ตอนที่ 6 (1)

1527 คำ
​ ไม่มีใครมา... ฮุ่ยชิวทั้งแปลกใจทั้งสบายใจในคราเดียวกัน นางสบายใจแล้วที่ครั้งนี้รอดพ้นจากการเจอพระเอก แต่ก็แปลกใจที่เหตุใดเนื้อเรื่องถึงไม่เดินไปตามบทที่นางเขียนเอาไว้ ยิ่งคิดฮุ่ยชิวก็ยิ่งคิดไม่ตก ใบหน้าของนางจึงมีคิ้วม้วนอยู่เป็นปม ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้? นางเริ่มไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นักว่าตนเองจำประมาณวันที่พระเอกจะออกมาตามหานางถูกหรือไม่ แม้นางจะเป็นคนเขียนเอง แต่ก็ผ่านมาแล้วถึงสามปี ผลงานที่ผ่านมาของนางก็มีปีละหลายเรื่อง หากจำเนื้อหาผิดไปบ้างก็นับว่าไม่แปลกอันใด เสียงถอนหายใจดังออกมาหลายต่อหลายครั้ง “ชิวชิว เจ้ายังไม่สบายใจอยู่หรือ” ป๋ายลู่เสียนที่เห็นน้องสาวเพียงคนเดียวนั่งถอนหายใจอยู่คนเดียวจึงเดินเข้ามาหา ฮุ่ยชิวส่งยิ้มทักทายให้พี่ชาย “ก็...นิดหน่อยเจ้าค่ะ อาจจะเป็นเพราะข้าคิดมาก กังวลไปเองก็ได้” นางกล่าวเพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วงมาก ป๋ายลู่เสียนยิ้มให้นางอีกครั้งหนึ่งแล้วพยักหน้ารับ เสียงหอบหายใจราวกับคนยกของหนักดังขึ้นทำให้ฮุ่ยชิวและลู่เสียนพากันหันไปมอง ร่างผอมเล็กของเฉาหลัวกำลังยกถังอะไรบางอย่างเข้ามา เนื้อตัวของเขาเปื้อนไปด้วยดินเหมือนกับเพิ่งจะกลับมาจากการไปเล่นซนอย่างไรอย่างนั้น “อาหลัว นั่นเจ้าเอาอะไรเข้ามาหรือ” ฮุ่ยชิวเอ่ยถามน้องชายสายตามองไปที่ดินที่อยู่ในถัง หากดูจากลักษณะแล้วเหมือนจะเป็นดินเหนียว นางถึงกับม้วนคิ้วสงสัยเมื่อเขาหยิบดินเหนียวขึ้นมาหนึ่งก้อนส่งให้นาง “วันนี้ข้ากับสหายไปเล่นปั้นดินมา เห็นว่าสนุกเลยจะนำมาให้พี่ใหญ่กับพี่หญิงเล่นด้วยกัน” “เอามาปั้นในเรือนเดี๋ยวก็โดนท่านพ่อดุ ระวังดินจะไปผสมเข้ากับแป้งหมั่นโถวเล่า หากเป็นเช่นนั้นเจ้าถูกท่านพ่อตีแน่” ฮุ่ยชิวทำทีเป็นขู่น้องชาย แม้น้ำเสียงไม่ได้จริงจังเท่าไหร่นัก แต่ก็ทำให้เฉาหลัวที่ลืมคิดนึกหวั่น โชคดีที่ครั้งนี้บิดายังไม่ได้กลับมา เขารีบยกถังดินเหนียวกลับไปทันที แต่ก่อนที่เฉาหลัวจะยกออกไป สายตาของนางก็สะดุดกับดินก้อนหนึ่งที่ถูกปั้นเอาไว้แล้ว “อาหลัว เจ้าก้อนกลมนั่นใช่กระต่ายหรือไม่” แววตาเฉาหลัวฉายแววดีใจที่มีคนดูออก เขารีบหยิบมันมาอวดพี่ทั้งสองของตนเองทันที “ใช่แล้ว เป็นไง ข้าปั้นสวยหรือไม่” “งามมาก ฝีมือเจ้าดีจริงๆ หากมีสีสันคงสวยไม่น้อย” ป๋ายลู่เสียนลูบหัวเฉาหลัวอย่างเอ็นดู ฮุ่ยชิวมองเจ้ากระต่ายดินอ้วนกลมแล้วจินตนาการถึงสีสัน ก่อนที่สายตาจะหันไปมองหมั่นโถวขาวกลมสลับกัน ในใจคิดไปถึงหมั่นโถวหรือซาลาเปาแฟนตาซีที่เคยดังอยู่ช่วงหนึ่งขึ้นมา “เก่งมากอาหลัว! เจ้าอยากจะลองเอาแป้งหมั่นโถวของท่านพ่อมาปั้นเล่นหน่อยไหม” ฮุ่ยชิวถามน้องชายแล้วฉีกยิ้มกว้าง ป๋ายเฉาหลัวถึงกับส่ายศีรษะระรัว ใบหน้ามีสีหน้าหวาดหวั่น “พี่หญิงจะหาเรื่องให้ท่านพ่อตีข้าหรือ ใจร้าย!” ลู่เสียนหัวเราะ แล้วกล่าวเสริม “เอาของกินมาเล่น ท่านพ่อคงไม่ยอมเป็นแน่ แต่หากเราเล่นกันเองแล้วเก็บเอาไว้กินเอง ก็คงไม่เป็นอันใด” ฮุ่ยชิวมองพี่ชายที่ยิ้มอบอุ่นอย่างซาบซึ้ง ลู่เสียนนั้นติดนิสัยใจอ่อนกันน้อง ๆ อยู่เป็นประจำ นางวาดฝันมาตลอดว่ายากได้พี่ชายแสนดีเช่นนี้ แต่พอได้มาเป็นพี่ชายจริงๆ ก็แอบเสียดายเล็กน้อย ฮุ่ยชิวยิ้มประจบ “เช่นนั้นมาเล่นกันเถอะ แค่นิดเดียว” ป๋ายเฉาหลัวยังคงมีสีหน้าไม่ค่อยเห็นด้วย “เอาน่า หากท่านพ่อดุ ข้าจะรับหน้าให้เจ้าเอง” เมื่อเห็นพี่สาวกล่าวเช่นนั้นเขาจึงยอมพยักหน้ารับอย่างโดยดี แท้ที่จริงแล้วเฉาหลัวก็อยากเล่นเช่นกัน เพียงแค่รอให้ฮุ่ยชิวกล่าวคำนั้นออกมาเท่านั้น “งั้นพวกท่านพี่เตรียมของ เดี๋ยวข้าจะรีบไปอาบน้ำล้างมือให้สะอาดก่อนนะขอรับ อย่าเล่นกันหมดนะ รอข้าด้วยเล่า” “เข้าใจแล้ว รีบหน่อยนะก่อนท่านพ่อกลับมา” ฮุ่ยชิวตะโกนตามไป ใบหน้าของนางเปื้อนรอยยิ้ม หากนางจำไม่ผิด ป๋ายลู่เสียนเองก็มีฝีมือทำอาหารพอสมควร น่าจะพอช่วยนางได้ “ท่านพี่ หากเราคิดจะใส่สีลงไปในแป้งหมั่นโถว ท่านพี่คิดว่าผสมพวกนี้ลงไปด้วยจะทำให้รสชาติเปลี่ยนหรือไม่เจ้าค่ะ ข้าเกรงว่าจะไม่ถูกปากผู้อื่น” ลู่เสียนมองฟักทองในมือของฮุ่ยชิว “ข้าก็ยังไม่เคยลอง ยังไงก็ลองดูกันก่อนเถิด” เมื่อฮุ่ยชิวพยักหน้ารับเขาก็รับฟักทองมาอยู่ในมือก่อนจะลงมือปอกเปลือกแล้วนำไปนึ่งให้นิ่มเพื่อเตรียมมาเป็นส่วนผสมของแป้งหมั่นโถว แล้วมาช่วยน้องสาวที่กำลังคัดเลือกสิ่งที่คิดว่าจะมาผสมกับแป้งหมั่นโถวให้เกิดสีสันขึ้นมาได้ “ชิวชิว หากเราปั้นหมั่นโถวได้สวยน่ากิน เจ้าคิดว่าจะขายได้มากขึ้นหรือไม่” ฮุ่ยชิวพยักหน้ารับ “แน่นอนเจ้าค่ะ แล้วก็ยังอาจจะขึ้นราคาได้เล็กน้อยด้วย” คำตอบของนางทำให้ป๋ายลู่เสียนยิ้มชอบใจ หากขายได้มากกว่านี้อีกหน่อยท่านพ่อจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากนัก เฉาหลัวที่ชำระกายจนปราศจากเศษดินแล้วรีบวิ่งกลับเข้ามาช่วย สามพี่น้องกำลังรวมหัวกันนั่งมองวัตถุดิบตรงหน้า “ฟักทองได้สีเหลือง ใบชาที่ท่านพี่เก็บมาได้นี้เอาไปคั้นน้ำให้ข้นก็จะได้สีเขียว” ฮุ่ยชิวคัดเลือกส่วนที่คิดว่าน่าจะใช้ได้ออกมาแยกเอาไว้ “มันจะไม่เหม็นหรือพี่หญิง” เฉาหลัวที่ไม่ค่อยชอบกลิ่นใบชาเท่าไหร่นักเอ่ยแย้ง ฮุ่ยชิวส่ายศีรษะ นางเองก็ไม่รู้เช่นกัน “ลองดูนิดหน่อยก็ได้” ว่าแล้วนางก็แยกใบชาไปในส่วนกองที่ใช้ได้ แล้วหยิบผลหยางเหมย (เบย์เบอร์รี่จีน) ที่มีสีแดงสดขึ้นมา “อันนี้ก็ใช้ได้” นางยิ้มร่าวางเอาไว้ ส่วนที่เหลือนั้นฮุ่ยชิวก็เอาแต่ส่ายศีรษะ เพียงแค่จินตนาการนางก็ว่าไม่อร่อยแล้ว เพียงแค่สามสีก็น่าจะพอสำหรับทดลอง ทั้งสามแบ่งกันช่วยกันนวดแป้ง ฟักทองถูกนึ่งจนนิ่มเอามาบด ใบชา และหยางเหมยถูกนำมาคั้นเป็นน้ำ ก่อนที่ส่วนผสมทั้งสามจะถูกนวดผสมเข้าไปกับวัตถุดิบแป้งหมั่นโถวจนเข้ากัน แม้สีสันจะไม่ค่อยสวยงามและสีสดมากนัก แต่ก็ออกมาดูดีไม่น้อย หลังจากพักแป้งเอาไว้ได้ประมาณเกือบหนึ่งเค่อ เฉาหลัวก็ลงมือปั้นก่อนเป็นคนแรก เขาปั้นกระต่ายสีชมพูอ่อนอมแดงที่เกิดจากการผสมน้ำผลหยางเหมยขึ้นมาหนึ่งตัว แล้วใช้เมล็ดงาแทนดวงตา “น่ารักมากอาหลัว” ฮุ่ยชิวเอ่ยชมแล้วตบมือระรัวอย่างถูกใจ ป๋ายลู่เสียนเองก็เอ่ยชมน้องชายไปหนึ่งคำ เฉาหลัวถึงกับเขินจนไปต่อไม่ถูก เขาทำทีเป็นกระแอมไอเบาๆ แก้เขิน “ข้าสอนไหม” ฮุ่ยชิวรีบพยักหน้ารับ นางเองก็ปั้นกระต่าย แต่มันออกน่าเกลียดพิกล แม้แต่ป๋ายลู่เสียนที่เอ่ยว่าไม่ถนัดยังคงปั้นสวยกว่านาง หลังจากทำไปได้หลายตัว เฉาหลัวก็ยังคงสนุกอยู่จึงขอให้พี่ใหญ่ผสมแป้งให้เพิ่ม “รอบสุดท้ายแล้วนะ” ลู่เสียนทำเสียงเข้มแต่ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้มเมื่อเห็นรอยยิ้มสนุกสนานของน้องชายกับน้องสาวที่กำลังทำสีหน้าเคร่งเครียดเพราะปั้นไม่สวยเสียที เมื่อเวลาผ่านไปจนใกล้จะมืด ลู่เสียนก็นำหมั่นโถวที่ทุกคนปั้นเล่นกันไปนึ่งไว้กินเป็นอาหารเย็น แต่ดูเหมือนพวกเขาจะปั้นมากไปเสียหน่อย เกรงว่ากินถึงพรุ่งนี้ก็อาจจะไม่หมด ทั้งวัตถุดิบเตรียมสำหรับทำขายก็ร่อยหรอลงไปมาก เฉาหลัวกับฮุ่ยชิวถึงกับทำหน้าจ๋อยอย่างสำนึกผิดที่เผลอตัวเล่นมากไปเสียหน่อย แต่ผลงานนั้นก็ออกมาดีพอสมควร “ช่างเถิด ข้าจะรับหน้าให้พวกเจ้าเอง” “พี่ใหญ่” เฉาหลัวกับฮุ่ยชิวแทบจะเข้าไปโอบกอดพี่ชายเอาไว้อย่างซาบซึ้งใจหากไม่ใช่ว่าเขาต้องรีบไปช่วยท่านพ่อเก็บของกลับมาก่อน ​
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม