“ใช่สิจ๊ะ พวกเราทุกคนผ่านมาหมดแล้วล่ะงานพวกนี้ ยุ่งเป็นบ้าเลย ไหนจะงานเอกสาร ไหนจะหาอาหารให้ท่านกิน สุดท้ายเลยตัดสินใจหาผู้ช่วยเพิ่มอีกคน เอาไว้คอยรับผิดชอบงานพวกนี้เป็นส่วนใหญ่ แต่ท่านก็สั่งเปลี่ยนมาสามคนแล้ว ยัยแนนคนที่สาม ทำอาหารเก่ง ฉลาด รอบรู้ คล่องแคล่วว่องไว ใช้ทำอะไรได้ตามคำสั่งหมด ไอ้เราก็นึกว่าจะรอด แต่สุดท้ายก็ไม่ผ่านโปร หวังว่าช่าคงจะผ่านนะ”
“โหย! แม่เจ๊า! แล้วช่าจะรอดเหรอคะ?”
ผู้ช่วยคนใหม่ไม่มีกระจิดกะใจจะตักข้าวต้มเข้าปากด้วยซ้ำเมื่อได้ยิน ใบหน้าสวยใสไร้เครื่องแต่งแต้มนั้นก็ขาวซีดทันที ด้วยไม่อยากต้องร่อนใบสมัครงานใหม่อีก เงินเดือนดีๆ แบบนี้หาง่ายที่ไหน
“เกตุก็ใจร้ายเกิน ไปขู่น้องได้ยังไงจ๊ะ ใจเสียหมดเลย ไม่แย่อย่างนั้นหรอกน่าช่า คุณดนตร์แค่เป็นคนละเอียดและอยากให้พวกเราเอาใจใส่แกเท่านั้นล่ะ”
ตุลยพรรีบปลอบใจ นาถรดีกำลังตักข้าวต้มอันเย็นชืดของตัวเองเข้าปาก ก็พยักหน้าสนับสนุน เพราะกลัวเด็กใหม่จะใจฝ่อก่อน
“ตอนเที่ยงจะทำอะไรให้คุณดนตร์กินดีล่ะช่า?”
“ไม่รู้ค่ะ ช่าคิดไม่ออก แล้วก็ไม่เคยคิดด้วยค่ะ ว่าจะต้องมาทำข้าวเที่ยงให้เจ้านายกิน นึกว่าจะมีแต่หามื้อเช้า แล้วนี่ช่าจะไปหาซื้ออะไรได้ที่ไหนล่ะคะ ข้าวสารกับหม้อหุงข้าวมีด้วยเหรอคะ?”
“มีครบจ้า บอกแล้วไงว่านี่ครัวของคุณดนตร์ เรื่องซื้อของไม่ต้องห่วง จะทำอะไรหรืออยากได้อะไรให้ป้าม่อมไปซื้อเลย สักสิบเอ็ดโมงกว่าๆ หรือสิบเอ็ดโมงครึ่งช่าก็ไปทำเลย ไม่ว่าจะมีงานค้างอะไรหรือใครใช้ก็ไม่ต้องไปนะ จำไว้อย่างว่างานหลักของช่าอยู่ในคู่มือนั้น ส่วนงานนั่งโต๊ะถือว่าเป็นงานรอง”
“ค่ะ”
“ว่าแต่อ่านหมดหรือยัง?”
“หมดแล้วค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะจำได้หมดหรือเปล่าค่ะ”
“อ้าว! พรุ่งนี้หยุดก็รีบอ่านทวนซะนะ อย่างที่พี่บอกว่าคุณดนตร์ไม่ชอบให้ใครทำผิดซ้ำซาก ครั้งสองครั้งพอได้ ถ้ามีครั้งที่สามก็เตรียมหางานใหม่เลย ท่องไว้ให้ขึ้นใจนะ”
“ค่ะพี่”
ตอนที่ 3
สิบโมงกว่าๆ พิชชาก็ต้องรีบละมือจากงานที่ได้มอบหมาย นั่นคือการอัปเดตข้อมูลลูกค้าเข้าระบบลับเฉพาะของเจ้านาย เพื่อไปหุงข้าว ตกใจไม่น้อย เมื่อเห็นว่ามีถังข้าวสารวางเรียงอยู่ถึงหกถัง
ประกอบด้วยข้าวเบอร์รี่ ข้าวกล้อง ข้าวญี่ปุ่น ข้าวมะลิ เสาไห้และเขียนกำกับไว้ด้วยว่า “ใช้สำหรับทำข้าวผัด ข้าวต้มเท่านั้น” สุดท้ายคือจมูกข้าว ก็เขียนไว้ว่า “ทำโจ๊กเท่านั้น”
“แม่เจ้า! ไม่เอาที่นอนหมอนมุ้งมาไว้บนนี้เลยล่ะคะคุ๊ณ จะได้เหมือนบ้านเลย ถามจริงๆ เหอะ ใจจริงจะไม่ออกไปกินข้าวข้างนอกบ้างหรือไง จะให้เลขาทำทุกมื้อเลยหรือไงค๊า”
บ่นเบาๆ คนเดียวแล้วมือก็หุงข้าวไปด้วย เสร็จก็รีบกลับไปหางานที่ทำค้างไว้ทันที แล้วก็ให้รู้สึกดีไม่น้อย ที่ยังได้นั่งทำงาน ส่วนผู้ช่วยอีกสองคนแทบไม่ได้นั่ง เพราะต้องเดินไปนั่นมานี่ระหว่างแผนก โทรศัพท์ที่โต๊ะนาถรดีดังก็ต้องคอยดึงสาย บางทีโต๊ะผู้ช่วยของเจ้านาย ที่ป่านนี้พิชชาก็ยังไม่เคยเห็นหน้าสักครั้งดังขึ้น ก็ต้องดึงสายมาเหมือนกัน มื้อเที่ยงก็จะต้องสลับกันไปกิน ห้ามทิ้งออฟฟิศไว้เด็ดขาด
“ช่า!”
“คะ?” คนกำลังทำงานเพลินๆ ถึงกับสะดุ้ง เมื่อนาถรดีหันมาหา
“ตกใจเหรอ อย่าบอกจะว่าเป็นคนขวัญอ่อน”
“นิดหน่อยค่ะ พี่นาถจะเอาอะไรคะ?”
“พี่ไม่เอาหรอก แต่เจ้านายจะเอา”
“เอาอะไรคะ?” คนถามเตรียมลุกขึ้นพร้อมจะไปทำทันที แต่นาถรดียกมือห้ามไว้ ใบหน้านั้นก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ เมื่ออีกฝ่ายเรียกง่ายใช้คล่องสมกับที่หมายตาไว้
“คุณดนตร์ให้ทำมื้อเที่ยงเผื่อคุณโรเบิร์ตด้วย จะมาถึงเที่ยงนิดๆ ของพอมั้ย?”
“พอค่ะพี่”
“ดีมาก ถ้าใกล้เวลาแล้วก็รีบไปทำนะ อย่าลืมเลือกจานชามให้เข้าชุดกันล่ะ อย่าให้ท่านต้องดุอีกนะ”
“ค่ะ”
คนรับคำนั้นยิ้มให้หัวหน้างาน ทว่าในใจนั้นกลับเกิดอาการห่อเหี่ยวนิดๆ ที่มาสมัครตำแหน่งผู้ช่วยเลขา แต่ดันได้ตำแหน่งบาริสตากับเชฟมาแทน
“หวังว่าคงไม่มีตำแหน่งอะไรงอกมาอีกนะ ท่องไว้ไอ้ช่า หกหมื่นๆๆๆ หยุดเสาร์อาทิตย์ๆๆๆ โบนัสงามๆๆๆๆ ดีกว่าที่เก่าเยอะ (มั้ง)”
ข้อดีของที่เก่าก็คือ ไม่ต้องมาคอยดูแลเรื่องปากท้องให้เจ้านาย ทำงานหน้าเดียว มีเจ้านายคนเดียว แต่นี่ดูเหมือนใครๆ ก็มีสิทธิ์เรียกใช้ไอ้ช่าได้หมด เพราะตำแหน่งเล็กกว่าใคร แถมอายุก็น้อยอีกต่างหาก มีเพียงป้าม่อมคนเดียวกระมังที่ไม่กล้าเรียกใช้ แถมยังต้องมาคอยทำนั่นทำนี่ให้ เพราะความมีน้ำใจอีกต่างหาก
“ของเบรกค่ะ”
สิบโมงครึ่ง ม่อมก็เอาชากับคุกกี้ก็มาวางไว้บนโต๊ะให้ทุกคนแล้ว พิชชาเห็นข้อดีอีกข้อ นั่นคือที่ไม่ต้องจัดของว่างให้เจ้านาย เห็นนาถรดีบอกว่าเขาไม่ชอบกินอะไรจุกจิก ชอบกินเป็นมื้อหนักๆ ไปเลย แต่ก็มีบ้างที่จะเรียกหาของว่าง
“นี่ขนาดไม่จุกจิกนะพ่อคุ๊ณ ยังเล่นซะชั้นนังช่าหัวหมุนจนจะเป็นลม ถ้าจุกจิกขึ้นมานี่นังช่าน่าจะตาย”
คนคิดอะไรขำๆ ในใจแล้วก็ส่งคุกกี้เข้าปาก สลับกับยกชาขึ้นจิบ แล้วทำงานต่อไปเรื่อยๆ
“ช่า”
“ว้าย!!! ตกใจหมดเลยค่ะพี่นาถ”
ทำงานเพลินๆ ก็ดันถูกเรียก ถึงเสียงจะไม่ดังแต่ด้วยความที่บรรยากาศรอบกายเงียบ เลยตกใจจนต้องออกมา เล่นเอาทุกคนต่างหันมามองแล้วขำกันแทบทั้งชั้น ไม่พ้นแม้แต่เจ้านายที่เดินออกมาเข้าห้องน้ำพอดิบพอดี แต่ไม่ว่าอะไรนอกจากเดินส่ายหน้าน้อยๆ
“ตกลงบ้าจี้ใช่มั้ยนี่เรา?”
“เปล่าคะ แต่ตกใจเสียงพี่นาถค่ะ มีอะไรคะ?”
“สิบเอ็ดโมงแล้วนะ จะทำมื้อเที่ยงก็รีบไป อย่าลืมว่ามีแขกเพิ่มมาหนึ่งนะ”