ตอนที่ 7
ประวัติ
สามวันผ่านไปหลังจากเกิดเรื่องคีอาร์พังร้านโคลเวอร์ วันนี้เป็นวันแรกที่ร้านอาหารโคลเวอร์จะได้เปิดร้านอีกครั้งหลังจากซ่อมแซมเสร็จ โคลว์และคีอาร์ตื่นกันแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวเปิดร้าน มีแค่ฉันที่ยังนอนจนถึงแปดโมงเช้าเพราะยังไงฉันก็ไม่มีบทบาทให้ทำอยู่แล้ว
เมื่อตื่นดีแล้วฉันก็ลงไปข้างล่างที่เป็นร้านอาหาร ฉันพบว่าทุกคนกำลังทำงานกันอยากหนัก เจนอส โคนี่ และโจนี่ที่หยุดงานไปสองวันขยันขันแข็งกันอยากมาก คีอาร์ที่ตัวเล็กก็ยังพยายามทำงานหนัก ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เรื่องขึ้นมาเลยล่ะ
“อรุณสวัสดิ์ คีอาร์” ฉันทักทายน้องชายตัวน้อยที่กำลังนั่งเช็ดจานอยู่ “อรุณสวัสดิ์โคลว์” ฉันเอ่ยพลางเคาะนิ้วลงบนแก้วที่วางอยู่ตรงหน้าโคลว์ มันคือข้อตกลงของฉันและโคลว์ เมื่อฉันเข้าใกล้เขาฉันจะต้องส่งสัญญาณบางอย่างให้เขารู้ตัวว่าฉันอยู่ใกล้ๆ
เสียงเคาะแก้วทำให้โคลว์รู้ตัวว่าฉันอยู่ตรงนี้แล้ว เขามองเล็กน้อยและยิ้มเบาๆ เป็นเชิงรับรู้
“เลย์” คีอาร์หน้าบูดเมื่อฉันทักทายโคลว์ เขามักจะเป็นแบบนี้เพราะหวงฉัน นิสัยของเด็กติดแม่ชัดๆ ไม่สิ! พี่สาวต่างหาก!
ซึ่งวิธีที่จะทำให้เขาหยุดทำหน้าบูดก็มีวิธีเดียว
ฉันลอยเข้าไปกอดคอคีอาร์จากด้านหลังพร้อมกับลูบหัวของเขาไปด้วย คีอาร์อารมณ์ดีขึ้นมาทันที ฉันหัวเราะและอมยิ้ม เขาเป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ ถึงเรื่องลักษณะนิสัยของเขายังไม่พัฒนามากแต่เรื่องสภาพร่างกายของเขาไม่เหมือนกับตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ตัวไม่ผอมแห้ง ไม่สกปรก ร่างกายของเขามีน้ำมีนวลขึ้นมาก ลักษณะหน้าตาปรากฏออกมาอย่างชัดเจนเมื่อเขาโตขึ้นหน้าตาของเขาคงหล่อน่าดู
รอที่จะให้คีอาร์โตไม่ไหวแล้วสิ แต่ก็คงอีกนาน...
งานที่ร้านอาหารโคลเวอร์วันนี้ปกติดี ลูกค้าประจำไม่ได้หายไปไหน พวกเขายังกลับมาทานอาหารที่ร้านแห่งนี้ โคลว์ทำอาหารอร่อยมากคงไม่มีลูกค้าคนไหนอยากทิ้งไปหรอก แต่ที่ลูกค้าไม่ถึงกับล้นร้านก็เพราะที่ตั้งร้านอาหารมันค่อนข้างลึก อย่างที่เคยบอกเขตที่พวกฉันอาศัยอยู่เป็นเขตที่เหมือนชนบททั้ง ๆ ที่เมืองมิลเลอร์ที่ตั้งอยู่ติดกันพัฒนาไปไกลราวกับเป็นโลกอนาคต
อีกทั้งใกล้ๆ นี้มีสลัมอยู่ด้วย มันน่าแปลกจริงๆ ทั้งที่โลกพัฒนาไปไกลแล้วแท้ๆ แต่กลับมีสถานที่แบบนี้อยู่
ดูเหมือนด้านมืดของโลกนี้จะใหญ่ไม่ธรรมดาเลย หรือตัวเอกควรเป็นมาเฟียสักคน? ไม่ๆ ฉันจะไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด! ตั้งใจจะเขียนแนวสืบสวนไปแล้วนี่นา แต่กว่าจะได้เขียนนิยายแนวสืบสวนที่ว่าฉันคงต้องรออีกสักเพราะเพราะตอนนี้คีอาร์ติดฉันมาก ฉันต้องทำให้เขาสบายใจก่อนว่าฉันจะไม่หายไปไหนฉันถึงจะสามารถไปตามติดซีโร่ พระเอกอีกเรื่องของฉันได้
“ทุกคนไปซื้อของบางอย่างให้กับผมได้รึเปล่า?” โคลว์โผล่ออกจากห้องครัวและถามขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มหวานประจำตัว ก็นะ หากเขาไม่ยิ้มคงน่ากลัวน่าดู ฉันที่เคยเห็นมาแล้วขอยืนยันเลย
“ได้ครับ” โจนี่ที่ประจำอยู่หน้าเคาน์เตอร์ตอบรับ และรับใบรายการของที่จะซื้อจากโคลว์มา
“พาคีอาร์ไปด้วยนะ ผมอยากให้คีอาร์ลองไปเรียนรู้การซื้อของ” โคลว์บอก
ด้วยเหตุนี้เองทำให้คีอาร์ต้องตามโจนี่ไปซื้อของ และเนื่องจากในร้านตอนนี้มีลูกค้าน้อยเจนอสจึงตามไปด้วยอีกคน ส่วนโคนี่ก็อยู่ดูแลร้านกับโคลว์ ส่วนฉันก็ตามเด็กสามคนไปซื้อของด้วย แถวนี้แม้จะเป็นชุมชนแต่ก็ไม่ได้ปลอดภัยเท่าไหร่อยู่ดี ฉันตรวจสอบมาแล้วว่ามีองค์กรหนึ่งที่มีฐานทัพอยู่ใกล้ๆ นี้
องค์กรนี้จะเป็นองค์กรแรกที่ฉันจะให้คีอาร์สู้ด้วยเนื่องจากพวกนี้อยู่ในระดับล่างๆ แต่เพราะคงอีกนานกว่าคีอาร์จะโต ฉันจึงได้แต่รวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เมื่อคิดเรื่องรวบรวมข้อมูลขึ้นมาฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่าเรื่องข้อมูลของเด็กทั้งสามฉันยังไม่ได้อ่านรายละเอียดเลย ก่อนหน้านี้ฉันดูแค่อายุ ชื่อ และพลังพิเศษเท่านั้น
ฉันจึงเปิดดูข้อมูลของโจนี่เป็นคนแรก เขาเป็นเด็กที่ฉลาดแตกต่างจากเด็กที่เกิดในสลัมฉันจึงสงสัยว่าเขามีอดีตมากกว่านั้นรึเปล่า และฉันก็พบ
โจนี่ เคน เคยเป็นคุณชายน้อยในครอบครัวเศรษฐีในเมืองแห่งผู้วิเศษ หรือเมืองมิลเลอร์ที่อยู่ติดกันนี่ล่ะ ตอนเขาอายุครบสิบปีหรือสามปีก่อนหน้านี้ เขาต้องตกอับมาอยู่ในสลัมเพราะครอบครัวถูกลอบสังหารหมด ดูเหมือนเรื่องจะไปเกี่ยวข้องกับองค์กรใหญ่จึงสืบอะไรไม่ได้ แม้แต่ตำรวจก็ช่วยอะไรไม่ได้
เมื่อโจนี่ที่ไร้ญาติพี่น้อง เขาจึงถูกส่งไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
แต่ที่นั่นดันเป็นสถานที่ไม่ค่อยดีนัก แม้จะมีอาหารและที่นอนดี ๆ แต่เวลากลางคืนเด็กบางส่วนจะถูกเรียกตัวออกไปในห้องใต้ดิน ที่แห่งนั้นคือสถานที่วิจัยพลังพิเศษ ค้นหาพลังที่แข็งแกร่ง
โจนี่รู้จึงได้หนีออกมาและไปอาศัยในสลัมกับโคนี่ที่โตมาจากสลัมแบบสมบูรณ์
ฉันถอนหายใจเมื่ออ่านจบ เป็นชีวิตที่...หากโจนี่เลือกเส้นทางแก้แค้นฉันจะไม่แปลกใจเลย แต่ดูจากนิสัยโจนี่เขาคงไม่สามารถดำเนินเรื่องราวที่น่าสนใจได้ ส่วนเรื่องราวของโจนี่น่าจะประมาณว่าพยายามใช้ชีวิตในโลกปกติและเก็บความเศร้าไว้ในใจ และอยู่มาวันหนึ่งก็มีสาวสวยที่สดใสร่าเริงมาช่วยเยียวยาจิตใจและช่วยผลักดันให้โจนี่ค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา
ใช่ มันต้องเข้ากับหมวดนิยายรัก เป็นเรื่องที่ตัวเอกจะไม่วิ่งเข้าหาเรื่องแต่เรื่องจะวิ่งเข้าหาตัวเอกเอง
ฉันคิดอย่างนั้นก่อนจะหันไปสนใจเจนอส เด็กหนุ่มที่เหมือนจะขี้อาย ทั้งผมสีเทาที่ปกปิดใบหน้าไปกว่าครึ่งหน้าและปากที่ไม่เคยอ้าปากพูดอะไรสักคำ หากเป็นตัวเอกนิยายมันคงกลายเป็นนิยายเงียบที่ไม่มีบทพูดมีแต่บทบรรยาย
ประวัติของเขามีอยู่ว่า เจนอสเกิดในครอบครัวธรรมดาที่อาศัยอยู่ในเขตนอกเมือง ในตอนที่เขาอายุหนึ่งขวบเขาได้ฆ่าพ่อแม่ของเขาด้วยเสียงร้องไห้ของเขา...โอ้ มันน่ากลัวนะ แค่เสียงร้องไห้เองนะ!
หลังจากนั้นเจนอสก็ถูกส่งไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เดียวกับโจนี่นั่นล่ะแต่เจนอสมาก่อนนะ
เจนอสถูกจับทดลองแม้ตัวเขาจะยังเป็นเด็กอายุไม่กี่ขวบ เจนอสเติบโตที่นั่นจนอายุเจ็ดขวบ จนวันหนึ่งพวกนักวิจัยได้ไปทำอะไรบางอย่างกับเจนอสจนพลังของเขาระเบิดออกมา เขาฆ่าทุกคนในสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า
สำหรับเด็กอายุแค่นั้นคงช็อกและหวาดกลัว เขาเสียใจที่ฆ่าทุกคนจึงรีบหนีออกมา คงนับตั้งแต่วันนั้นที่เจนอสไม่ยอมส่งเสียงออกมาอีก เจนอสเร่ร่อนอยู่ในสลัมจนพบกับโคนี่ เขาจึงอาศัยอยู่กับโคนี่และเด็กกำพร้าคนอื่น ๆ ตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งนับตามช่วงเวลาโจนี่คงเข้าร่วมกลุ่มเด็กกำพร้าหลังจากนั้นหกปี
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคงก่อตั้งขึ้นใหม่หลังจากเกิดเรื่องของเจนอสด้วยสินะ
ประวัติพวกเขาไม่ธรรมดาเลย มันเลวร้ายยิ่งกว่าของคีอาร์ซะอีก
ฉันชักเดาไม่ออกแล้วว่าในอนาคตจะเป็นยังไง เจนอสนี่ยิ่งน่าระแวง เขาฆ่าทุกคนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่มีไว้สำหรับวิจัยพลังพิเศษ ฉันคิดว่าต้องมีคนเบื้องหลังที่สร้างสถานที่แบบนี้ออกมาแน่นอน ข้อมูลการทดลองของเจนอสอาจจะยังอยู่ สักวันต้องมีคนมาตามตัวเจนอสกลับไป
คิดแล้วเครียด
พวกเขาเหมาะจะเป็นพระเอกกันหมดเลยหรืออาจจะตัวร้าย? แต่ตอนนี้คีอาร์คือตัวเอกของฉัน ในอนาคตคีอาร์คงได้ไปเกี่ยวพันกับเรื่องราวของคนรอบตัวแน่ ๆ ในตอนนี้เดาเรื่องไม่ออกก็จริงแต่หากคีอาร์ได้เป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้นคงได้เรื่องราวที่น่าตื่นเต้นแน่นอน!
ในขณะที่ฉันกำลังจินตนาการคำบรรยายเป็นฉากๆ คีอาร์ก็กำลังเรียนรู้ที่จะซื้อของในร้านค้าจากโจนี่อยู่ เขาเข้าใจอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องอธิบายมาก เรื่องการนับเลขของคีอาร์ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาออกจะคำนวณเลขได้เร็วด้วยซ้ำ เรื่องการจ่ายเงินคงไม่ต้องเป็นห่วงว่าคีอาร์จะจ่ายผิด
โคลว์สอนมากับมือเลยเชียวนะไม่มีทางผิดหรอก
การพัฒนาของคีอาร์หายห่วง สิ่งที่ต้องห่วงคือ ฉันจะแยกตัวไปเขียนนิยายอีกเรื่องยังไง จะใช้การบันทึกวิดีโอก็ได้แต่มันก็ไม่ใช่แนวของฉัน หากมีช่วงที่ต้องตรวจอย่างละเอียดแล้วฉันพลาดไปมันคงไม่น่าสนุกเลยสำหรับฉัน
“เลย์” คีอาร์เรียกและกระตุกชายกระโปรงของฉัน ดูเหมือนพวกเขากำลังจะกลับคีอาร์เห็นฉันไม่ตามไปด้วยจึงเดินมาเรียก
“ไปแล้วๆ” ฉันยิ้มตอบและลอยตามพวกเขากลับร้านอาหารโคลเวอร์ ซึ่งในระหว่างทางกลับพวกเด็ก ๆ และฉันก็ได้พบกับชายคนหนึ่ง ขาเรียวยาวก้าวเดินมาขวางทางพวกเรา เสื้อคลุมสีขาวสะบัดเบาๆ เมื่อเขาหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับพวกเด็ก ๆ
เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนปลิวไสว ดวงตาคมเข้มสีน้ำตาลเช่นเดียวกับเส้นผมมองลงข้างล่างเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาที่แฝงไปด้วยความเย็นชาแสดงอารมณ์อ่อนลงเล็กน้อยเมื่อมองไปยังเด็กน้อยทั้งสาม ริมฝีปากเรียวขยับพูดด้วยเสียงทุ้มของตนเอง
“แถวนี้มีร้านที่ชื่อว่าโคลเวอร์รึเปล่า?”
นั่นเขา นั่นเขา! ซีโร่ ริคเกอร์! ตัวละครเอกที่ฉันเลือก! เขามาอยู่ที่นี่ได้ไง!? แล้วเมื่อกี้เขาถามหาร้านของโคลว์งั้นเหรอ? ฉันรู้สึกว่านิยายของฉันคงได้มีตัวละครตัวเดียวกันปรากฏในนิยายทั้งสองเรื่องแล้วล่ะ
ซีโร่ได้เดินตามเด็กทั้งสามที่ช่วยนำทางเขาไปที่ร้านอาหารโคลเวอร์ เมื่อไปถึงซีโร่ก็ขอซื้อข่าวจากโคลว์ทันที โคลว์แปลกใจกับการปรากฏตัวของซีโร่และสงสัยว่าซีโร่รู้เรื่องของเขาได้ยังไง ซึ่งก็ได้คำตอบมาว่าซีโร่รู้เรื่องโคลว์มาจากเควิน
เควินบอกซีโร่ว่าหากอยากได้ข่าวอะไรโคลว์จะช่วยทุกอย่าง ฉันแอบเห็นอารมณ์หงุดหงิดของโคลว์เมื่อได้ยินแบบนั้น โคลว์คงไม่ได้คิดที่จะทำอาชีพเสริมเป็นคนขายข่าวแต่ตอนนี้เขากำลังโดนยัดเยียดโดยเควิน หัวหน้าหน่วยสืบสวนพิเศษคนนั้น
ฉันคิดว่าเควินคงเสียดายที่ต้องให้ความสามารถของโคลว์ไร้ประโยชน์จึงคิดจะบังคับให้โคลว์ใช้พลังเพื่อประโยชน์ในการสืบคดีทั้งหลาย
ไม่ถามโคลว์สักนิด! ดูสิ! หน้าตาเหมือนอยากจะฆ่าคนของเขานั่นน่ะ!
โคลว์พยายามยิ้มอย่างมากเพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดท่าทางที่สง่างาม สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจและยอมที่จะขายข่าวให้กับซีโร่ที่ยืนรอด้วยสีหน้าจริงจังและมุ่งมั่น
และแล้ว โคลว์ ฟรีก ได้รับอาชีพเสริมเป็น นักขายข่าว ในอนาคตจะได้ฉายาว่า นักขายข่าวหูนรก แค่ก! เทพนักขายข่าว ฟังดูดีกว่านะ
หลังจากที่ได้ข่าวซีโร่ก็ขอตัวกลับทันที ฉันอดทนที่จะไม่ตามเขาไป ฉันเปิดระบบบันทึกวิดีโอแทน อย่างน้อยระหว่างที่อยู่กับคีอาร์ฉันควรทำความรู้จักกับนิสัย และการตัดสินใจของเขาไปด้วย ฉันเชื่อว่าซีโร่จะต้องกลายเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้อย่างแน่นอน