หนึ่งวันผ่านไป
สองวันผ่านไป
สามวันผ่านไป
และวันที่สี่ก็กำลังจะผ่านไปอีกวัน
เป็นเวลากว่าสี่วันแล้วที่นิวเยียร์บินลัดฟ้ามาแสนไกลแต่เธอยังไม่ได้เจอหน้าคนที่ตั้งใจมาหาเลยด้วยซ้ำ ได้แต่รอ รอแล้วรออีกโดยที่ไม่รู้เมื่อไหร่เขาจะมารับเธอจากบ้านพ่อแม่เขาไปอยู่ที่เพนต์เฮาส์สักที
“เฮ้ออออ!”
เสียงถอนหายใจลากยาวดังมาจากคนที่นั่งเล่นอยู่ภายในเรือนกระจกที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ทำให้คนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาหยุดชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างคนเบื่อหน่ายดังขึ้นมา ก่อนจะมีเสียงพูดดังตามหลังเสียงถอนหายใจเมื่อครู่มา
“หรือว่าจะกลับบ้านดีนะ”
เพียงแค่ได้ยินประโยคนั้น ร่างสูงโปร่งของคนมาใหม่ก็หมุนตัวเดินออกไปทางเดิมทันที เขาไม่น่าเสียเวลาเดินมา แต่ก็เพราะถูกคนเป็นแม่บังคับมาหรอก ถ้าให้มาเองเขาคงไม่มา
เคล้ง!!
ขวับ!
เสียงเหมือนมีสิ่งของบางอย่างหล่นลงกระทบกันจนเกิดเสียงดัง ทำให้นิวเยียร์ที่นั่งถอนหายใจทิ้งพลางตัดพ้อกับตัวเองรีบมองหาที่มาของเสียงด้วยความตกใจ
ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นหลังไวๆ ของใครบางคนที่เดินออกจากเรือนกระจกไป รูปร่างเขาดูสูงโปร่งสมส่วนเหมือนกับคนที่เธอเฝ้ารอไม่มีผิด ไม่รอช้าคนตัวเล็กรีบลุกจากเก้าอี้ชิงช้าวิ่งตามออกไปดูให้แน่ใจว่าใช่ไหม จะใช่คนที่เธอเฝ้ารออยู่หรือเปล่า
เมื่อวิ่งตามออกมาแล้วเห็นเพียงด้านหลังเธอก็จำได้ทันทีว่าเป็นเขา แม้จะไม่ได้เห็นหน้ากันนานนับปีเธอก็จำลักษณะของเขาได้เป็นอย่างดี ก่อนจะตะโกนเรียกเขาไว้เสียงดัง
“พี่นิกซ์!”
เธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะหยุดเมื่อถูกเรียก แต่ก็ผิดคาดเมื่อเขายอมหยุดเดินทั้งยังหันกลับมามองที่เธออีกด้วย
เป็นเขาจริงๆ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่มีจมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคม ริมฝีปากหยักได้รูป ทุกอย่างบนใบหน้านั้นลงตัว บวกกับรูปร่างที่สูงโปร่งยิ่งขลับให้เขาดูดีขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ในที่สุดเธอก็ได้เจอเขาแล้วหลังจากที่เฝ้ารอมาหลายวัน
คิดถึงที่สุด ถ้าได้กอดคงหายคิดถึง
“นิกซ์รอน้องนิวด้วย” ยืนเพ้อฝันกับความหล่อเหลาของเขาได้ไม่ทันไรก็ต้องตะโกนเรียกเขาไว้อีกครั้ง เมื่อคนตัวสูงที่หันกลับมามองเธอนั้นเขาหันกลับไปทางเดิมแล้วเดินต่อ ไม่แม้แต่จะทักทายกันเลยสักนิดเดียว
ใจร้ายที่สุด!
นิวเยียร์ทั้งวิ่งและตะโกนตามหลังของนิกซ์ไม่หยุด จนกระทั่งเข้ามาถึงภายในบ้านที่ตอนนี้สมาชิกของบ้านอยู่กันครบอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
“เป็นอะไรรึเปล่าน้องนิว ทำไมวิ่งหน้าตั้งมาแบบนั้นลูก” เฌอวาถามด้วยความตกใจที่เห็นนิวเยียร์วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา ทั้งยังมีอาการหอบแฮ่กๆ จนกลัวว่าจะเป็นลมล้มพับไป
“แฮ่กๆๆ นิกซ์…นิกซ์ไม่รอน้องนิวค่ะ” คนถูกถามตอบด้วยอาการเหนื่อยหอบ ชี้โบ้ยชี้เบ้ไปยังคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ เสร็จแล้วก็รีบยกมือไหว้สวัสดีบุคคลสำคัญที่เพิ่งได้เจอหน้า “สะ สวัสดีค่ะลุงเทมส์ พี่ไนซ์”
“หายใจก่อนก็ได้ตัวเล็ก” ไนซ์เอ่ยขึ้นอย่างเอ็นดูที่เห็นนิวเยียร์รีบร้อนยกมือไหว้เขากับคนเป็นพ่อ
คำพูดของไนซ์ทำให้นิกซ์แอบชะงัก คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะปรายตามองไปที่คนตัวเล็กที่ยืนหอบหายใจแรงอยู่ข้างๆ ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เธอดูเหนื่อยขนาดนั้น ก็ทั้งวิ่งทั้งตะโกนไม่หยุด ไม่เหนื่อยสิแปลก
“ผมจะกลับเลย” นิกซ์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบหลังจากที่ยืนเงียบมาสักพัก
“เดี๋ยวสิลูก รอทานมื้อเย็นกันก่อน นานๆ ทีจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ ถือเป็นการเลี้ยงต้อนรับน้องนิวด้วย” เฌอวาที่ได้ยินลูกชายบอกว่าจะกลับก็รีบรั้งไว้เพื่อให้ลูกชายอยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันก่อน
“พี่นิกซ์อย่าเพิ่งกลับนะ อยู่ทานข้าวกันก่อนนะคะ” ตามมาด้วยเสียงของนลิน ลูกสาวคนเล็กของบ้านที่พี่ชายทั้งสองและคนเป็นพ่อหวงยิ่งกว่าไข่ในหิน
คนเป็นแม่พูดไม่เท่าไหร่ แต่พอได้ยินน้องสาวอ้อนบอกว่าอยากทานข้าวด้วยนิกซ์ก็พยักหน้ารับทันที
นิวเยียร์ที่พอหายเหนื่อยก็ทำตาโตตกใจที่ได้ยินคนตัวสูงข้างๆ บอกว่าจะกลับ เพราะเธอยังไม่ทันได้เก็บของเลยสักชิ้นเดียว และตอนนี้เธอมีเวลาแค่ก่อนจะถึงอาหารเย็น ซึ่งก็แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
“น้องนิวยังไม่ได้เก็บของเลยค่ะ เดี๋ยวน้องนิวไปเก็บของก่อนนะคะ” ไม่รอให้ใครได้พูดอะไร พอพูดจบเธอก็รีบวิ่งขึ้นบันไดบ้านไปอย่างรวดเร็ว เพราะถ้ามัวแต่ชักช้ามีหวังเธอโดนทิ้งให้อยู่ที่นี่ต่อยาวๆ แน่
เพราะคนใจร้ายแบบนิกซ์ไม่ชอบรอใครอยู่แล้ว ขืนมัวแต่ชักช้ารอเก็บหลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จเขาคงไม่รอและทิ้งให้เธออยู่ที่นี่ต่อ แล้วใครจะยอมให้เป็นแบบนั้นกัน เธอมาที่นี่ก็เพื่อต้องการจะได้ใช้เวลาช่วงปิดเทอมอยู่กับเขา แม้ว่าพอไปถึงเพนต์เฮาส์แล้วเธอแทบจะได้อยู่อย่างอ้างว้างคนเดียวก็เถอะ เพราะเขานั้นเอาแต่ทำงานและเรียนไปด้วยจนไม่สนใจเธอเลยสักนิด แต่เธอรู้ข่าวมาว่าตอนนี้ว่าที่คู่หมั้นของเธอเรียนจบปริญญาโทแล้ว บางทีเขาอาจจะมีเวลาว่างมากขึ้นแล้วก็ได้
นิกซ์ยืนขมวดคิ้วแน่นมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สามใบกับอีกหนึ่งใบเล็กที่คนกำลังยกลงมาจากชั้นบนของบ้าน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากระเป๋าทั้งหมดนี้คือของเด็กน่ารำคาญคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอบินมาคนเดียวพร้อมกับกระเป๋าพวกนี้ นี่เธอขนกระเป๋าพวกนี้ด้วยตัวเองได้จริงๆ งั้นเหรอ ตัวก็เล็กนิดเดียว
“ดูแลน้องให้ดีนะนิกซ์” เฌอวากำชับลูกชายให้ดูแลว่าที่คู่หมั้นของตัวเองให้ดี
“ครับ” ก็แค่ขานรับส่งๆ เพื่อตัดรำคาญไป
ถ้าเธอสามารถบินมาด้วยตัวเองพร้อมกับกองกระเป๋าพวกนี้ได้ ก็ไม่จำเป็นที่เขาจะดูแลอะไรแล้ว มาปีนี้เธอโตขึ้นมาก การแต่งตัวก็เปลี่ยนไปจากปีก่อนๆ ที่มักจะชอบใส่ชุดกระโปรงพริ้วๆ พองๆ เหมือนตัวการ์ตูนเจ้าหญิงแล้วถักเปียสองข้างดูเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา แต่มาปีนี้ทุกอย่างที่เคยคุ้นตาบนตัวเธอได้เปลี่ยนไปจนหมด ดูโตเป็นสาวขึ้นมากจนเขายังแอบชะงักที่ได้เห็นหน้าเธอครั้งแรกในรอบปี
“ถ้าพี่เขาใจร้ายน้องนิวรีบโทรมาฟ้องแม่เลยนะลูก”
“ฟ้องเลยได้รึเปล่าคะ ตอนนี้นิกซ์ก็ใจร้ายอยู่” ตั้งแต่เจอหน้ากันเขายังไม่ยอมพูดกับเธอเลยสักคำ นั่งทานข้าวกันก็เอาแต่ทำหน้านิ่งอย่างคนไร้ความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา ต่างจากตอนที่คุยกับน้องสาวตัวเอง ที่มีแต่ความอ่อนโยนอยู่เต็มไปหมด จนเธอรู้สึกน้อยใจที่ไม่เคยได้รับความอ่อนโยนแบบนั้นเลย
นิกซ์ปรายตามองเด็กขี้ฟ้องเพียงนิดก่อนจะหมุนตัวเดินตรงไปที่รถทันทีโดยไม่ได้สนใจอะไรอีก
“ดะ เดี๋ยวสิ! พี่นิกซ์รอน้องนิวด้วย” นิวเยียร์ถึงกับลนลานเมื่อเห็นคนตัวสูงเดินออกไปไม่ได้สนใจท่าทีตัดพ้อของเธอที่กำลังฟ้องแม่ของเขาอยู่เลยสักนิด “คุณป้าคะ คุณลุงคะ น้องนิวไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ นิกซ์รอด้วย!”
คนตัวเล็กรีบวิ่งตามไปขึ้นรถด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่จะไม่ทันการแล้วถูกคนใจร้ายจอมเย็นชาทิ้งให้อยู่ที่นี่ต่อ ระดับความใจร้ายและความเย็นชาของเขามันเพิ่มขึ้นทุกปีจริงๆ