บทที่3.ความลับ

1572 คำ
“เชื่อผมที่รัก ผมจะพาพิชไปพบดินแดนมหัศจรรย์ อย่ากลัวไปเลย มันจะผ่านไปด้วยดี...” จาคอบกัดฟันกรอดๆ ภายในร่างกายอ่อนนุ่มรัดรึงแก่นกายของเขาจนแน่นหนึบ ชายหนุ่มค่อยๆ ทิ้งสะโพกแกร่ง กดตัวตนใหญ่อลังการแทรกผ่านเยื่อใยบางเบาไปช้าๆ พิชชาวีร์เกร็งตัวแน่น ความเจ็บร้าวพุ่งซัดจนเธอแทบขาดใจ แต่...ความรู้สึกอย่างใหม่ที่เกิดขึ้นหลังความเจ็บปวดค่อยๆ คลี่คลายไปนั่นคืออะไรกันนะ? มันทำให้เธอร้อน ร้อนเหมือนมีไฟลุกขึ้นท่วมตัว อยากจะให้เขาถอยหลังกลับไป พอๆ กับอยากให้เขาขยับเข้ามาแนบชิดและเติมเต็มมากกว่าเดิม สะโพกผายงามงอนเริ่มขยับส่ายไหว เป็นสัญญาณว่าความเจ็บปวดประดามีจางหายไปจากร่างกายของเธอแล้ว จาคอบวางมือกับเนินอกอิ่ม เขาเคล้นคลึงมันเบาๆ ก่อนจะเพิ่มน้ำหนักมือขึ้นตามอารมณ์ที่ลุกโพลง เต้าทรวงอวบใหญ่แทบจะแหลกคามือเพราะเขาขยำขยี้อย่างเมามัน หันเหความสนใจจากความเจ็บปวดที่เจ้าตัวได้รับ ชายหนุ่มตวัดเรียวขาเพรียวโอบรอบสะโพกสอบแกร่ง เขาทิ้งตัวในจังหวะแรงๆ จมหายไปในแอ่งน้ำค้างหวานจนหมดสิ้นในครั้งเดียว พิชชาวีร์หลับตาปี๋ ความซ่านเสียวซัดใส่จนร่างกายสั่นกระตุก ความหวิวไหววูบวาบพุ่งชนจนหูอื้อตาลาย จังหวะรักเนิบช้าตอนเริ่มต้น ปัจจุบันนี้จังหวะนั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เมื่อความร้อนมากมายอัดแน่นในกายรอเวลาแตกกระจัดกระจาย จาคอบเกร็งตัวแน่นเขากำลังจะขาดใจตายใช่ไหม! เมื่อสัดส่วนนุ่มนิ่มโอบรัดแก่นกายจนแน่นหนึบ เสียงครางเสียงหอบหายใจดังก้องกังวาน กลิ่นเหงื่อเค็มๆ ลอยปะปนอยู่ในอากาศ มันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายพิศวาสร้อนเร่า พิชชาวีร์รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะปริแยก มันเกือบแตกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อจาคอบเร่งกำลังดังเครื่องจักรพลังแรงสูง เม็ดเหงื่อไหลย้อยจากลำตัวใหญ่โต หยดลงบนเนินอกอิ่มจนเปียกชุ่ม เธอบิดกายเป็นเกลียวคลื่น ลมหายใจขาดห้วงจวนเจียนจะขาดใจอยู่รอมร่อใครก็ได้ช่วยด้วย! ช่วยทำให้ความรู้สึกรุ่มร้อนนี้จบลงเสียที ก่อนที่เธอจะขาดใจตายไปเสียก่อน เธอครางเสียงแหบแห้งทั้งๆ ที่วอนขอความเมตตาจากเขา แต่ร่างกายเจ้ากรรมกับยกรับความร้อนแรงนั้นแบบเต็มใจ พรึ่บๆ ...กุกๆ กักๆ ... เสียงตอกอัดทรงพลังกับเสียงเตียงเก่าๆ ที่โยกคลอนตามจังหวะขยับโยกของจาคอบ น่าสงสารเตียงไม้เก่าๆ ที่ต้องมารองรับอารมณ์ดิบเถื่อนของหนุ่มพละกำลังล้นเหลือ พิชชาวีร์คว้าจับหัวเตียงไว้ เธอใช้มันเพื่อจะได้ตั้งรับชายหนุ่มแบบร้อนแรงพอๆ กัน จาคอบโหมแรงสุดฤทธิ์ความเป็นความตายกำลังรออยู่เบื้องหน้า เมื่อประตูสวรรค์เปิดแย้มๆ เขาก็ชักพาพิชชาวีร์กระโจนขึ้นไปบนนั้นแบบไม่รีรอ “อ้ายยย...” “อ๊าค!!! ...” เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นประสานกัน เพราะความร้อนรุ่มที่หมุนวนอยู่ในอากาศแตกกระจัดกระจายกลายเป็นหยดน้ำสีขุ่นข้น ชายหนุ่มทิ้งตัวลงแนบแผ่นอกอวบอัด เขาตัวสั่นกระตุกลมหายใจหอบกระเส่า จาคอบอึ้ง! เขาพุ่งทะยานไปสู่สวรรค์แบบที่รุนแรงจนไม่อาจควบคุมตัว ลืมแม้กระทั่งการป้องกันตัว ไม่แม้แต่จะคิดที่จะถอนตัวออกมาก่อนที่จะปล่อยเชื้อพันธุ์ชีวิต น่ากลัว! เขากลัวความรู้สึกนี้ และเริ่มที่จะกลัวผู้หญิงแสนสวยที่กำลังนอนหายใจระทดระทวยอยู่ใต้ร่างกายเขา เธอกำลังทำให้ความอดทนที่ถูกฝึกมาอย่างหนักขาดหายไป...ทำอย่างไรดี เขาแค่คิด เท่านั้นแหละ!!! คิดที่จะถอยห่างความน่าสะพรึงที่เกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงก็คือ...สิ่งที่จาคอบทำตรงข้ามกับความคิด สะโพกสอบเริ่มขยับตัวช้าๆ หลังพักจนคลายความเหน็ดเหนื่อย “มะ ไม่ไหวแล้ว จาคอบ พิชไม่ไหวแล้ว” พิชชาวีร์ครางเสียงกระเส่า เธอเกือบจะขาดใจตายเมื่อสักครู่ใหญ่ แต่มันก็ผ่านมาได้ด้วยดี แต่...ไอ้ความรู้สึกนั้นกำลังจะกลับคืนมาอีกครั้ง และเธอยังไม่พร้อมที่จะรับไว้อีกครั้งหนึ่งใช่ไหม? ... จาคอบยิ้มหวานเยิ้ม ลมหายใจร้อนระอุเป่ารดเหนือเนินอกอิ่ม เอวสอบขยับดั่งจักรผัน เขาไม่สามารถหยุดการกระทำของตัวเองได้ อยากจะแช่ตัวตนใหญ่อลังการในสัดส่วนยวนตาตลอดเวลา ไม่เคยแม้แต่จะคิดถอดถอนมันออกมาเลยสักครั้ง “พิชอยู่เฉยๆ จ้ะ ที่เหลือผมทำเอง แค่พิชไม่ปฏิเสธผมก็พอ” ชายหนุ่มกระซิบเสียงหวานฉ่ำ เขาอ้าปากงับจะงอยถันสีหวานเข้าไปเต็มอุ้งปาก ดูดดึงจนพิชชาวีร์สั่นระรัว เธอยอมรับอย่างไม่อาย เมื่อความรุ่มร้อนสาดใส่เธอชื่นชมกับมัน ไม่! เธอกลายเป็นสาวไฟแรงสูงตั้งแต่เมื่อไรกัน ... ความสับสนที่เกิดขึ้นในใจของเธอก็ไม่สามารถทำให้เอวอ่อนหยุดส่ายสะบัดได้เลยเช่นกัน เธอแอ่นหยัดลำตัวขึ้นรองรับการจู่โจม รับความซ่านเสียวแบบเต็มใจ แต่ภายในใจกำลังขัดแย้งกันอย่างหนัก วิมานรักที่จาคอบสร้างขึ้นโอบล้อมพิชชาวีร์เอาไว้ เธอไม่สามารถดิ้นออกจากกรงรักนี้ได้เลยสักครั้ง เมื่อชายหนุ่มสวมวิญญาณเป็นนักรักชั้นยอด เขาดื่มชิมความหวานฉ่ำซ่านทรวงแบบตะกรุมตะกราม ไม่คิดจะหยุดพักสักเสี้ยวนาที วนเวียนปรนเปรอเรือนกายอวบอุ่น จนเธอสลบพับคาอกกว้างเมื่อร่างกายอ่อนแรงจนเกินกว่าจะรับไว้ได้อีก พร้อมๆ กับแสงพระอาทิตย์ที่โผล่ทาบแผ่นฟ้า แสงสุรีย์ฉายแต่เธอพึ่งจะได้เข้าสู่ห้วงนิทราเพราะหมดสิ้นเรี่ยวแรง... บทที่3.ความลับ พิชชาวีร์สะดุ้งตื่นเมื่อความร้อนแรงของพระอาทิตย์สาดส่องเข้ามากระทบแผ่นหลังเปลือยเปล่า เธอขยับตัวช้าๆ ความปวดร้าวเกิดขึ้นทุกตารางนิ้วของเรือนกาย “อู้ย! เจ็บทั้งตัวเลย เมื่อคืนเราไปทำอะไรมากันเนี้ย” เธอบ่นพึมพำ ค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นนั่ง รู้สึกเคล็ดขัดยอกไปทั้งตัว เหมือนกับว่ากระดูกกระเดี้ยวในตัวจะหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ “ว้ายย! ...” พิชชาวีร์ตะครุบผ้าห่มคลุมตัวด้วยความตกใจ เมื่อลุกขึ้นนั่งได้ก็เย็นวาบไปตลอดทั้งร่างกาย ผิวกายเห่อร้อนหน้าหวานร้อนซู่ “พิชอยู่ที่ไหน? พิชมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน!” เธอหมุนซ้ายหมุนขวา มองหาสิ่งคุ้นตา แต่ท่าว่า...