ตอนที่3

1476 คำ
หนึ่งวันผ่านไป สองวันผ่านไป สามวันผ่านไป และวันที่สี่ก็กำลังจะผ่านไปอีกวัน เป็นเวลากว่าสี่วันแล้วที่นิวเยียร์บินลัดฟ้ามาแสนไกลแต่เธอยังไม่ได้เจอหน้าคนที่ตั้งใจมาหาเลยด้วยซ้ำ ได้แต่รอ รอแล้วรออีกโดยที่ไม่รู้เมื่อไหร่เขาจะมารับเธอจากบ้านพ่อแม่เขาไปอยู่ที่เพนต์เฮาส์สักที “เฮ้ออออ!” เสียงถอนหายใจลากยาวดังมาจากคนที่นั่งเล่นอยู่ภายในเรือนกระจกที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ทำให้คนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาหยุดชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างคนเบื่อหน่ายดังขึ้นมา ก่อนจะมีเสียงพูดดังตามหลังเสียงถอนหายใจเมื่อครู่มา “หรือว่าจะกลับบ้านดีนะ” เพียงแค่ได้ยินประโยคนั้น ร่างสูงโปร่งของคนมาใหม่ก็หมุนตัวเดินออกไปทางเดิมทันที เขาไม่น่าเสียเวลาเดินมา แต่ก็เพราะถูกคนเป็นแม่บังคับมาหรอก ถ้าให้มาเองเขาคงไม่มา เคล้ง!! ขวับ! เสียงเหมือนมีสิ่งของบางอย่างหล่นลงกระทบกันจนเกิดเสียงดัง ทำให้นิวเยียร์ที่นั่งถอนหายใจทิ้งพลางตัดพ้อกับตัวเองรีบมองหาที่มาของเสียงด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นหลังไวๆ ของใครบางคนที่เดินออกจากเรือนกระจกไป รูปร่างเขาดูสูงโปร่งสมส่วนเหมือนกับคนที่เธอเฝ้ารอไม่มีผิด ไม่รอช้าคนตัวเล็กรีบลุกจากเก้าอี้ชิงช้าวิ่งตามออกไปดูให้แน่ใจว่าใช่ไหม จะใช่คนที่เธอเฝ้ารออยู่หรือเปล่า เมื่อวิ่งตามออกมาแล้วเห็นเพียงด้านหลังเธอก็จำได้ทันทีว่าเป็นเขา แม้จะไม่ได้เห็นหน้ากันนานนับปีเธอก็จำลักษณะของเขาได้เป็นอย่างดี ก่อนจะตะโกนเรียกเขาไว้เสียงดัง “พี่นิกซ์!” เธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะหยุดเมื่อถูกเรียก แต่ก็ผิดคาดเมื่อเขายอมหยุดเดินทั้งยังหันกลับมามองที่เธออีกด้วย เป็นเขาจริงๆ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่มีจมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคม ริมฝีปากหยักได้รูป ทุกอย่างบนใบหน้านั้นลงตัว บวกกับรูปร่างที่สูงโปร่งยิ่งขลับให้เขาดูดีขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ในที่สุดเธอก็ได้เจอเขาแล้วหลังจากที่เฝ้ารอมาหลายวัน คิดถึงที่สุด ถ้าได้กอดคงหายคิดถึง “นิกซ์รอน้องนิวด้วย” ยืนเพ้อฝันกับความหล่อเหลาของเขาได้ไม่ทันไรก็ต้องตะโกนเรียกเขาไว้อีกครั้ง เมื่อคนตัวสูงที่หันกลับมามองเธอนั้นเขาหันกลับไปทางเดิมแล้วเดินต่อ ไม่แม้แต่จะทักทายกันเลยสักนิดเดียว ใจร้ายที่สุด! นิวเยียร์ทั้งวิ่งและตะโกนตามหลังของนิกซ์ไม่หยุด จนกระทั่งเข้ามาถึงภายในบ้านที่ตอนนี้สมาชิกของบ้านอยู่กันครบอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา “เป็นอะไรรึเปล่าน้องนิว ทำไมวิ่งหน้าตั้งมาแบบนั้นลูก” เฌอวาถามด้วยความตกใจที่เห็นนิวเยียร์วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา ทั้งยังมีอาการหอบแฮ่กๆ จนกลัวว่าจะเป็นลมล้มพับไป “แฮ่กๆๆ นิกซ์…นิกซ์ไม่รอน้องนิวค่ะ” คนถูกถามตอบด้วยอาการเหนื่อยหอบ ชี้โบ้ยชี้เบ้ไปยังคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ เสร็จแล้วก็รีบยกมือไหว้สวัสดีบุคคลสำคัญที่เพิ่งได้เจอหน้า “สะ สวัสดีค่ะลุงเทมส์ พี่ไนซ์” “หายใจก่อนก็ได้ตัวเล็ก” ไนซ์เอ่ยขึ้นอย่างเอ็นดูที่เห็นนิวเยียร์รีบร้อนยกมือไหว้เขากับคนเป็นพ่อ คำพูดของไนซ์ทำให้นิกซ์แอบชะงัก คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะปรายตามองไปที่คนตัวเล็กที่ยืนหอบหายใจแรงอยู่ข้างๆ ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เธอดูเหนื่อยขนาดนั้น ก็ทั้งวิ่งทั้งตะโกนไม่หยุด ไม่เหนื่อยสิแปลก “ผมจะกลับเลย” นิกซ์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบหลังจากที่ยืนเงียบมาสักพัก “เดี๋ยวสิลูก รอทานมื้อเย็นกันก่อน นานๆ ทีจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ ถือเป็นการเลี้ยงต้อนรับน้องนิวด้วย” เฌอวาที่ได้ยินลูกชายบอกว่าจะกลับก็รีบรั้งไว้เพื่อให้ลูกชายอยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันก่อน “พี่นิกซ์อย่าเพิ่งกลับนะ อยู่ทานข้าวกันก่อนนะคะ” ตามมาด้วยเสียงของนลิน ลูกสาวคนเล็กของบ้านที่พี่ชายทั้งสองและคนเป็นพ่อหวงยิ่งกว่าไข่ในหิน คนเป็นแม่พูดไม่เท่าไหร่ แต่พอได้ยินน้องสาวอ้อนบอกว่าอยากทานข้าวด้วยนิกซ์ก็พยักหน้ารับทันที นิวเยียร์ที่พอหายเหนื่อยก็ทำตาโตตกใจที่ได้ยินคนตัวสูงข้างๆ บอกว่าจะกลับ เพราะเธอยังไม่ทันได้เก็บของเลยสักชิ้นเดียว และตอนนี้เธอมีเวลาแค่ก่อนจะถึงอาหารเย็น ซึ่งก็แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น “น้องนิวยังไม่ได้เก็บของเลยค่ะ เดี๋ยวน้องนิวไปเก็บของก่อนนะคะ” ไม่รอให้ใครได้พูดอะไร พอพูดจบเธอก็รีบวิ่งขึ้นบันไดบ้านไปอย่างรวดเร็ว เพราะถ้ามัวแต่ชักช้ามีหวังเธอโดนทิ้งให้อยู่ที่นี่ต่อยาวๆ แน่ เพราะคนใจร้ายแบบนิกซ์ไม่ชอบรอใครอยู่แล้ว ขืนมัวแต่ชักช้ารอเก็บหลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จเขาคงไม่รอและทิ้งให้เธออยู่ที่นี่ต่อ แล้วใครจะยอมให้เป็นแบบนั้นกัน เธอมาที่นี่ก็เพื่อต้องการจะได้ใช้เวลาช่วงปิดเทอมอยู่กับเขา แม้ว่าพอไปถึงเพนต์เฮาส์แล้วเธอแทบจะได้อยู่อย่างอ้างว้างคนเดียวก็เถอะ เพราะเขานั้นเอาแต่ทำงานและเรียนไปด้วยจนไม่สนใจเธอเลยสักนิด แต่เธอรู้ข่าวมาว่าตอนนี้ว่าที่คู่หมั้นของเธอเรียนจบปริญญาโทแล้ว บางทีเขาอาจจะมีเวลาว่างมากขึ้นแล้วก็ได้ นิกซ์ยืนขมวดคิ้วแน่นมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สามใบกับอีกหนึ่งใบเล็กที่คนกำลังยกลงมาจากชั้นบนของบ้าน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากระเป๋าทั้งหมดนี้คือของเด็กน่ารำคาญคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอบินมาคนเดียวพร้อมกับกระเป๋าพวกนี้ นี่เธอขนกระเป๋าพวกนี้ด้วยตัวเองได้จริงๆ งั้นเหรอ ตัวก็เล็กนิดเดียว “ดูแลน้องให้ดีนะนิกซ์” เฌอวากำชับลูกชายให้ดูแลว่าที่คู่หมั้นของตัวเองให้ดี “ครับ” ก็แค่ขานรับส่งๆ เพื่อตัดรำคาญไป ถ้าเธอสามารถบินมาด้วยตัวเองพร้อมกับกองกระเป๋าพวกนี้ได้ ก็ไม่จำเป็นที่เขาจะดูแลอะไรแล้ว มาปีนี้เธอโตขึ้นมาก การแต่งตัวก็เปลี่ยนไปจากปีก่อนๆ ที่มักจะชอบใส่ชุดกระโปรงพริ้วๆ พองๆ เหมือนตัวการ์ตูนเจ้าหญิงแล้วถักเปียสองข้างดูเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา แต่มาปีนี้ทุกอย่างที่เคยคุ้นตาบนตัวเธอได้เปลี่ยนไปจนหมด ดูโตเป็นสาวขึ้นมากจนเขายังแอบชะงักที่ได้เห็นหน้าเธอครั้งแรกในรอบปี “ถ้าพี่เขาใจร้ายน้องนิวรีบโทรมาฟ้องแม่เลยนะลูก” “ฟ้องเลยได้รึเปล่าคะ ตอนนี้นิกซ์ก็ใจร้ายอยู่” ตั้งแต่เจอหน้ากันเขายังไม่ยอมพูดกับเธอเลยสักคำ นั่งทานข้าวกันก็เอาแต่ทำหน้านิ่งอย่างคนไร้ความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา ต่างจากตอนที่คุยกับน้องสาวตัวเอง ที่มีแต่ความอ่อนโยนอยู่เต็มไปหมด จนเธอรู้สึกน้อยใจที่ไม่เคยได้รับความอ่อนโยนแบบนั้นเลย นิกซ์ปรายตามองเด็กขี้ฟ้องเพียงนิดก่อนจะหมุนตัวเดินตรงไปที่รถทันทีโดยไม่ได้สนใจอะไรอีก “ดะ เดี๋ยวสิ! พี่นิกซ์รอน้องนิวด้วย” นิวเยียร์ถึงกับลนลานเมื่อเห็นคนตัวสูงเดินออกไปไม่ได้สนใจท่าทีตัดพ้อของเธอที่กำลังฟ้องแม่ของเขาอยู่เลยสักนิด “คุณป้าคะ คุณลุงคะ น้องนิวไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ นิกซ์รอด้วย!” คนตัวเล็กรีบวิ่งตามไปขึ้นรถด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่จะไม่ทันการแล้วถูกคนใจร้ายจอมเย็นชาทิ้งให้อยู่ที่นี่ต่อ ระดับความใจร้ายและความเย็นชาของเขามันเพิ่มขึ้นทุกปีจริงๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม