ตอนที่ 8
นักสืบหมายเลขศูนย์
ฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าชื่อนิยายที่มีซีโร่เป็นตัวละครเอกจะมีชื่อเรื่องว่าอะไร เนื่องจากว่ามันเป็นนิยายแนวสืบสวนและซีโร่ก็ทำอาชีพเป็นนักสืบ ชื่อเรื่องก็ต้องเป็น นักสืบหมายเลขศูนย์ ที่เป็นหมายเลขศูนย์ก็เพราะเขาชื่อซีโร่นี่เอง
ส่วนของคีอาร์คงต้องเลื่อนออกไปก่อนอีกยาวๆ เพราะคีอาร์ยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน หากเขาไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนเรื่องราวของคีอาร์คงเป็นอะไรที่ไม่น่าสนใจ ซึ่งฉันก็ไม่รีบร้อนเพราะคีอาร์พึ่งจะอายุแค่ห้าขวบเอง
แต่อย่างไรก็ตามฉันต้องการที่จะเริ่มเรื่องราวของซีโร่เร็วๆ ฉันจึงอธิบายกับคีอาร์ว่ามีธุระอื่นที่ต้องไปทำจึงขอแยกตัวออกไป แน่นอนคีอาร์ที่ติดฉันอย่างเหนียวหนึบไม่ยอมรับ ฉันจึงต้องให้สัญญาว่าจะกลับมาอยู่กับเขาเท่าที่จะทำได้
เมื่อทำให้คีอาร์หายงอแงแล้วฉันก็ไปฝากฝังกับโคลว์ให้ดูแลคีอาร์ ฉันหวังว่าเขาจะสอนคีอาร์อย่างดี
เมื่อหมดห่วงเรื่องคีอาร์แล้วฉันก็เข้าสู่โหมดจริงจังกับงาน การบอกเล่าเรื่องราวของคนอีกโลกไปให้คนอีกโลกได้รับรู้ผ่านตัวอักษรคือหน้าที่ของฉันที่เป็น นักเขียน
ฉันได้เริ่มเขียนบทนำของ ซีโร่ ริคเกอร์
ขาเรียวก้าวเดินไปบนพื้นที่นองไปด้วยน้ำสีแดง เจ้าของขาเรียวหยุดเดินลงเบื้องหน้าร่างของชายวัยกลางคนที่ร่างกายถูกอาบไปด้วยเลือดสีแดง ดวงตาสีน้ำตาลหลุบมองชายวัยกลางคนที่บาดเจ็บสาหัสอย่างเย็นชา ริมฝีปากเรียวขยับพูดขึ้นมาว่า “ลาก่อน” สั้นๆ ก่อนที่จะจ่อปืนไปที่หัวของชายวัยกลางคนและเหนี่ยวไกปืนอย่างไม่ลังเล หยดเลือดสีแดงที่สาดกระจายได้เปลี่ยนเสื้อคลุมสีขาวให้กลายเป็นสีแดง...
เดี๋ยวนะ เดี๋ยว! นี่ฉันคิดจะเปิดตัวพระเอกเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ด้วยบทเมื่อกี้จริงๆ น่ะเหรอ? แบบนั้นทุกคนไม่เข้าใจผิดไปหมดเหรอว่าซีโร่เป็นฆาตกรแทนที่จะเป็นนักสืบ!
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็คือช่วงที่ซีโร่ได้ทำการตามล่าตัวฆาตกรต่อเนื่อง เขาสามารถฆ่าผู้ร้ายได้เพราะเขาได้ร่วมมือกับตำรวจและได้รับอนุญาตให้สังหารได้หากผู้ร้ายหนีและมีโอกาสที่จะทำอันตรายประชาชน ซีโร่จึงไม่คิดจะจับเป็นเมื่อผู้ร้ายหนี เขาไล่ยิงปืนใส่คนร้ายไม่ยั้งและปิดท้ายโดยการยิงหัวไปเมื่อครู่
ซีโร่เลือดเย็นกว่าที่ฉันคิดไว้ หากฉันใช้ฉากเมื่อกี้เป็นฉากเปิดเรื่องนักอ่านคงหาว่าฉันตั้งชื่อนิยายผิด มันควรจะเป็น ฆาตกรหมายเลขศูนย์ แทนที่จะเป็น นักสืบหมายเลขศูนย์ แน่
เนื่องจากฉันไม่ต้องการให้มันเกิดเรื่องแบบนั้นฉันจึงต้องคิดให้ถี่ถ้วนกว่านี้ในเรื่องฉากเปิด
แต่ดูจากตารางของซีโร่แล้วฉันถึงกับส่ายหัว นั่งหาข้อมูล เดินสำรวจที่เกิดเหตุ ไล่จับคนร้าย ซึ่งไล่ยิงเกือบทุกราย!
