Chapter 3
สายใยแห่งรัก
"ก็เพราะคุณมันโง่กว่าเพื่อน กว่าจะรู้ตัวก็ถูกยักย้ายสินทรัพย์ดีออกไปหมดแล้ว ปล่อยให้คนที่เหลืออยู่กับบริษัทที่จะเจ๊งอยู่รอมร่อ!"
"หยุด! แค่นี้ก็เครียดมากพอแล้ว"
"แล้วลูกเขยคุณเขาว่ายังไง สรุปจะช่วยมั้ย!"
"ไม่! ไม่รู้โว้ย!"
เสียงทะเลาะกันแต่เช้าตรู่ดังแว่วมาจากห้องรับประ ทานอาหาร...บุษบากรยืนแอบอยู่ในมุมอับ บรรยากาศแบบนี้หล่อนต้องเผชิญมานานหลายเดือน ปัญหาเดิม ๆ ที่บิดามารดายกมาถกเถียงกัน
ท่านคงไม่รู้หรอกว่าคนที่กำลังจะให้ช่วย เขาเองก็มีปัญหาภายในที่ต้องตามสะสางเช่นกัน ทั้งเรื่องกรรมสิทธิ์ในการถือครองเกาะ รวมทั้งผลประโยชน์จากเกาะรังนก เขาคงไม่สะดวกที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยใครเวลานี้
แล้วหล่อนซึ่งเพิ่งเรียนจบ จะมีปัญญาไปกอบกู้อะไรได้ ประสบการณ์ก็ไม่มี คงไม่ริอาจไปต่อกรกับคนที่อยู่มานานจนเขี้ยวเล็บแหลมคม มีอยู่ทางเดียวที่จะทำให้บ้านมีรายได้เพิ่ม นั่นคือการรีบออกไปหางานทำให้เร็วที่สุด
แต่...จะมีที่ไหนรับ หากผลการตรวจเลือดฟ้องว่าหล่อนกำลังตั้งครรภ์
แค่คิดแววตาคู่สวยก็หมองเศร้าลงทันที คิดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ทำไมโลกช่างโหดร้ายกับหล่อนเช่นนี้ ส่งชีวิตน้อย ๆ มาเกิดในยามที่ปัญหาชีวิตกำลังรุมเร้า ทั้งเรื่องหนี้สินของทางบ้าน งานที่หาได้ยาก ซ้ำร้าย...พ่อของลูกยังหนีไปแต่งงาน ทุกอย่างประเดประดังจนเซซวนรวนเร ดั่งเรือลำน้อยที่ลอยคว้างอยู่กลางทะเลหาทางเข้าฝั่งไม่เจอ
วินาทีนี้หล่อนนึกถึงคน ๆ หนึ่ง หากบากหน้าไปขอความช่วยเหลือเธออาจจะรีบยื่นมือช่วย แต่อีกฝ่ายนั้นอยู่ไกลถึงเชียงใหม่...และแน่นอน ทุกคนจะต้องถามว่าเด็กในท้องลูกใคร
คล้ายกับชีวิตที่เพิ่งก่อเกิดจะรับรู้ว่าแม่ของเขากำลังทรมานตัวเอง จึงส่งสัญญาณเตือนทำให้เริ่มปวดแสบท้อง หากจะสู้ไปด้วยกันก็ควรวางทุกอย่างลงก่อน ควรรีบไปที่ห้องครัวเพื่อเติมพลังชีวิตให้มีแรงสู้ต่อไป
แต่...บรรยากาศตรงนั้นไม่ดีเอาเสีย หล่อนจึงเปลี่ยนใจที่จะไปทานมื้อเช้าข้างนอก วันนี้หล่อนตั้งใจจะไปฝากครรภ์ ส่วนจะหาทางบอกทางบ้านอย่างไรนั้นยังนึกไม่ออก แต่ก็คงปิดได้อีกไม่นาน เมื่อถึงวันนั้นความจริงจะต้องฟ้องออกมาตามอายุครรภ์
"อ๊ะ!"
ต้องตกใจเมื่อหันหลังกลับแล้วชนกับร่างที่ยืนขวางเอาไว้...คนที่หล่อนไม่พร้อมจะเผชิญหน้า เขามาตั้งแต่เมื่อ ไหร่นั้นไม่อาจคาดเดา
"พี่จอม..."
ได้กลิ่นหอมจาง ๆ ลอยกรุ่น...กลิ่นอันแสนคุ้นเคยแต่ยามนี้เขาคือคนที่ควรถอยห่าง แต่น่าแปลก...ทำไมวันนี้เห็นหน้าเขาแล้วรู้สึกคลื่นเ**ยนอยากอาเจียน กลิ่นกายของเขากำลังทำให้โลกหมุนคว้างจนอยากทิ้งตัว
"อะ อุ๊บ!"
หล่อนยกมือปิดปากเมื่อรู้สึกว่าของเหลวกำลังตีตื้นคลื่นเ**ยน วิ่งชนไหล่กว้างไปยังทิศทางที่พาไปสู่ห้องน้ำ ท่ามกลางสายตาที่มองตาม...ในความชิงชังคล้ายกับเจือความห่วงหาอาทร
และเขาก็อดไม่ได้ที่จะตอแย เปลี่ยนทิศทางเดินตามหล่อนไปถึงห้องน้ำที่อยู่ชั้นล่าง...ในนั้น...เสียงอาเจียนดังออกมาถึงข้างนอก
แผงคิ้วเข้มขมวดจนแทบชิดติดกัน เมื่อคนในนั้นยังคงไม่ออกมา
เมื่อทนไม่ไหว เพราะความอยากรู้ทำให้มือเอื้อมไปผลักบานประตู...เขาเห็นบุษบากรกำลังโก่งคออาเจียนอยู่ตรงอ่างล้างมือ
บุษบากรวักน้ำบ้วนปากและล้างมือ ก่อนจะทาบมือลงบนท้องที่รู้สึกเจ็บจากอาการเกร็งตอนอาเจียน...ไม่เคยทรมานเท่าครั้งไหนที่เคยพานพบ มันทั้งเวียนหัวทั้งคลื่น เ**ยนจนอยากทิ้งตัวลงนอน
".....!"
และคนที่ยืนขวางอยู่หน้าห้องน้ำตอนหล่อนกำลังจะออกไป ก็ทำให้แววตาฉายแววหลุกหลิกตามประสาคนมีความลับซ่อนหลบ หลุบตาหนีแววตาคมกล้าที่จับจ้อง
ยิ่งหนียิ่งไม่พ้น หล่อนกำลังคิดว่าทางที่ดี ควรพาตัวเองไปจากบ้านหลังนี้เพื่อตัดปัญหา
"เป็นอะไร"
เขาถามจนเกือบกระซิบ ไม่วายมองซ้ายมองขวา ราวกับว่ากำลังแอบทำความผิดจนต้องซ่อนหลบ
"ปะ เปล่า เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร"
หล่อนพยายามที่จะเดินหนี หากแต่เขากลับขวางเอาไว้ไม่ให้เดินออกไปได้...ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว กลัวเหลือเกิน กลัวเขาจะทำในสิ่งที่ถือว่าเป็นเรื่องผิดมหันต์ มันคือตราบาปติดอยู่ในใจหล่อนมาจนถึงวันนี้
เขาเก็บหล่อนไว้เป็นที่ระบายอารมณ์ เหมือนของเล่น...เช่นที่เขากระทำแม้กระทั่งกำลังจะแต่งงาน สัมพันธ์รักต้องห้ามก่อเกิดเลือดเนื้อเชื้อไขที่หล่อนเองก็ไม่ได้ตั้งใจ
แม้จะรู้ว่าผิดที่ไม่คิดห้ามใจจนพลาดพลั้งตั้งครรภ์...หากแต่ให้คิดทำลายชีวิตที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หล่อนก็ทำไม่ได้อีกเช่นกัน
เมื่อยอมจำนน จึงมองเขาด้วยแววตาเว้าวอนขอให้เห็นใจคนแพ้พ่าย สื่อให้รู้ว่าอย่ามายุ่งกันอีกเลย
"พี่จอมควรปล่อยดาวไปเสียที อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ"
ในขณะที่น้ำตาของหล่อนคลอขัง เขากลับยกยิ้มมุมปากราวตกอยู่คนละห้วงอารมณ์
ปล่อยผ่านคำร้องขอนั้น ให้สูญสลายหายไปใน
อากาศ โดยไม่เข้าโสตประสาทแต่อย่างใด
"ในขณะที่รู้ว่าไม่สบาย แต่เธอก็ยังจะไป จะออกไปไหน ไปหาชู้รักของเธอใช่ไหม!"
ป่วยการที่จะอธิบาย แน่นอน...เขาต้องไม่ฟัง หล่อนจึงคิดว่าการเงียบคือทางเลือกที่ดีที่สุด
แต่นั่นกลับทำให้เขายิ่งไม่หยุด กรงอุ้งมือขยุ้มลงบนไหล่แบบบางทั้งสองข้าง ออกแรงบีบเคล้นราวกับคาดคั้นให้เหยื่อยอมเปิดปากสารภาพความจริง
"ตอบมาสิ พูด! ทำไมถึงไม่พูดฮึว่าจะไปไหน!"
เสียงตะคอกเล็ดลอดไรฟันเกือบกระซิบ เขาเขย่าร่างที่ยืนนิ่งไปมาเพื่อหาคำตอบที่พึงพอใจ
“ดาวจะไปหางานทำเพื่อช่วยเหลือทางบ้าน พอใจรึยังคะ!"
คนฟังหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ...และเสียงหนึ่งที่ดังแว่วมาเข้าหู ก็ทำให้เขาหันรีหันขวาง ทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอคล้ายไม่สบอารมณ์
เหมือนระฆังช่วยชีวิต บุษบากรได้ยินเสียงพี่สาวดังอยู่ไม่ไกล และนั่นทำให้เขารีบปล่อยมือ
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จอมทัพยอมล่าถอยแล้วเดิน
หนีไปก่อนที่คคนางค์จะผ่านมาเห็น...ชัดเจนแล้วว่าเขาแคร์ใครมากกว่ากัน แต่นั่นก็สมเหตุสมผล เพราะคคนางค์คือเมียแต่ง คือคนที่เขาตัดสินใจร่วมชีวิต แม้หล่อนจะเป็นคนที่มาก่อนก็ตาม
ก้อนหินที่ว่าแข็งยังแปรผันเปลี่ยนรูปได้ นับประสาอะไรกับใจคน
บุษบากรมองตามแผ่นหลังกว้างจนหายลับไปกับซอกมุมของบ้าน เป็นอีกครั้งที่ความทรมานมาทักทายจนน้ำตารินไหล หล่อนไม่เข้าใจตัวเอง...ผู้ชายคนนี้มีดีอะไร หล่อนถึงรักเขาหัวปักหัวปำ
หรือมันคือความผูกพันอันแสนยาวนาน คือสิ่งเดียวที่รั้งใจให้ผูกติด แม้วันนี้เขาจะแปรเปลี่ยนจากพี่ชายที่แสนดีมาเป็นปีศาจร้ายใจยักษ์มารก็ตาม
+++++++
"นัดครั้งหน้าดูในใบนัดได้เลยนะคะ"
บุษบากรยิ้มให้พยาบาล รับใบนัดและยาบำรุงมาใส่กระเป๋า รอยยิ้มปลื้มปริ่มเคลือบฉาบอยู่บนใบหน้ายามเดินมาตามทางที่พาไปสู่นอกตัวอาคาร จากผลการตรวจซ้ำและจากปากของแพทย์ ยืนยันว่าหล่อนตั้งครรภ์ร้อยเปอร์เซ็นต์
มือข้างถนัดยกขึ้นทาบลงบนหน้าท้องที่ยังคงแบนราบ...ในความดีใจ...ก่อเกิดความรู้สึกกลุ้มใจตามมา
รอยยิ้มพลันจางหายหลังจากดีใจได้ไม่นาน รู้สึกเหมือนร่างกายเบาหวิวขึ้นมากะทันหัน เมื่อความจริงแล่นมาจุกอก หล่อนท้องไม่มีพ่อเหมือนคนอื่นเขา มันคือความอัปยศอดสูของวงค์ตระกูล จะบากหน้าไปบอกใครได้ว่าตอนนี้กำลังตั้งครรภ์
พาร่างกายที่อ่อนแรงทรุดนั่งลงบนม้านั่งริมทางเดินในโรงพยาบาลเพื่อตั้งสติ เป็นอีกครั้งที่หยาดน้ำตาคลอขังขอบตาร้อนผ่าว ความรู้สึกหลายอย่างตีกันยุ่งเหยิงประเดประดัง กับสองทางเลือกที่แทบไม่ต่างกัน
ระหว่างเก็บเอาไว้และเดินเข้าหาผู้ใหญ่เพื่อสารภาพความจริง กับตัดสินใจทำลายทิ้งแล้วเริ่มเดินหน้าทำงานสร้างชีวิตใหม่ หาเงินมาจุนเจือทางบ้าน หล่อนกำลังชั่งน้ำหนัก ทางไหนที่ควรจะไป ความคิดในหัวรุมเร้าจนเกิดเป็นเสียงอื้ออึงหูตาพร่ามัว มันสับสนจนจวนจะสติแตกอยู่รอมร่อ
หรือทางที่สาม...ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง สะพานลอยนั้นอยู่ไม่ไกล แค่เดินออกไปแล้วกระโดดลงมา จบสิ้นซึ่ง
ปัญหาไม่ต้องจมอยู่ความทรมานอีกต่อไป
เมื่อใจถูกบีบคั้นหนัก หล่อนจึงหลั่งน้ำตาออกมาอย่างสุดกลั้น สองมือยกขึ้นปิดหน้าแล้วสะอื้นร่ำไห้ ท่าม กลางสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
อา...เหนื่อยเหลือเกิน กับการสู้ไปบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามเพียงลำพัง...