Davin & His friends

877 คำ
จากนั้นก็ได้เจอเขากับกลุ่มเพื่อนมากินข้าวที่ร้านประจำเป็นปีๆ จนรู้ชื่อแซ่ กลุ่มที่มาบ่อยๆ มีหกคน หมอมิกซ์ หมอตี๋ หมอนนท์ หมอฟากฟ้า หมอคิม แล้วก็คนสุดท้าย หมอดวิน ที่เพื่อนชอบเรียกวินเฉยๆ ได้รู้อีกว่าเขาเรียนเก่งมาก เป็นติวเตอร์ของเพื่อนๆ เสมอ ครั้งก่อนที่ต้องจ่ายค่าอาหารให้เพราะพนันกันว่าคนที่ได้คะแนนสอบกลางภาคทั้งภาคแล็บและภาคทฤษฎีรวมกันเยอะที่สุดต้องเลี้ยงเพื่อนที่เหลือ ฉันก็คิดว่าในเมื่อเขาเรียนเก่งที่สุด เพื่อนๆ ก็รู้ทำไมถึงต้องพนันทั้งที่รู้ ตอนนั้นสีหน้าท่อนบนของฉันคงออกมากเลยมีคนตอบแบบเอ็นดูปนขำ “แกล้งเพราะหมั่นไส้แหละน้องกุ๊ก” หมอมิกซ์ตอบ เขาเป็นคนที่จะเงียบก็เงียบเลยแต่พอจะฮาก็ตบมุกให้โบ๊ะบ๊ะ “ประมาณนั้น แต่ปกติเราก็หารกันออกไม่ก็จ่ายใครจ่ายมัน ไม่เอาเปรียบมันหรอก” หมอนนท์ขำเบาๆ แล้วยีผมฉันอย่างเอ็นดู เขาเป็นคนเฮฮาเข้ากันกับหมอตี๋ที่จะมีรีแอคชั่นเว่อร์ๆ ตลกๆ เป็นสีสัน ฉันพยักหน้า วันนั้นที่โรงเรียนฉันมีเข้าคาบคหกรรม ทำคุกกี้เนยสด ฉันเลยแบ่งมาให้ลูกค้าประจำที่รู้จักกันลองชิมดู “หืมม อร่อยเลยน้องกุ๊ก” “ม.ห้า ทำอร่อยขนาดนี้เลย?” หมอฟากฟ้าพูดขึ้นทึ่งๆ ฉันเลยรีบแก้ตัวแบบคนไม่มั่นใจในตัวเอง “อาจารย์มีสูตรให้น่ะค่ะ ใครทำตามก็อร่อย” หมอคิมกระดิกนิ้วชี้ไปมาเป็นเชิงว่าฉันผิด “วันก่อนกุ๊กก็ทำกับข้าวช่วยพ่อ พวกพี่ไม่รู้สึกเลยว่าเปลี่ยนไป” “จริง รสมือน่ะไม่ใช่ว่าใครก็มีหรอกนะ” หมอมิกซ์พยักหน้ารับ ฉันเม้มปากอยู่ภายใต้แมสก์ปิดปาก “ขะ ขอบคุณค่ะ ถะ ถ้าชอบ คราวหน้ากุ๊กทำมาแบ่งอีกนะ” สี่ห้ามือยีผมฉันเบาๆ “ดีมาก คราวหน้าพี่ขอเยอะกว่าไอ้ตี๋” “พ่อง น้องกุ๊กเด็กดีอย่าไปฟังมัน” หมอตี๋โต้ ฉันหัวเราะจนน้ำตาเล็ด ดีจัง ฉันอยากมีพี่ชายตอนนี้เหมือนมีตั้ง..ห้าคน อีกคนที่ยังนิ่งๆ หยิบขนมขึ้นชิม เงยหน้ายิ้มให้ฉันบางๆ “อร่อยจริงด้วย” “เหี้ย ไอ้วินบอกว่าอร่อย” หมอนนท์พูดอึ้งๆ “อย่าเว่อร์ ของอร่อยก็บอกอร่อย” คนใส่แว่นพูดเรียบๆ ฉันยิ้มเต็มแก้มใต้ผ้าปิดปาก “กุ๊กรู้ไหมไอ้วินกินพวกเบเกอร์รี่ยากมาก พ่อมันก็ไม่ได้เป็นปาร์ติซิเย่ร์ไม่รู้ทำไมมันกินยากกินเย็น” หมอตี๋พูดทำหน้าเหมือนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ “กินพวกนี้มากไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ หากินอร่อยก็ยิ่งยากเลยไม่กินแค่นั้น” เจ้าตัวอธิบายหลังจากถูกสาดสีจากเพื่อน “น้องก็ทำอร่อยจริง ไม่รู้ทำไมถึงได้ชอบรสประมาณนี้” หมอดวินพูดยิ้มๆ “แล้ว.. ปกติหมอมีร้านประจำไหมคะ” “เคยมี แต่ไม่ค่อยได้ไป อยู่ที่สาขาย่อยต่างจังหวัด” “สาขาย่อย?” แล้วก็ได้รู้ว่า เขาเป็นทายาทของเจ้าของโรงพยาบาลธนิเวทย์ ที่บ้านฉันเปิดร้านอาหารอยู่ใกล้ๆ อึ้งไปพักหนึ่งเลย พอเห็นฉันเริ่มเกร็งเลยพูดขึ้น “ทำตัวเหมือนเดิมเถอะ เป็นคนเหมือนกัน” “ค่ะ หมอค่ะ คือถ้าชอบที่หนูทำ ไว้หนูทำแบบอื่นให้บ้างหมอจะกินกันไหม หลายๆ เมนูเลย” ถามตาแป๋ว มุมปากหยักจุดยิ้มขำบางๆ “กินสิ ใครก็ชอบของอร่อย” “เดี๋ยวๆ มีของพวกพี่ไหม” คนอื่นๆ พูดขึ้น ฉันยิ้มตาปิด ซึ่งพวกเขาคงจะเห็นแค่ตาหยีๆ เท่านั้นแหละ “มีให้ทุกคนเลยค่ะ” จากนั้นฉันก็เริ่มทำขนมโดยพลิกแพลงมาใช้วัตถุดิบที่เพื่อสุขภาพมากขึ้น นึกถึงคนที่กินให้มากๆ ต้องสะอาดแล้วก็มีประโยชน์ และแน่นอนว่าอร่อย ฉันเลยขอแม่กับพ่อทำครัวทำขนมเล็กๆ ต่อออกจากหลังร้านเป็นหลังคาปิด หมอๆ ไปขึ้นชั้นคลินิกกัน (ปี4-6) แยกไปหลายโรงพยาบาล แต่ที่ยังอยู่ที่โรงพยาบาลนี้นี้มีหมอตี๋ กับหมอดวิน เพราะเป็นนิสิตทุนของม. ฉันก็ปรับปรุงสูตรขนมไปด้วย ส่งให้พวกเขาชิมบ้าง เป็นกำลังใจห่างๆ แล้วก็จะได้ฟีตแบคกลับมาว่าเนื้อร่วนไปไหมหรือครีมถ้าเป็นกลิ่นของอันนี้ดีไหม กลายเป็นว่าฉันรู้สึกสนุกมากๆ ในการทำขนมตลอดจนจะจบมัธยมปลาย ตกลงกับพ่อกับแม่ว่าจะเรียนเรื่องทำอาหารทำขนมไปเลย ท่านก็เห็นด้วย เราก็หาคณะหรือมหาวิทยาลัยที่สนใจแล้วยื่นคะแนนไป ช่วงที่จบม.หก และเป็นช่วงที่เค้กชนิดหนึ่งได้เสร็จสมบูรณ์ เป็นเนื้อเค้กช็อคโกแลตฟัดจ์คล้ายบราวนี่ที่ตรงกลางเป็นครีมแอลมอนด์ หน้าเค้กมีครีมอีกชั้น แล้วค่อยโรยด้วยถั่วที่มีประโยชน์ หมอๆ ทั้งหกคนชอบมาก โดยเฉพาะคนที่กินยากที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม