั่งเล่นรูบิคอยู่ที่โซฟากลางห้องทำงานของท่านประธาน และผู้ชายอีกคนที่หล่อกินกันไม่ลง คาดว่าน่าจะชื่อฐานทัพ แถมยังยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตรอีก
“กาแฟของใครคะ” วาเลนเซียเอ่ยถาม ใจก็อยากจะให้เป็นของกวินภพ
“ของมึง มึงก็ตอบดิ เป็นใบ้หรอ” ฐานทัพเอ่ยขึ้น พร้อมกับตักข้าวเข้าปากด้วยทีท่าสบายๆ
“วางไว้” กวินภพเอ่ยขึ้น
“นี่เลขามึงหรอตฤณ?” ฐานทัพถาม
“อืม สวยไหม น้องกูโสดนะมึง” กฤษตฤณชงให้เพื่อน พร้อมกับเหลือบตามองท่าทีของกวินภพเล็กน้อย แต่ก็นิ่ง ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา สงสัยจะยังไม่ชอบ ลองปั่นอีกหน่อยแล้วกัน
“พี่ก็โสด”
“เหอะๆ แต่เซียมีคนที่ชอบแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ” วาเลนเซียเอ่ยบอกตามตรง ดวงตากลมโตสีน้ำเงินเข้มเสมองกวินภพเล็กน้อย แอบหวังว่าเขาจะหันมาสบตาเธอสักหน่อย แต่ก็ไม่เลย ยังคงเล่นรูบิค ไม่สนใจเธอเลย
“ใครหรอ?” ฐานทัพถาม
“เซียชอบผู้กองกวินภพค่ะ!”
“อึก แค่กๆ” กวินภพที่ยกกาแฟขึ้นดื่มถึงกับสำลักเล็กน้อย
“เพื่อนพี่คนนี้ก็หล่อนะ ไม่ชอบหรอ?” กฤษตฤณถาม
“ไม่ค่ะ ชอบคนนี้ จะเอาคนนี้!!” คำตอบของเธอทำเอากฤษตฤณกับฐานทัพถึงกับยิ้มอย่างพอใจกับความมุ่งมั่นของเธอ ที่ดูชัดเจนดี
“ไงมึง น้องเขาชอบมึง มึงไม่ชอบหรอ ไม่ชอบกูจีบนะ” ฐานทัพกระแทกไหล่เพื่อน
“จีบก็จีบไปดิ กูไม่ชอบผู้หญิงแก่แดด” กวินภพตอบเรียบๆ
“สัส!! กวิน ตอบแบบนี้น้องเสียใจแย่เลย” ฐานทัพกล่าว
“ไม่เป็นไรค่ะคุณฐานทัพ เซียชินแล้ว” แม้จะเสียหน้าเล็กๆ แต่ก็เดินหน้าต่อ แค่นี้ไม่ทำให้เธอหวั่นอยู่แล้ว
“คุณอะไร เรียกพี่ก็ได้”
“ค่ะพี่ฐานทัพ งั้นเซีย ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
“ชอบว่ะ โคตรสวย สาวลูกครึ่งสเปคกูเลย ผิวก็ขาว ดวงตาโคตรมีเสน่ห์” ฐานทัพกล่าวทันทีที่วาเลนเซียออกจากห้องเพื่อนไปแล้ว
“ไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย อ่อยผู้ชายไปทั่ว”
“อ่อยไปทั่วอะไร กูยังไม่เห็นน้องเขาอ่อยอะไรใครเลย ถ้าน้องเขาจะมั่วกูคงเสร็จน้องไปตั้งนานแล้ว” กฤษตฤณกล่าวตามจริง เท่าที่รู้จักกันมา วาเลนเซียไม่ใช่คนแบบนั้น เธอเป็นคนเฟรนลี่ก็จริงแต่เธอไม่ใช่คนที่จะชอบหรือถูกใจใครง่ายๆ นี่นับเป็นครั้งแรกเลยที่เขาเห็นวาเลยเซียถูกตาต้องใจกวินภพแบบนี้
“กูเชื่อในสิ่งที่เห็น”
“ระวังรู้ตัวช้าแล้วหมาคาบไปแดกนะ เห็นแบบนี้น้องกูเสน่ห์แรงนะมึง”
“ไม่ชอบ เลิกยุ! กูชอบหมอโป๊ยเซียน” กวินภพตอบ พร้อมกับกระดกกาแฟ จากนั้นก็รีบเดินออกจากห้องไปทันที เพราะเริ่มรำคาญเพื่อนแล้ว
“เห้อ กูล่ะเหนื่อยกับมันจริงๆ ชอบคนที่เขาไม่ชอบ วิ่งตามคนที่เขาวิ่งหนีอยู่ได้” ฐานทัพส่ายหน้าเชิงระอากับเพื่อน
“วิ่งตามไม่เหนื่อยก็เรื่องของมันเถอะ แต่กูมั่นใจว่าสักวันคนแบบมันนั่นแหละจะหลงรักน้องกูหัวปรักหัวปรำ” กฤษตฤณคาดการณ์ด้วยความมั่นใจ
หลายอาทิตย์ต่อมา...
กวินภพ : พักเที่ยงแล้วอย่าลืมหาอะไรรองท้องนะครับ
โป๊ยเซียน : ค่ะ
กวินภพ : พรุ่งนี้หยุด ไปดูหนังกันไหมครับ
โป๊ยเซียน : ขอบายนะคะ พรุ่งนี้โป๊ยว่าจะอยู่คอนโด เข้าเวรเหนื่อย
กวินภพ : ออกเวรเช้าใช่ไหม ให้ผมไปรับไหม?
โป๊ยเซียน : ไม่เป็นไรค่ะ มีคนมารับแล้วค่ะ
กวินภพ : แฟนหรอครับ?
โป๊ยเซียน : เอ่อ โป๊ยไม่กล้าคิดถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ
กวินภพ : ถ้าเหนื่อยวิ่งตามเขา หันมามองทางนี้บ้างนะครับ ยังรออยู่นะครับ
นานหลายนาทีกว่าข้อความนั้นจะตอบกลับมา จนร่างสูงตัดสินใจกดออกจากแอพ
ติ้ง!
โป๊ยเซียน : อย่ารอโป๊ยเลยค่ะ โป๊ยไม่เหมาะกับผู้กองหรอกนะคะ ผู้กองเปิดใจให้คนอื่นเถอะค่ะ ยังไงโป๊ยก็ชอบผู้กองไม่ได้ เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเถอะค่ะ ขอบคุณสำหรับความห่วงใยที่ผู้กองมีให้โป๊ยนะคะ แต่โป๊ยชอบเขา ชอบมากๆ แล้วก็คงไม่เปลี่ยนใจ
ข้อความของโป๊ยเซียนเด้งขึ้นมาพร้อมกับประโยคยาวเหยียด ทำเอากวินภพถึงกับไปไม่เป็นเลย ทำไมคนเราถึงชอบวิ่งตามความรัก ทั้งที่ก็มีคนที่พร้อมจะให้รัก ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทั้งที่รู้และโป๊ยเซียนก็ชัดเจนกับเขามาตลอด แต่ใจของเขาก็ยังคงดึงดันที่จะชอบ หวังว่าสักวันเธอจะหันมามองเขาบ้าง สักเสี้ยวก็ยังดี ไม่ว่าจะถูกปฏิเสธสักกี่ครั้ง แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดที่จะรอ รอวันที่เธอเจ็บปวดจนไปต่อไม่ไหว เขาก็จะไปเป็นไหล่ให้เธอซบเอง ไม่ว่าเธอจะเจ็บสักแค่ไหน เขาก็พร้อมที่จะดูแลแผลใจให้คุณหมอที่เป็นรักแรกพบของเขา
ด้านวาเลนเซีย...
“เซีย มีเอกสารอะไรที่พี่ต้องเซ็นต์อีกไหม” กฤษตฤณเอ่ยถามเลขาสาวสุดสวย
“ไม่มีแล้วค่ะ พี่ตฤณ ถ้าไม่มีอะไรแล้วเซียขอกลับเลยนะ” ร่างเล็กเอ่ยบอก พร้อมกับมือกำชับสายกระเป๋าขึ้นสะพายไหล่
“โอเค อ้อ พรุ่งนี้หยุดนะ”
“ดีค่ะ รอเวลานี้มานาน”
“อะไรกัน ทำงานไม่ถึงเดือนก็ขี้เกียจซะแล้ว”
“ก็พี่ตฤณใช้งานเซียเยอะ!! คิดถูกคิดผิดเนี้ยที่มาของานทำ”
“คิดถูกแล้ว กลับได้แล้วไป แล้วเดี๋ยวนี้ยังขี้เหงาอยู่หรือเปล่า”
“?”
“ถ้าไม่กล้าไปกินข้าวคนเดียว ก็ไปชวนไอ้กวินสิ มันกำลังอกหัก ไปดามใจในช่วงที่มันกำลังอ่อนแอคือโอกาสที่ดีที่สุด”
“เขาจะไม่ไล่เตพิดเซียใช่ไหม?”
“ไม่หรอก มันอาจจะกำลังต้องการใครสักคนอยู่ก็ได้”
วาเลนเซียขับรถไปจนถึงคอนโด แปลกที่วันนี้ผู้กองกลับมาเร็ว สงสัยวันนี้งานไม่ยุ่ง ถือโอกาสชวนกินข้าวดีไหมนะ ยืนหยั่งคิดอยู่หน้าห้องเขาสักพัก อยู่ๆ ประตูห้องของเขาก็เปิดออกพร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ฟุ้งตีเข้าจมูกเธอ
“เย็นแล้ว ไปทานข้าวเย็นกันไหมคะ”
“ไปไกลๆ” กวินภพดันร่างเล็กออกไปให้พ้นทางก็จะเดินเซๆ เข้าไปในลิฟต์
“ดะ เดี๋ยวสิคะ!!” เมื่อเห็นท่าทางของร่างสูง ร่างสูงก็รีบวิ่งตามเข้าไปในลิฟต์ด้วยความเป็นห่วง ไม่รู้หรอกว่าเข้ามาทำไม แต่สองเท้ามันวิ่งเข้ามาแล้ว แล้วตอนนี้เธอก็ยืนอยู่ในลิฟต์กับเขาสองคน กวินภพยืนพิงผนังลิฟต์ ดวงตาคมกริบแดงก่ำค่อยๆ หลับตาลง ศีรษะเชิดขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “มีอะไรให้เซียช่วยไหมคะ”
“ช่วยไปไกลๆ” กวินภพตอบ
“คุณตำรวจเมามากแล้วนะคะ แทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว มาค่ะเซียช่วย” เธอเดินเข้าไปประชิดแล้วทำท่าจะพยุงเขา แต่กลับถูกร่างสูงผลักจนร่างเล็กนั้นเซไปชนผนังลิฟต์อีกฝั่ง
“โอ๊ย!” วาเลนเซียร้องออกมาด้วยความเจ็บ เพราะหลังดันไปกระแทกกับราวเหล็กอย่างจัง แวบหนึ่งที่ดวงตาคมกริบนั้นรู้สึกผิดที่ดันไปรุนแรงกับเธอ แต่เมื่อเธอมองหน้าเขา เขาก็ทำทีนิ่งใส่ “ไม่น่ารักเลยนะคะผู้กอง คนอุตส่าต์จะช่วยนะ มองเห็นความหวังดีของคนอื่นบ้างสิ” แต่เธอก็ไม่ได้นึกโกรธเขาหรอก เข้าใจแหละว่าเขาเมา อีกอย่างนี่ก็เกือบเดือนแล้วที่เธอตามตื๊อเขา แถมทุกเช้ายังมาใช้มุขเครื่องทำกาแฟเสียกับเธออยู่เลย แบบนี้จะไม่ให้คิดเข้าข้างตัวเองได้ยังไง ใจก็แอบมีความหวังและ แต่ทำไม๊ ทำไม ยังจะทำตัวเย็นชากับเธออีก เธอไม่สวยตรงไหนกัน หุ่นก็ดี ตัวเล็กยกง่ายมันก็ได้อยู่นะ
“ไม่ได้ขอ”
พูดจบก็ก้าวเท้าฉับๆ เดินไปยังมินิมาร์ทด้านล่าง มือหนาหยิบตะกร้า แล้วเดินตรงไปยังตู้แช่แอลกอฮอล์ แล้วหยิบๆ เบียร์กระป๋องลงตะกร้านับสิบกระป๋อง
“โห ดื่มขนาดนั้นเดี๋ยวก็เมาหรอกผู้กอง เบาๆ หน่อยค่ะ” มือเล็กหยิบเบียร์กลับไปเก็บไว้บนชั้นตามเดิม
“เรื่องของฉัน อย่ายุ่ง จะไปไหนก็ไป”
“ไม่ไป จะอยู่เป็นเพื่อน!” เธอย้ำ
“ฉันไม่ต้องการ!”
“เรื่องของผู้กองสิ ฉันจะอยู่ จะดื่มใช่ไหม ได้!! งั้นดื่มให้พอ เดี๋ยวเซียดื่มด้วย” เมื่อห้ามไม่ได้ก็จอยไปด้วยเลยแล้วกัน