ไม่มีอะไรบ่งชัดสักนิดว่าเธอรู้จักสถานที่แห่งนี้ พิชชาวีร์ผุดลุกขึ้นยืนด้วยความทุลักทุเล เธอกระย่องกระแย่งมองหาเสื้อผ้าของตัวเอง จนกระทั่งมองเห็นจึงรีบคว้าขึ้นมาจากพื้น รีบสวมใส่บนร่างกายตัวเองแบบลุกลน เกิดอะไรขึ้น! เกิดอะรขึ้นเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ความทรงจำของพิชชาวีร์รางเลือน มันไม่ปะติดปะต่อ ขาดๆ หายๆ มีแค่ดวงตาสีฟ้าแจ่มจรัสในห้วงความคิด กับสัมผัสร้อนๆ ที่ยังคงฝังอยู่ในผิวกาย เธอรู้สึกวูบวาบไปทั้งร่างกายเมื่อนึกถึง ร่างกายเจ้ากรรมยังจำสัมผัสเช่นนั้นได้ไม่มีทางลืม แม้กระทั่งความร้อนของเรียวปากหนาๆ ที่ทาบไล้ไปตามผิวกายเกือบทุกตารางนิ้ว จนบังเกิดร่องรอยไว้ให้เธอมองเห็นในปัจจุบัน ใคร? ใครกันที่ทำแบบนี้กับเธอ และใครกันที่ทำให้เธอรุ่มร้อนได้มากมายขนาดนี้ เพราะเพียงแค่นึกถึงสัมผัสนั่น ร่างกายบ้าๆ ของเธอก็สะท้านวูบ ช่องท้องบิดเป็นเกลียวกระสันเสียวแบบอัตโนมัติ หนี! เธอพยายามปัดความรู้สึกบ้าๆ ที่เกิดขึ้นออกไปจากใจ และรีบหนีไปให้ไกลจากสถานที่แห่งนี้ ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะกลับมา เธอคงไม่มีหน้าไปพบเจอผู้คน หากถูกใครก็ไม่รู้ข่มขู่เรื่องทุเรศๆ ที่เกิดขึ้น พิชชาวีร์หอบหิ้วตัวเองออกจากห้องนอนโทรมๆ เธอค่อยๆ เปิดประตูห้องเยี่ยมหน้าออกไปมองโถงทางเดิน เมื่อไร้ผู้คนก็รีบเผ่นแผ่วออกมาโดยเร็ว ฝีเท้าวิ่งซอยถี่ๆ ถึงจะเคล็ดขัดยอกไปทั้งตัวก็ต้องฝืนทน ยิ่งขยับขาก้าวเดินส่วนลี้ลับก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาเหมือนจะฟ้องว่าเมื่อเวลาค่ำคืนที่ผ่านมาเธอใช้งานมันอย่างหนัก จนป่านนี้ยังไม่กลับเข้าสู่สภาพเดิม น้ำเหนียวๆ ไหลเยิ้มออกมาจากซอกหลืบลี้ลับ จนพิชชาวีร์หน้าซีดสลด เธอถูกข่มขืนใช่ไหม? เมื่อสภาพร่างกายเป็นประจักษ์พยานได้เป็นอย่างดี มือสั่นกุมพวงมาลัยรถยนต์แน่น เธอรีบสตาร์ทรถยนต์คู่ชีพ กระทืบคันเร่งเหยียบจนจมมิด พารถยนต์วิ่งฉิวออกไปจากที่ ดวงตากลมโตเอ่อนองไปด้วยหยาดน้ำตา แต่จะโทษใครล่ะ! เมื่อเธอทำตัวเอง ถ้าไม่ประชดภรพโดยการมาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่อันตราย ก็คงไม่เกิดเรื่องบ้าๆ บอๆ นี้ขึ้น เธอก็ต้องก้มหน้ารับกรรมที่ตัวเองเป็นคนก่อ ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เมื่อไม่มีทางย้อนกลับไปยังช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้อีกแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม