บทที่๒

1363 คำ
บทที่๒ เสียงตะหลิวกระทบกระทะ แล้วเคาะโป๊กๆ ลงไปเมื่อเม็ดข้าวพร้อมเครื่องปรุงติดตะหลิว ก่อนผัดจนแห้งได้ที่ ตักใส่โถใหญ่ไปวางไว้บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยภาชนะใส่อาหารที่ตระเตรียมไว้สำหรับไปถวายเพลพระ และอาหารเช้าสำหรับสมาชิกในบ้าน คนบ้านนี้ให้ความสำคัญเรื่องอาหารเช้าก็จริง แต่ไม่ค่อยได้ร่วมโต๊ะกันเท่าไหร่ ญาดาจะมีหน้าที่ทำอาหารวางไว้บนโต๊ะ สมาชิกคนไหนอยากกินตรงไหนมุมใดก็มาจัดการเอง สุขุมหรือพ่อครูชอบไปนั่งละเลียดกาแฟในสวน พร้อมกับโปรยอาหารให้เป็ดไก่ บางครั้งบางคราวญาดาก็ตามไปนั่งด้วย รู้สึกเพลิดเพลินดี ส่วนญาณิศาลูกสาวคนเล็กชอบเอาไปกินในห้องนอน หรือเอาใส่กล่องไปกินบนรถหากมีงานแต่เช้า ญาณิศาเป็นนางแบบและดาราตัวประกอบแม้ไม่โด่งดังมากแต่ก็มีงานไม่ขาดมือ มีเงินใช้จ่ายเรียกว่าเลี้ยงตัวเองได้ ตีรณาเหมือนจะเป็นคนเดียวที่ไม่ค่อยชอบกินอาหารเช้า จนเมื่อสัภยามาค้างที่บ้านบ่อยๆ ชายหนุ่มทำเหมือนบังคับกลายๆ ให้ตีรณากินอาหารเช้าพร้อมตน บางครั้งหากมีธุระต้องออกไปทำแต่เช้า สองคนก็จะใส่กล่องไปกินบนรถเหมือนญาณิศา ตีรณาทำงานเป็นช่างภาพอิสระ มีงานเข้ามาเป็นระยะเพราะมีฝีมือเป็นที่ประจักษ์ ถือเป็นความภูมิใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ลูกร่ำเรียนตามที่ชอบและประสบความสำเร็จในอาชีพตรงตามที่เรียนมา เมื่อนึกถึงการเรียนและการประกอบอาชีพที่ถูกใจ สัภยานับเป็นเด็กหนุ่มที่น่าเห็นใจ เขายอมเรียนตามใจผู้ปกครองแต่ไม่ยอมทำงานที่ฝืนความรู้สึก จึงมาติดสอยห้อยตามตีรณาเพื่อสั่งสมประสบการณ์ มาฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ของญาดาและสามีเพื่อทำตามฝัน ญาดามองออกว่าสัภยามีความสุขที่ได้ขีดเขียนและระบัดระบายสีให้เป็นรูปเป็นร่าง “โอ๊ย!” เสียงร้องแสดงความเจ็บปวดดังแว่วมาจากเรือนศิลปะ แต่แทนที่จะเป็นเสียงสัภยาซึ่งอาศัยนอนที่นั่น กลับเป็นเสียงแหลมเล็กแบบผู้หญิงและคล้ายกับเสียงตีรณา ทำให้ญาดาอดสาวเท้าไปดูไม่ได้ “เฮ้ย!” สัภยารีบลุกขึ้นนั่งมึนงง เมื่อเขาลืมตาขึ้น เขาสบเข้ากับดวงตาดำขลับในกรอบเงาดำที่อยู่ชิดใบหน้ามากจนน่าสะพรึงกลัว เขาจึงชกออกไปตามสัญชาตญาณ “โอ๊ย!” เสียงร้องโอยดังขึ้นหลังกำปั้นเขาสัมผัสเพียงไม่นาน ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นนั่งมองที่ปลายเท้าซึ่งหนักอึ้งทันที “ไอ้บ้าชกทำไม” ตีรณาใช้มือปิดตาข้างซ้าย พร้อมกับก่นด่า เธอนั่งอยู่บนขาเขา มิน่าเขาถึงรู้สึกหนัก “อ้าว! ป้าเองหรอ นึกว่าผี” สัภยาพูดแล้วหัวเราะ พร้อมส่งมือไปให้ตีรณาจับแล้วดึงให้นั่งตรง ก่อนเธอจะลุกออกไปยืนข้างแคร่ แล้วด่าเขากลับ “ผีบ้านแกสิมาตอนเช้า” “เช้าแล้วหรอ” สัภยาแปลกใจ เขามีความรู้สึกว่าเพิ่งล้มตัวลงนอนแล้วได้ยินเสียงลากอะไรสักอย่างจนรำคาญ ลืมตามาก็เจอดวงตาจ้องระยะประชิด ตีรณาจึงรับกรรมไป ชายหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อตีรณายืนยันว่าเช้าแล้ว ข้างนอกสว่างจนมองเห็นได้ชัดเจนจริงดังว่า “เช้านี้แกเป็นอะไร ไม่ตื่นไปช่วยแม่ทำกับข้าว ฉันเลยมาดู นึกว่าไม่สบายลุกไม่ไหว ที่ไหนได้ หมัดหนักชะมัด” ตอนท้ายเธอทำเสียงกระเง้ากระงอด หน้าง้ำ หากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงดูน่ารักดี แต่สำหรับผู้หญิงแกร่ง เก่งไม่แพ้ผู้ชายเช่นเธอ สัภยากลับเห็นเป็นเรื่องตลก คำตอบของเขาจึงกลั้วหัวเราะ “ผมเนี่ยนะจะไม่สบาย ผมว่าป้าจะเข้ามาลักหลับผมมากกว่ามั้ง แต่บังเอิญผมรู้ตัวเสียก่อน ใช่ไหม โอ๊ย!” สัภยาที่กำลังเย้าถูกตีรณาตบหัวดังป้าบ พร้อมก่นด่าอีกกระบุง “ไอ้บ้า ไอ้ลามก คิดแต่เรื่องลามก หน้าตาอย่างแกใครจะเอาไปทำ...” “เอะอะอะไรแต่เช้า ตี แล้วคำหยาบคายนะ แม่บอกกี่ครั้งแล้วให้เพลาๆ ลงบ้าง เราเป็นผู้หญิงนะลูก พูดจาแบบนี้มันจะเสียราคา” “ใช่ๆ ป้าปากร้ายแบบนี้ราคาตก แถมหาสามีไม่ได้เสียที” สัภยารีบเออออไปด้วยทันที และเป็นไปตามที่เขาคาด คนเหมือนถูกรุมหันขวับมามองหน้าตาเขียวปัด ก่อนสะบัดหน้าหนีแล้วเดินผ่านหน้าญาดาที่ยืนอยู่ตรงประตูออกไปโดยไม่พูดอะไร สัภยารีบลุกจากเตียง บอกญาดาอย่างรู้สึกเกรงใจ “ขอโทษนะครับแม่ครู วันนี้ผมตื่นสายเลยไม่ได้ไปช่วยทำกับข้าว” “ไม่เป็นไรหรอก พญาเป็นลูกมือครูทุกวัน บ่อยกว่าลูกสาวครูอีก เพิ่งตื่นละสิตามสบายนะ” ญาดารีบออกตัวแล้วเดินกลับ เพราะคิดว่าชายหนุ่มคงต้องจัดการกับสภาพตนเองก่อน สัภยารู้ว่าสภาพตนเองคงดูไม่จืดนัก แม่ครูถึงต้องรีบขอตัว ผมยาวฟูที่ไม่ได้รวบและยุ่งจากการเพิ่งลุกจากที่นอนหมาดๆ เสื้อกล้ามเก่าๆ เนื้อผ้าแสนนุ่มและกางเกงขาก๊วย สัภยาหันไปพับผ้าห่มที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน เก็บฟูกบางๆ เข้าในกระเป๋าพลาสติก เขาต้องเปลี่ยนห้องนอนในตอนกลางคืนให้เป็นเรือนศิลปะที่พร้อมสำหรับใช้งาน แต่ขณะพับผ้าอยู่นั้นเขาก็ถูกกระแทกเข้าด้านหลังจนตัวคะมำไปนอนบนแคร่ไม้ไผ่ แรงกระแทกส่งมาที่กลางหลังอีกครั้งจนจุก “โอ๊ย! ป้าจะฆ่าผมหรือยังไง” แม้ไม่หันไปมองเขาก็รู้ว่าตีรณาเป็นคนทำ “ใช่! กูจะฆ่ามึง” เสียงที่ตอบกลับมาเป็นเสียงตีรณาก็จริง แต่มันจริงจังจนไม่อาจคิดว่าเธอพูดเล่น สัภยารีบยันตัวจะลุกขึ้นแต่แผ่นหลังหนักอึ้ง “ป้าขยับสิ ผมจะลุก” สุดท้ายเมื่อไม่สามารถขยับตัวเพื่อลุกขึ้นได้ เขาก็ต้องเว้าวอน ตีรณาไม่ได้ลุก ไม่ได้ขยับหรือทำอะไรให้แรงที่กดอยู่ผ่อนลงเลย เธอกลับสอดนิ้วผ่านเส้นผมหยิกฟูลูบไปตามหลังคอเขาจนรู้สึกขนกายลุกชัน “โอ้ว ป้าหื่นแต่เช้าเลย ไม่เอา ผมไม่ชอบมีเซ็กซ์กับวัตถุโบราณ ไม่ต้องมาเล้าโลมผม เอามือออกไป แล้วขยับไปได้แล้ว ผมจะลุกขึ้น อี๋ ป้า ขนลุก อย่าเล่นแบบนี้ อึ๋ย” สัภยาเริ่มรู้สึกปั่นป่วนมวนท้องไปกับปลายนิ้วที่ลากผ่านต้นคอมาที่ใบหูแล้วกำลังไต่ลงไปที่แผ่นหลัง “ป้า ถ้าไม่หยุด ผม ผม จะลงมือเองแล้วนะ ลูกชายผมมันตื่นแล้วนะป้า โอ๊ย!” สัภยากระอัก พูดไม่ออกเพราะแรงที่ทุบลงมาบนหลัง ก่อนที่แรงกดทั้งหมดจะผ่อนลง นิ้วร้อนที่สร้างความวาบหวามให้หายไปจากผิวกาย เสียงหัวเราะอย่างสะใจดังตามมา “ไหนบอกไม่อยากมีเซ็กซ์กับวัตถุโบราณอย่างฉันไง แล้วลูกชายแกจะตื่นทำไม” “อ้าว! ก็ป้าเล่นเล้าโลมกันขนาดนี้ ใครจะทนไหว ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ” สัภยาลุกขึ้นมายืนประชันหน้า แล้วทำหน้าง้ำ เขาไม่คิดเลยว่าจะมีผู้หญิงที่ไหนกล้าล้อเล่นกับอารมณ์ผู้ชายขนาดนี้ หากไม่ใช่เขา ป่านนี้เธออาจถูกสำเร็จโทษไปแล้วก็ได้ ตีรณายักไหล่ แบมือทั้งสองข้างอย่างไม่แยแส แล้วเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งยังทิ้งเสียงหัวเราะเชือดเฉือนเอาไว้ ให้คนทางนี้สงสัยหนักขึ้น แม้จะสนิทสนมและเย้าหยอกกันได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องอย่างนี้มันสมควรมาล้อเล่นกันที่ไหน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม