คอนโดฟาริน
ยี่หวาและจินนี่ต่างช่วยกันเขียนเอกสารเตรียมรายงานตัวในพรุ่งนี้ ฟารินในฐานะเจ้าของห้องกำลังจัดเตรียมที่นอนสำหรับเพื่อนสาวเช่นเคย หากวันไหนที่ต้องตื่นแต่เช้าพร้อมกัน พวกเธอมักจะมานอนที่คอนโดฟารินแล้วออกไปด้วยกันเสมอ
"ท้องเริ่มร้องแล้วยัยจิน แกนี่เขียนช้าจริงๆ" ยี่หวาชะโงกหน้าไปดูเพื่อนสาว ยังก้มหน้าก้มตาถือปากกาไล่กรอกเอกสารอยู่ พวกเธอนั่งกันอยู่ที่พื้นพรม ใช้โต๊ะเล็กของชุดของโซฟาเป็นที่เขียน เปิดโทรทัศน์ให้ได้ยินเสียงพลางๆกลบความเงียบ
"โถ่วยี่หว่า...ครอบครัวฉันมันเป็นครอบครัวใหญ่ จะให้ไล่ลำดับญาติด้วยทำไมก็ไม่รู้" จินนี่ตอบกลับเบะปากเล็กน้อย วางปากกาลงตรงโต๊ะ ความรู้สึกหิวตีตื้นจนไม่มีสมาธิเหมือนกัน
"โชคดีที่ฉันเหลือแค่แม่คนเดียวเลยเสร็จก่อน" ฟารินพูดขึ้น นั่งลงที่โซฟาก้มมองสองเพื่อนสาวกำลังโต้เถียงกัน
"เอาเป็นว่าลงไปกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวฉันขึ้นมาเขียนต่อ" จินนี่พูดตัดบท ถึงยังไงคืนนี้คงไม่มีใครนอนหลับ คงจะตื่นเต้นสำหรับวันพรุ่งนี้
"โอเคๆ ท้องร้องตามๆกันแล้ว"
.
.
.
ผลั๊ว!
"อึก" ฟารินที่ได้ยินเสียงเหมือนคนถูกทำร้าย ตอนเดินออกจากร้านสะดวกซื้อ หยุดยืนนิ่ง สัญชาตญาณกำลังบอกว่าเสียงที่เธอได้ยินเมื้อกี้ อยู่ในทางเดินเล็กๆ ค่อนข้างมืดจะมีเพียงแสงไฟสลัว ไร้ผู้คนสัญจร ส่วนจินนี่และยี่หว่ายังยืนรอรับอาหารตรงข้างฟุตบาท ฝั่งตรงข้ามของถนน
"ปะปล่อยฉัน ไปเถอะนะ ...ฮึก!" ดั่งเสียงอ้อนวอนขอชีวิต เธอชั่งใจก่อนหากจะปล่อยไว้มีหวังคนที่ถูกทำคงได้ตายแน่ หรือจะหากเดินไปดูเธอเองคงจะเกิดอันตราย เม็ดฝนตกลงมาไร้แจ้งเตือน ยิ่งทำให้แถวนี้ไร้คนเดินผ่าน
"เป็นไงเป็นกัน" เธอพึมพำบอกตัวเอง ก่อนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วลากถังขยะมีล้อดันเข้าทางเดินมืดสุดแรง จนมันล้มไม่เป็นท่า
โคร้ม!
เธอเร่งแอบอยู่หลังป้ายขนาดใหญ่ของร้านค้า ก่อนจะมีผู้คนชุดดำวิ่งกรูออกมา จนกระทั่งเสียงฝีเท้าเงียบสงบ เท้าเรียวค่อยๆก้าว ก่อนจะพบชายคนนึงใส่หมวกสีดำปกปิดใบหน้า ร่างกำยำชุดโทนสีเข้ม เห็นเพียงแววตาเยือกเย็นดูนิ่งไร้ความรู้สึก ยืนจ้องเธออยู่ในมุมสลัว ส่งผลให้ขนลุกขึ้นชันเพราะรู้สึกกลัวขึ้นมา ร่างบางไร้เรี่ยวแรงกำลังเริ่มชาตามส่วนต่างๆ
"ฟา!/ยัยฟา!!" เสียงของสองเพื่อนสาวเรียกดึงสติ ทำให้ฟารินกระพริบดวงตากลมจ้องมองมุมนั้นใหม่ แต่กลับไม่พบใครเสียแล้ว แววตาแสนจะเยือกเย็นยังติดอยู่ในความคิด
"เรารีบกลับกันเถอะ หิวข้าวมากแล้ว" ฟารินหันมาบอก ก่อนรีบเดินนำหน้ากลับไปยังคอนโด ตอนนี้กลายเป็นว่าเธอรู้สึกกลัวเสียเอง คล้ายถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลา ยี่หวาและจินนี่ต่างมองหน้ากัน ก่อนจะเร่งเดินตาม
วันต่อมา
.
.
.
โรงพยาบาลชื่อดัง
"ขอบคุณอาจารย์ปวินมากนะคะ ที่ช่วยมาเป็นผู้ปกครองแทน" ฟารินก้มหัวลง พร้อมยกมือบางพนมไหว้อาจารย์ ในที่สุดวันที่ทุกคนต่างรอคอยมาถึง ก่อนจะได้จบเป็นแพทย์เต็มตัว ปวินมาส่งกลุ่มนักศึกษาแพทย์ฝึกงานวันแรกด้วยตัวเอง อยู่ตรงห้องโถงใหญ่ชั้นล่างของโรงพยาบาล ผู้ป่วยต่างจับจ้องให้ความสนใจ
"อาจารย์อยากจะส่งให้ลูกศิษย์ถึงฝั่งนะ จงใช้สติปัญญาที่เรียน มาช่วยรักษาคน อย่าทำให้ผิดหวังล่ะ" ปวินบอกกล่าวเรียกสติลูกศิษย์ทั้งหมด เขาเองนับเป็นเรือลำใหญ่ที่ส่งให้ใครต่อใครถึงฝั่งฝัน ผ่านมาจำนวนมากแล้ว ถือว่าเป็นความภูมิใจของอาชีพครู
"รับทราบค่ะ" ฟารินตอบแทนกลุ่มเพื่อน ยกมือขึ้นแตะหน้าผากมนก้มหัวโค้งคำนับ
"น้องๆแพทย์ฝึกหัดมาแล้ว พี่ขอแนะตัวนะคะ พี่ชื่อพี่พราว จะเป็นคนดูแลน้องๆจนตลอดจบหลักสูตรนะคะ" พราวซึ่งมีอายุประมาณสามสิบต้นๆ ท่าท่างคล่องแคล้ว เดินเข้ามาแนะนำตัวเอง เธอเองได้รับมอบหมายจากหัวหน้าแพทย์ ให้คอยดูแลนักศึกษากลุ่มนี้ เปิดแฟ้มรายชื่อไล่เช็ค
"ค่า/ค่ะ"
"เดินตามพี่มาเลยนะคะ จะพาแนะนำโรงบาลก่อน แล้วค่อยขึ้นไปเจอท่านผอ.สุดหล่อของเรา" พราวเดินนำยกมือชี้ตามห้องต่างของชั้นแรก โดยมีกลุ่มนักศึกษาแพทย์เดินตาม หยิบสมุดเล่มเล็กขึ้นจดรายละเอียด โรงพยาบาลค่อนข้างใหญ่โต แถมเน้นความเป็นส่วนตัว ดูไม่วุ่นวายเสียเลย
"ส่วนมากน้องๆคงจะไม่ได้ลงมาหรอก เต็มที่จะอยู่แค่แผนกสำคัญ ส่วนเรื่องแบ่งตารางฝึกแต่ละแผนก พี่จะทยอยจัดให้ตามความคิดหมอใหญ่นะ" พราวยังอธิบายรายละเอียดต่อเนื่อง เมื่อเริ่มขึ้นมาแนะนำชั้นบนต่อ สลับกับเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ
"สมแล้วที่ยัยฟาอยากมาฝึกที่นี่" จินนี่กระซิบกระซาบให้ยี่หวาได้ยิน ทว่าฟารินยืนอยู่ด้างข้างก็ได้ยินตามด้วย
"แล้วใครล่ะ ดันชอบเหมือนกัน" ฟารินพูดเหน็บแหนมทันที
"น้องชื่อฟาล่ะสิ อาจารย์ปวินกำชับพี่ไว้ คิดไม่ผิดแล้วที่เลือกมาฝึกที่นี่ เพราะไม่ใช่ใครจะได้มาง่ายๆนะ" พราวบอกอย่างเอ็นดูในฐานะรุ่นพี่ กว่าจะผ่านเข้าทำงานของแพทย์แต่ละคนถือเป็นเรื่องยาก ถึงเป็นโรงพยาบาลชื่อดัง ที่มีราคาสูงลิ่วใครต่อใครต่างใช้บริการ
..........................
เจอแบบนี้หลอนอยู่นะ???