“นั่นอะไร” หัสวีร์ถามธาราอย่างสงสัย
“งานฝีมือน้องสาวนะ” หัสวีร์เดินเข้าไปใกล้ เพื่อมองสิ่งที่เพื่อนบอกว่างานฝีมือ “พวงมาลัยพวงแรกของน้องสาวฉันเอง” หัสวีร์ยิ้มขบขันเขาไม่ได้ขบขันผลงานพวงมาลัยตามคำบอกของเพื่อน แต่เขาขบขันอารมณ์ของเพื่อนที่แค่พวงมาลัยทำยังกับคนที่ได้ครอบครองสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยังไงยังงั้น
“ถ้านายไม่บอกว่านั่นคือพวงมาลัย ฉันคิดว่าคงเป็นก้อนขยุ้มอะไรสักอย่าง”
“น้องสาวฉันแค่เก้าขวบ ทำได้ขนาดนี้ก็วิเศษมากแล้ว ตอนที่ฉันรับมาน้ำตาฉันแทบไหลเลย”
“ซาบซึ้งขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็ส่วนหนึ่ง แต่ปวดใจเพราะนิ้วน้องเต็มไปด้วยพลาสเตอร์ยา แม่เล่าว่าโดนไปหลายครั้งก็ไม่ยอมหยุดทำ บอกว่าจะให้เป็นของขวัญฉันให้ได้” หัสวีร์เลิกคิ้ว เด็กวัยเก้าขวบเท่านั้น ช่างเต็มไปด้วยความพยายาม ความอดทน ความมุ่งมั่น น่าสนใจดีแฮะ
“นี่! หัส เอ่อ อย่าหาว่าฉันก้าวก่ายเลยนะ สองเดือนที่ผ่านมาเนี่ยนายไม่กลับบ้านเลยสินะ...” หัสวีร์พยักหน้าทีหนึ่งและทรุดร่างลงบนเตียงอย่างไม่สนใจเรื่องที่ธารากำลังถาม “เอางี้มั้ย วันศุกร์นี้นายไปเที่ยวบ้านฉันมั้ย” พรึ่บ! จากที่ไม่สนใจอะไร หัสวีร์หันไปมองหน้าเพื่อนทันที
เอ่อ “แต่บ้านฉันเป็นแค่บ้านไม้เก่าๆ สองชั้นที่บ้านมีแค่แม่กับน้องสาว ถ้านายไม่รังเกียจ...”
“ไม่! ฉันไม่รังเกียจ...แต่จะเป็นการรบกวนแม่นายหรือเปล่า”
“แน่นอน ไปกินไปนอนบ้านฉันก็ต้องรบกวนอยู่แล้ว แต่ถ้านายไม่รังเกียจก็ไปเถอะ...” ฮาฮา และเสียงหัวเราะของทั้งสองก็ดังขึ้นมา
ธารายิ้มและย้อนไปตอนที่ได้เจอกับหัสวีร์ในวันแรกที่มาถึง เขาสองคนถูกจับให้เป็นคู่หูกัน และมีบางอย่างในตัวหัสวีร์ที่ธาราสังเกตุ เรื่องเรียนเรื่องฝึกหัสวีร์จะตั้งใจและทำได้ดีมาก แต่จะมีหลายช่วงเวลาที่เขามักจะเห็นว่าหัสวีร์จะนั่งเหม่ออย่างกับเด็กมีปัญหาครอบครัวและยิ่งตลอดเวลาของวันหยุดต่างๆ หัสวีร์ไม่เคยกลับบ้านสักครั้งทำให้เขายิ่งมั่นใจแต่นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่อาจถามไถ่ เขาจึงนำเรื่องนี้ไปเล่าให้แม่ฟังเชิงปรึกษา แม่ก็บอกว่าให้ลองชวนมาเที่ยวบ้านดู
และวันหยุดก็บรรจบมาถึงอีกครั้ง
“สวัสดีครับ” หัสวีร์ยกมือไหว้ทำความเคารพมารดาของธารา
“สวัสดีจ่ะ รีบเข้ามาเร็ว หิวกันแย่แล้ว” ธารายิ้มและพยักหน้าให้หัสวีร์ตามแม่ไป “พอทานได้มั้ยจ๊ะ” หัสวีร์มองกับข้าวพื้นๆ ธรรมดาแต่มันทำให้หัวใจเขาพองโต
“กินได้อยู่แล้วครับ แม้อาหารที่โรงเรียนจะไม่แย่แต่ก็ไม่ถูกปากเท่าอาหารฝีมือแม่”
“นั่งๆ อย่าไปฟังธารา” ทับทิมตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานให้นักเรียนเตรียมทั้งสอง
เอ๋! “แม่ยายน้องละครับ” ธาราเอ่ยถามเมื่อกลับบ้านมาครั้งนี้ไม่ได้ยินเสียงแจ้วๆ ของน้องสาวสุดที่รัก ทับทิมยิ้มและกระซิบบอกให้ธารารู้ถึงสาเหตุ ธาราถึงกับยิ้มกว้างในทันที
“กินกันไปนะ เดี๋ยวแม่จะไปดูน้องหน่อย อ่อ กินเสร็จแล้วก็พาเพื่อนไปดูห้องนอนเลยนะ เดี๋ยวแม่ออกมาเก็บเอง” ธาราขานรับอย่างแข็งขัน
“ดะ...เดี๋ยวนะ แล้วเราจะไม่เก็บจริงๆ เหรอ” หัสวีร์เอ่ยขึ้นเมื่อธาราเอ่ยชวนเขาไปยังห้องนอนหลังจากอิ่มข้าวกันแล้ว
“ถ้านายไม่สบายใจค่อยช่วยแม่วันพรุ่งนี้ก็ได้” หัสวีร์พยักหน้ารับ และเดินตามเพื่อนขึ้นชั้นสอง ว้าว! “แม่จัดห้องให้ใหม่ด้วย” หัสวีร์เลิกคิ้ว “ก่อนนี้ที่ห้องจะเป็นเตียงสองชั้นนะ แต่ช่วงนี้วัยอย่างพวกเราร่างกายค่อนข้างเปลี่ยนแปลง เอาละหัสนายจะนอนฟากไหน”
หัสวีร์มองห้องนอนขนาดสี่คูณสี่ที่ผนังสองข้างมีฟูกที่นอนขนาดสามฟุตครึ่งพร้อมปูผ้าปูที่นอนพร้อมนอนสีน้ำตาลเข้มไว้อย่างสวยงาม “แล้วปกตินายนอนฝั่งไหน”
ธาราหาวพร้อมกับชี้มือไปอีกด้าน มันไม่ใช่ด้านที่มีฟูกนอนตอนนี้ “ห้องของนายถูกตกแต่งใหม่เพราะการมาของฉันอย่างงั้นเหรอ”
“นายเริ่มเกรงใจแล้วใช่มั้ยละ เพราะงั้นช่วยตอบแทนโดยการอยู่ให้มีความสุขและยิ้มให้กับน้องสาวฉันเท่านั้น ห้ามทำหน้าคิ้วขมวดเหมือนคนแบกโลกทั้งโลกไว้อยู่คนเดียว น้องสาวฉันเป็นเด็กอ่อนไหวง่ายขี้ตกใจและกลัวคนแปลกหน้า”
เฮ้ย! “นี่นายทำทั้งหมดเพื่อน้องสาว”
“พูดถูกแค่ครึ่งเดียว” ธาราพูดจบก็ผละขอตัวไปอาบน้ำ ทิ้งให้หัสวีร์ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดนั้น แต่ให้คิดยังไงก็คิดไม่ออก เขาจึงเปลี่ยนมาสนใจห้องนอนที่แสนจะธรรมดาอีกครั้ง และอดไม่ได้ที่จะต้องยิ้มออกมา ยิ้มและก็ยิ้มสองเดือนที่ผ่านมาจำนวนรอยยิ้มของเขามากกว่าสิบห้าปีที่ผ่านมาเสียอีก
?????? ??????