ซีโร่ ฉันคิดว่าช่วงนี้นายคงเครียด ฉันสามารถพานายไปหาสถานที่คลายเครียดได้นะ นายไม่จำเป็นต้องไปไล่ยิงคนร้ายคลายเครียดเลย!
ตัดบทนี้ไปก่อนเลย ฉันต้องหาฉากใหม่ในการเปิดตัว
นิยายสืบสวนส่วนมากจะเริ่มต้นด้วยปริศนาฉากฆาตกรรมก่อนจากนั้นตัวเอกก็จะเข้าไปสืบทีหลัง ฉันน่าจะเปิดตัวซีโร่โดยการให้เขาเดินเข้าไปในสถานที่ฆาตกรรมด้วยมาดของนักสืบมืออาชีพ นั่นน่าจะทำให้คนหลงรักซีโร่มากกว่า
ขณะนี้ซีโร่ได้กลับมาที่สำนักงานนักสืบของตัวเองแล้ว เขาจัดการซักเสื้อคลุมสีขาวที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาแล้วเข้าไปอาบน้ำ ฉันนั่งรออยู่ข้างนอกไม่ได้เข้าไปแอบดูหนุ่มหล่ออาบน้ำแต่อย่างใด แต่ฉันน่าจะถ่ายรูปตอนเขาอาบน้ำไว้สักรูป...
ฉันไม่ได้หื่นกระหายอะไรนะ! มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่นักเขียนต้องทำต่างหากล่ะ! เพื่อให้นักอ่านจินตนาการถึงตัวละครได้ง่ายขึ้นฉันจะต้องถ่ายรูปตัวอย่างตัวละครไปด้วย ซึ่งระบบถ่ายรูปของระบบ Writer จะปรับเปลี่ยนรูปอัตโนมัติก่อนที่จะถูกเผยแพร่ไปอีกโลก
รูปจะถูกปรับเปลี่ยนจากรูปเหมือนคนจริงๆ เป็นรูปที่เหมือนถูกวาดออกมา กึ่งการ์ตูนกึ่งภาพเหมือนนั่นเอง แต่ถึงจะเป็นภาพกึ่งการ์ตูนกึ่งคนจริงแต่ยังไงนักอ่านสาวๆ ก็จะกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง!
เพื่อการนั้นฉันแอบเข้าไปถ่ายรูปของซีโร่ขณะที่เขากำลังอาบน้ำโดยไม่ให้ติดส่วนนั่นมาด้วย เพราะเดี๋ยวจะมีข่าวว่านักอ่านบางคนสลบขณะที่อ่านนิยาย
เมื่อซีโร่อาบน้ำเสร็จแล้วเขาก็ไปนั่งอ่านข่าวต่อ จากที่ฉันรู้มาดูเหมือนเป้าหมายตอนนี้ของซีโร่ไม่ใช่แค่คลี่คลายคดีเพื่อได้ความจริง เขาพยายามที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรมาเฟียที่ชื่อว่า ชาโดว์แฟมิลี่
ฉันรู้มาแล้วว่าในเมืองมิลเลอร์แห่งนี้มีห้าขั้วอำนาจที่ใหญ่ที่สุด ชาโดว์แฟมิลี่เป็นหนึ่งในนั้น และองค์กรนักฆ่าคาเรย์ที่เควินต้องการตามจับก็เป็นหนึ่งในห้าขั้วอำนาจเช่นกัน เพราะข้อมูลมันหายากเขาจึงไปหาข่าวจากโคลว์นั่นล่ะ
ที่ซีโร่เลือกที่จะตามสืบองค์กรนี้เพราะพวกมันมีความเกี่ยวข้องกับตำรวจ...ในทางที่ไม่ดีเลยล่ะ บางครั้งพวกมันสามารถควบคุมการทำงานของตำรวจได้ ข้อมูลความจริงที่ตำรวจสืบมาได้อันไหนที่พวกมันไม่ต้องการให้ใครรู้ก็จะไม่มีใครได้รู้ หากมีใครรู้คนคนนั้นก็จะถูกฆ่าปิดปาก พ่อของซีโร่โดนเช่นนั้น
ก็อย่างที่ฉันได้อ่านข้อมูลของซีโร่ในตอนแรก เขาเป็นนักสืบเอกชนเพราะต้องการความอิสระแม้จะเสี่ยงมากก็ตาม
ซีโร่กลายเป็นตัวละครเอกในเรื่อง นักสืบหมายเลขศูนย์ ของฉันแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้เขาตายไปก่อนแน่นอน!
ในเย็นวันเดียวกันนี้ซีโร่ได้รับสายจากผู้ว่าจ้างให้เขาไปหา ซึ่งสถานที่ที่ผู้ว่าจ้างนัดไปก็คืองานเลี้ยงในโรงแรมแห่งหนึ่ง ฉันจึงได้เขียนฉากเปิดตัวของซีโร่อย่างที่ต้องการ
ร่างสูงในชุดสูทสีขาวก้าวเดินไปบนพรมสีแดงตามทางเดินในโรงแรมแห่งหนึ่งอย่างมั่นคง ขณะเดียวกันก็ก้มมองนาฬิกาสีเงินบนข้อมือซ้ายของตน ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ลงเล็กน้อย สองทุ่มห้าสิบห้า ใกล้ได้เวลานัดของเขาแล้ว
ตึก
ชายหนุ่มหยุดชะงักเท้าเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในงานเลี้ยงที่หรูหรา แต่วุ่นวายและเต็มไปด้วยผู้คนที่สวมหน้ากากเข้าหากัน การมาของเขาเรียกสายตาของผู้คนในงานเลี้ยงแห่งนี้ได้อย่างดี
ซีโร่ในชุดสูทสีขาวอย่างเป็นทางการเหมาะกับเขาจริงๆ ทุกคนในงานต่างมองมาที่เขาเพราะลักษณะที่โดดเด่น แต่อีกเหตุผลก็คือเขาเป็นนักสืบที่มีชื่อเสียงพอสมควร ที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนที่เคยทำเรื่องผิดกฎหมายกันทั้งนั้นจะไม่ให้หวาดระแวงเลยก็คงเป็นไปไม่ได้
นัดพบกับผู้ว่าจ้างทั้งทีทำไมต้องเป็นงานเลี้ยงด้วยเนี่ย แต่ก็เหมาะเป็นฉากปรากฏตัวครั้งแรกของซีโร่อยู่บ้าง มาด้วยรูปลักษณ์ที่สะดุดตาผู้คนและก็....เจอคดีฆาตกรรมทันที
ใช่แล้วเจอคดีฆาตกรรมทันที ซีโร่มาถึงงานไม่ถึงสิบนาทีผู้ว่าจ้างที่เรียกเขามาก็ถูกพบว่าถูกฆ่าตายคาห้องน้ำของโรงแรมซะแล้ว
ซีโร่หรือว่านายคือ โค อะ นัน งั้นเหรอ!?
ซีโร่สั่งการอย่างมีอาชีพทันที เขาสั่งไม่ให้ใครเข้าห้องที่เกิดเหตุและไม่ให้คนในงานเลี้ยงกลับทันทีเพราะอาจจะมีคนร้ายในนั้น คดีแรกมาแล้วฉันจึงรีบจดและบันทึกวิดีโอทันที ฉันเป็นพวกเขียนสดก็จริงแต่ใช่ว่าฉันจะเขียนทันทุกอัน และมีบางฉากที่ต้องการคำบรรยายดี ๆ และความละเอียด คำที่ใช้ต้องสื่อออกมาอย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย
และมันต้องมีฉากตัดด้วย หากเขียนทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคงยาวเป็นพันหน้า
ฉันสังเกตซีโร่ว่าเขาพบและตรวจสอบอะไรบ้าง และเนื่องจากนิยายเรื่องนี้เป็นแนวสืบสวนที่ซับซ้อนมันต้องการความละเอียด ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นและความคิดของผู้สืบคดีด้วย ความคิดคนร้ายด้วยยิ่งดี
ฉันซื้อบันทึกอ่านความคิดจาก Writer Shop เพื่อดูความคิดของซีโร่ ซึ่งสิ่งที่ฉันซื้อมาเป็นเหมือนสมุดเล่มหนึ่ง แต่หากมันเชื่อมต่อกับสมองใครแล้วความคิดของคนที่มันเชื่อมต่อก็จะปรากฏเป็นตัวอักษร
จากที่อ่านในคู่มือมันสามารถอ่านความคิดผิวเผินได้ แต่หากลึกกว่านั้นก็ไม่สามารถรับรู้ได้
แต่ยังไงมันก็ใช้ได้ล่ะนะ ฉันเชื่อมต่อบันทึกอ่านความคิดกับสมองของซีโร่และฉันก็พบกับข้อสันนิษฐานมากมายยี่สิบกว่าฉากในหัวของเขา...
นี่สมองคนหรือเครื่องจักร!?
เอาล่ะ ฉันควรสนใจฉากที่เกิดขึ้นก่อน
ผู้ตายเป็นหญิงสาววัยสี่สิบ สาเหตุการตายมาจากแผลที่อยู่กลางอก คาดว่าน่าจะถูกของมีคมแทงจากด้านหลังทะลุถึงหัวใจ ร่างของผู้ตายล้มอยู่กลางห้องน้ำของโรงแรม จากการที่ศพหันหน้าเข้าหาอ่างล้างมือและรอยเลือดที่สาดอยู่บนอ่างล้างมือจึงคาดว่าคนร้ายน่าจะเข้าประชิดตัวผู้ตายที่กำลังยืนล้างมือจากด้านหลัง จากนั้นก็แทง
จะว่ายังไงดีล่ะ...มันดูโจ่งแจ้งเกินไปเหมือนกับการฆาตกรรมโดยไม่ได้วางแผนมา อารมณ์ประมาณว่าจู่ ๆ ความแค้นทะลุหลอดและหยิบมีดขึ้นมาแทงอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ฉันคิดอย่างนั้นนะ แต่ต้องดูว่าซีโร่จะสืบสวนออกมาเป็นแบบไหน
ฉันพิมพ์ข้อมูลตามที่ซีโร่รู้ ผู้ตายมีชื่อว่า เบลล่า ลิลลี่ ถูกฆ่าตายเมื่อเวลาสามทุ่มซึ่งควรเป็นเวลาเปิดงานเลี้ยงพอดี แต่เนื่องจากเบลล่าที่เป็นเจ้าของงานนี้ไม่ปรากฏตัวงานจึงไม่เริ่ม ทุกคนตามหาเบลล่าจนกระทั่งพนักงานทำความสะอาดมาเจอผู้ตายในห้องน้ำเวลา สามทุ่มห้านาที
น่าเสียดายที่งานเลี้ยงต้องเลิกตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม ตำรวจที่มาถึงที่เกิดเหตุได้เริ่มสืบหาตัวผู้ต้องสงสัยในงานเลี้ยง ในขณะเดียวกันซีโร่ก็ไปดูกล้องวงจรปิด แต่น่าเสียดายที่กล้องวงจรปิดถูกปิดไปก่อนที่การฆาตกรรมจะเกิดขึ้น
แต่ในเวลาต่อมาตำรวจก็ได้ตัวคนที่ไม่มีหลักฐานที่อยู่สามคน และหนึ่งในนั้นได้กลายเป็นผู้ต้องสงสัยเนื่องจากถูกตรวจพบรอยเลือดใต้เสื้อนอก หรือก็คือเป็นเสื้อเชิ้ตที่เปื้อนเลือด หลังจากนั้นตำรวจก็พบอาวุธสังหาร ถุงมือและเสื้อกันฝนที่ซ่อนอยู่ในกระถางต้นไม้ใกล้กับที่เกิดเหตุ
หน่วยพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบลายนิ้วมือเป็นอย่างแรกและก็พบว่าลายนิ้วมือมันตรงกับลายนิ้วมือของผู้ต้องสงสัย
ชี้ชัดขนาดนี้คงไม่ต้องสืบแล้วมั้ง แต่ซีโร่ไม่คิดอย่างนั้นฉันจึงตามดูพฤติกรรมของเขาต่อขณะเดียวกันก็อ่านบันทึกอ่านความคิด ซีโร่คิดว่ามันง่ายเกินไปและมันน่าสงสัย พบถุงมือแต่กลับยังพบลายนิ้วมือบนมีด อีกทั้งคำพูดและการแสดงออกของผู้ต้องสงสัยและหนึ่งในคนที่ไม่มีหลักฐานที่อยู่ มันน่าสงสัย เขาคิดอย่างนั้น แม้จะเป็นการกระทำเล็ก ๆ แต่ก็ไม่พ้นสายตาซีโร่ไปได้
ฉันเริ่มคิดว่าตัวเองอาจจะไม่เหมาะกับแนวสืบสวน สิ่งที่ฉันทำได้ก็แค่เขียนสิ่งที่เห็นและได้สัมผัสและสงสัยไปพร้อมกัน
ถึงฉันจะชอบสังเกตผู้คนจนสามารถมองความคิดและความรู้สึกออกก็เถอะ แต่แนวซับซ้อนแบบนี้ฉันก็ขอส่ายหัว
เอาเป็นว่าฉันขอไปทำความเข้าใจหลังจากทุกอย่างจบจะดีกว่า
ซึ่งเรื่องราวมีอยู่ว่า เบลล่าเป็นนักธุรกิจที่มักใช้วิธีการสกปรกเพื่อให้ตัวเองได้อยู่สูงขึ้น มีคนมากมายถูกเบลล่าโกงจนแค้นเคือง ตำรวจได้ผู้ต้องสงสัยชื่อนาย มอร์แกน ไม่มีหลักฐานที่อยู่และยังมีเหตุจูงใจในการฆ่าและมีทั้งหลักฐานเลือดและลายนิ้วมือที่ชี้ไปว่าเขาเป็นคนร้าย แต่นายมอร์แกนปฏิเสธอย่างหนักแน่น
เขาให้การว่าในเวลาก่อนเกิดเหตุได้ไปนอนพักในห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับห้องโถงงานเลี้ยง เขาตื่นมาอีกทีก็ตอนที่มีเสียงเอะอะอยู่ด้านนอกซึ่งเป็นตอนพบศพพอดี
แต่ก็ไม่มีหลักฐานตำรวจเตรียมจับเขาเข้าคุกอยู่ดี แต่ซีโร่ก็เข้ามาขวางและอธิบายเหตุการณ์ฆาตกรรมที่แท้จริง
เรื่องจริงมีอยู่ว่าฆาตกรแอบใส่ยานอนหลับให้ผู้ต้องสงสัยมอร์แกนดื่มในปริมาณไม่มากนัก นั่นทำให้มอร์แกนสามารถเดินไปหาที่นอนได้ จากนั้นก็ไปฆ่าเบลล่าที่เป็นผู้ตายในห้องน้ำหญิง หลังจากนั้นก็กลับไปหามอร์แกนที่หลับอยู่และได้ทำให้มีดในการฆาตกรรมติดลายนิ้วมือของมอร์แกนไป และแอบทำให้เสื้อเชิ้ตของเขาเปื้อนเลือดไปด้วย แล้วก็ทำตัวแนบเนียนเข้าไปในงานรอให้คนไปพบศพ
ฆาตกรคือผู้หญิงเพราะสามารถเข้าห้องน้ำหญิงได้โดยไม่โดนสงสัยและสามารถเข้าข้างหลังผู้ตายได้อย่างง่ายดาย และผู้ตายที่ยืนอยู่หน้ากระจกคงจะเห็นหน้าคนร้ายด้วยจึงพยายามทิ้ง Dying Message หรือข้อความสุดท้ายไว้ เนื่องจากคนร้ายรีบร้อนทำตามแผนเกินไปจึงไม่ทันได้เห็น
ข้อความสุดท้ายนั่นก็คือ B.W มันคือชื่อย่อ แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้คนร้ายจนมุมได้ ซีโร่จึงเปิดเผยหลักฐานอีกอย่าง
เสื้อกันฝนที่ใช้กันเลือด มีดที่เป็นอาวุธสังหาร และถุงมือ อุปกรณ์ป้องกันมีพร้อมแต่ก็ยังขาดรองเท้า นั่นหมายความว่าฆาตกรไม่เคยถอดเปลี่ยนรองเท้าหลังจากฆาตกรรม ซีโร่คาดว่ารองเท้าของฆาตกรต้องมีเลือดติดอยู่บ้าง ถึงเลือดจะถูกเช็ดไปแล้วปฏิกิริยา Luminol หรือก็คือสารเรืองแสงสำหรับการตามหารอยเลือดก็น่าจะยังมีอยู่
แต่สิ่งสำคัญที่ซีโร่ตรวจพบก็คือเศษเล็บของผู้ตายที่ติดอยู่ใต้รองเท้าของฆาตกร คาดว่าเล็บของผู้ตายหักกระเด็นตอนที่ล้มไปที่ขอบอ่างก่อนลงไปที่พื้น ฆาตกรบังเอิญเหยียบติดไปโดยที่ไม่รู้ตัว
ซึ่งซีโร่นั้นสามารถได้ยินเสียงบางอย่างกระทบพื้นที่ต่างออกไปเมื่อฆาตกรเดินแต่ละครั้ง...
เดี๋ยวซีโร่ นายไปได้ยินเสียงแปลกๆ นั่นตอนไหน? แล้วได้ยินยังไง? เสียงเล็บที่ติดอยู่ใต้เท้ากระทบพื้นเนี่ยนะ!?
ฉันยกมือทาบอกและพยายามหาข้อมูลมาเรียบเรียงใหม่
เอาเป็นว่า ฆาตกรคืออีกคนที่ไม่มีหลักฐานที่อยู่ ผู้หญิงที่ชื่อว่า บันนี่ วอกเกอร์ เธอเป็นลูกสาวของคนที่เบลล่าทำให้ธุรกิจล้มละลายจนต้องฆ่าตัวตาย นั่นคือแรงจูงใจในการฆ่าของเธอ
“ฉัน ฉันก็แค่อยากแก้แค้นให้คุณพ่อ! ฉันทำเพื่อคุณพ่อ!” บันนี่ วอกเกอร์กล่าวด้วยท่าทางหวาดกลัวเมื่อถูกจับได้
“สิ่งที่เธอทำ ไม่ได้ถูกทำเพื่อใคร เธอก็แค่ฆ่าคนเพื่อสนองความคิดของตัวเอง” ซีโร่เอ่ยเสียงเรียบขณะมองหญิงสาวที่ถูกตำรวจพาตัวออกไปด้วยสายตานิ่งสงบ
คำพูดนี้เป็นคำพูดหลังจากปิดคดีได้แล้ว บทนำผ่านไปแล้ว จากนั้นฉันก็มานั่งเติมคำบรรยายและหาคำที่เหมาะสม ฉันพยายามเรียบเรียงเรื่องราวให้คนที่ได้อ่านคิดและเข้าใจไปด้วยกันว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร กว่าจะเสร็จก็ปาไปตีสาม ฉันลอยกลับไปหาคีอาร์อย่างเหนื่อยอ่อน
เมื่อได้เห็นร่างเด็กตัวน้อยนอนขดอยู่บนเตียงมันทำให้ความเครียดของฉันปลิวหายไปทันที ฉันเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย
“คีอาร์...น่ารักจัง” ฉันลงไปนอนกอดคีอาร์ที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง รู้สึกเหมือนว่าได้เติมพลังเลยล่ะ! อยู่กับซีโร่ที่มีแต่บรรยากาศลึกลับและตึงเครียดทำให้ฉันกลายเป็นคนแบตเตอรี่เสื่อม
“อือ...เลย์?” เด็กชายตัวน้อยของฉันงัวเงียตื่นขึ้นมา สีหน้าง่วงนอนนั่นทำฉันรู้สึกผิด
“ขอโทษที่ทำให้ตื่น นอนเถอะนะ” ฉันลูบหัวคีอาร์เบาๆ คีอาร์ลืมตาขึ้นมาและใช้ดวงตากลมโตมองมาที่ฉันเหมือนต้องการดูให้แน่ใจว่าเป็นฉันตัวจริงก่อนที่เขาจะขยับตัวเข้ามากอดฉันอย่างแนบแน่น คีอาร์ยิ้มมีความสุขอย่างที่เขาไม่เคยทำก่อน จากนั้นเขาก็หลับตานอนต่อโดยที่มีรอยยิ้มอ่อนๆ อยู่บนใบหน้า
ฉันที่ได้เห็นรอยยิ้มของคีอาร์รู้สึกเหมือนมีบางอย่างปักลงกลางใจ มันคือสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่ถูกปลุกงั้นเหรอ!? แต่ฉันไม่อยากเป็นแม่! ฉันอยากเป็นพี่สาว!