“ใกล้ออฟฟิศ และน่าจะใกล้ที่พักของคุณพายด้วยหรือเปล่า? ผมไม่แน่ใจ ผมว่าสะดวกกว่าเส้นอื่น รถมันออกจะติดนะครับ” เขาให้เหตุผลที่พาเธอมาร้านนี้ พลางสาวเท้าก้าวให้ช้าลงเท่ากันกับคนตัวเล็กกว่า
ร่างสูงเดินนำไปยังโต๊ะที่จองไว้ นั่งทับที่เดิมของใครบางคนอย่างจงใจ พอถึงเวลาที่บริกรหนุ่มมารับรายการอาหาร เขายังสั่งอาหารเมนูที่เธอจะมาสั่งมันเป็นประจำ
“ต้มยำ... ผัดผัก ยำ...”
บริกรหนุ่มยิ้มรับรายการอาหารจากลูกค้าที่ยังบอกด้วยว่า ‘เผ็ดน้อย’ และไม่เอาหัวหอม ส่วนสำหรับตัวเขาเป็นน้ำผลไม้ เพราะว่าขับรถมาเองเขาก็จะไม่แตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นมองชายตรงหน้าด้วยความคิดหลายอย่าง อันที่จริงเธอเอะใจมาได้สักพักแล้วว่าคำพูดจาของเขาแปลกๆ
“คุณเมฆคะ ถ้าฉันจะถามตรง ๆ...”
“คุณคิดว่าผมเป็นใคร? ผมจะเดินเข้าไปหาคุณเฉย ๆ ทำไม ผมไปจ้างบริษัทอื่นที่เปิดมาเป็นสิบยี่สิบปี เก๋ากว่าบริษัทคุณก็ได้” ตาคมลืมพรึบจากเมนูอาหาร วางมันไว้บนโต๊ะ รวบมือไว้บนหน้าตักด้วยกิริยาเชิดหยิ่งทุกกระเบียดนิ้ว
“ตามผมมาครับ...”
ร่างสูงลุกจากเก้าอี้ไปดื้อ ๆ อย่างจงใจบอกให้รู้ว่าถ้อยคำของเขาเป็นคำสั่ง!
ขณิกาค่อนข้างแปลกใจกับนิสัยเอาแต่ใจ รู้เรื่องของเธอทุกอย่าง แต่กลับคาดเดาอะไรไม่ได้สักอย่างของ ‘คุณเมฆ’ ยังมีความจริงที่แทงใจดำอยู่ไม่น้อยว่าบริษัทเธอมันเป็นแค่บริษัทเล็ก ๆ เปิดมาแค่สองปีกว่า เป็นเหตุผลให้เธอยอมขึ้นรถมากับเขา
จนถึงตอนนี้เธอแค่เดินตามไปถึงในอีกมุมหนึ่งของร้าน ผ่านผู้คนประปรายในร้านซึ่งเคยโต๊ะแน่นขนัดทุกค่ำคืน
ดวงตาสว่างใสปรายมองตามปลายนิ้วชี้ของคนที่หยุดปลายเท้าลงหน้าตุ๊กตาปั้นตัวหนึ่ง
“รู้ไหมนี่ตัวอะไร?”
วงหน้าหวานผงะมอง ก่อนจะหันไปตอบ “เอ่อ.. สไปเดอร์แมนไงคะ”
“เวลาที่คุณไม่สบายใจลองนึกดู ผมใส่ชุดนี้ อุลตร้าแมน ถือไวน์ด้วยน่ะ เพราะผมมาคุยเรื่องโฆษณาไวน์ แล้วนี่.. กัปตันอเมริกา”
“ฮะ...?” ในสีหน้าตะลึงงัน มันจะไม่ตลกเลยถ้าเขาไม่ทำหน้านิ่งให้เธอต้องนึกภาพตาม บรรดาฮีโร่ในตำนานเขาก็ยังพูดสลับกันมั่วไปหมด
ขณิกายกมือขึ้นป้องปากหัวเราะเบา ๆ อย่างรักษากิริยา และได้ยินแค่เสียงเนือย ๆ
“ผมพูดจริง ไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะครับ”
“ไม่ตลกก็ไม่ตลกค่ะ”
แต่เขาก็ทำให้เธอหัวเราะได้ตั้งหลายครั้งอย่างตั้งใจ! เพราะหน้าตาเซ็งโลกยังเหมือนจะโกรธใครอยู่ตลอดเวลา
“พร้อมจะคุยงานหรือยังครับ?”
หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก “ค่ะ ยินดีให้บริการค่ะ” แล้วหลุบตามองตามท่อนแขนเป็นล่ำสันที่ยกขึ้นผายผึ่งในระดับเอว
“เชิญครับ”
การควงคล้องแขนบุรุษสำหรับขณิกาที่สำเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษแล้วไม่ใช่วัฒนธรรมแปลกใหม่ เธอจึงไม่ลังเลใจที่จะวางมือลงบนแขนเสื้อเชิ้ตสีดำขณะที่ร่างสูงก้าวไปช้า ๆ ความสูงที่แตกต่างแม้เธอจะใส่ส้นสูงสองนิ้วครึ่งทำให้เขาต้องก้มหน้าลงบอก
“ผมกำลังขยายฟาร์ม ฟาร์มองุ่นเพิ่งเปิดใหม่ของผมต้องการธีมสว่างสดใส ผู้หญิงสวย ๆ ชวนแฟนมาดื่มไวน์ หรืออาจจะเป็นงานแต่งงาน... อะไรประมาณนั้น”
“นางแบบ ลุคประมาณไหนคะ?”
“แบบคุณพาย” คำพูดจริงจังสร้างความแปลกใจให้หญิงสาว มือหนาดึงเก้าอี้ออกจากโต๊ะบริการให้เป็นอย่างดีอย่างที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน
“แบบฉันเนี่ยนะคะ?”
“ผมชอบแบบคุณพาย อยากได้ลุคแบบนี้... ทำไมครับ หน้าตาคุณมันแปลกหรือไง? หน้าก็ไม่ได้โหลเกาหลีนะผมว่า”
คนถามยืนค้ำอยู่ข้างเก้าอี้ไม่ยอมกลับไปนั่งที่ตัวเอง ทว่าเขาก็ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอยู่ตลอดตามที่ลูกน้องคนสนิทบอกว่าควรทำยังไงในการเอาชนะใจผู้หญิงสักคน
“ไม่มั้งคะ ฉันไม่ได้ไปกรีดหน้ามาจากเกาหลีซะหน่อย”
“ใช่ครับ... ฉะนั้นผมขอแบบคุณพายนะ ผมชอบ...” และเขาก็พูดมันอีกครั้งด้วยรอยยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย หญิงสาวมีท่าทีอึกอักไป
“คือว่าฉันต้องหานางแบบ... หน้าตาแบบตัวเองหรือคะ?”
หญิงสาวรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อยกับเสน่ห์เหลือร้ายของพ่อคุณ กลิ่นโคโลญจน์หอมฉุนรุนแรงในแบบฉบับเพลย์บอยแตะปลายจมูกกับคำพูด ‘ผมชอบแบบคุณพาย’ มันใช่อย่างที่เธอคิดไหมล่ะ?!
“ครับ ฝาแฝดมาเลยยิ่งดี คุณคงไม่คิดว่าผมจีบคุณใช่ไหม?”
“คุณเมฆคิดไปเองค่ะ” ตอบทันที แม้ความมั่นใจนั้นแทบหายไปในอากาศ เธอยังคงจับจ้องเขาเดินกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง ในท่วงท่าสง่าสุขุม ตาเรียวร้ายมีเสน่ห์น่าค้นหารับคิ้วเข้มหนาโก่ง หยอกล้อเล่นอยู่ใต้แสงเทียนวูบไหวสั่น
ผู้หญิงไม่ว่าคนไหนก็ต้องรู้สึกวูบวาบในเมื่อเธอไม่ใช่ก้อนหิน ถึงเธอจะยังไม่พร้อมให้ใครเข้ามาในชีวิตอันแสนวุ่นวาย สับสนของเธอในตอนนี้
ขณิกาเริ่มที่จะไม่กล้าจ้องหน้าจ้องตาเขาตรง ๆ ตรงข้ามกับอีกคนที่ส่งผ่านความเสน่หาผ่านแววตาคู่คมอย่างชัดเจน
“สำหรับผมก็เป็นเรื่องปรกติ ถ้าผู้หญิงจะมองด้วยสายตาแบบนั้น...”
“คุยเรื่องงานดีกว่านะคะ” เธอยิ้มกลบเกลื่อน ก้มหน้าหาอุปกรณ์การทำงานในกระเป๋าแบรนด์หนังสีขาวใบโปรด ชายหนุ่มจึงยิ้มตอบ ค่อย ๆ พูดอย่างช้า ๆ
“ก็ดีครับ ผมว่าเราถูกใจกัน ทั้งคุณและผม งานนี้คงจะต้องออกมาดีแน่ ๆ”
พอแก้ความเข้าใจให้หญิงสาวมีสีหน้าดีขึ้นว่าไม่ใช่อย่างที่เธอคิด! และต่อให้ใช่ก็ไม่มีทางที่เธอจะปฏิเสธเขาอยู่ดี
อาหารที่ทยอยมาจนเกือบจะเต็มโต๊ะจึงยังไม่ได้มีใครเริ่มรับประทานมัน
หญิงสาวหยิบแท็บเล็ตออกมาดึงปากกาด้ามเล็กพอดี เขียนขยุกขยิกลงบนจอสี่เหลี่ยม บันทึกข้อมูลในพื้นที่ส่วนกลางที่พนักงานในออฟฟิศสามารถทำต่อด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจ เหตุเพราะงานที่หลายบริษัทโฆษณาคงได้อิจฉาตาร้อนบริษัทน้องใหม่ ทว่าพอพิจารณารายละเอียด หน้าตาระรื่นกลายเป็นขมวดมุ่นยุ่งเหยิง
“พีควัลเลย์ฟาร์ม... คุณเมธพนธ์?”
ฟาร์มพีควัลเลย์เป็นศัตรูคู่แค้นกับฟาร์มของพิภพมานาน คดีล่าสุดเธอได้ยินมาว่าเขาเป็นคนสั่งให้พนักงานหนุ่มคนดูแลสต็อกรีสอร์ตเอาย***าไปซุกไว้ที่ฟาร์ม ส่วนม้าที่ถูกยาเบื่อนั้นยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเขาเป็นคนทำหรือเปล่า
“ครับ... ทำไมล่ะ?” ในท่าทางเรียบเฉยกับความสงสัยบนดวงหน้างาม ลึก ๆ แล้วเขาคงผิดหวังอยู่ไม่น้อย
“อย่าทำเหมือนผมเป็นผู้ร้าย...”
คำพูดย้ำของเขาทำให้เธอเงยหน้าขึ้นสบดวงตาคู่คมทอประกายอบอุ่น เหมือนคนเคยรู้จักกันเคยพบกันมาก่อนที่ไหนสักแห่ง
หญิงสาวเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง เลยไม่ได้สนใจอะไรกับมันอีก ยกแก้วขึ้นจิบน้ำผลไม้ด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“เรื่องของอาภพ... เรื่องคดีของพ่อไม่เกี่ยวกับฉันนี่คะ หน้าที่ของฉันคือทำโฆษณาสวย ๆ ดีที่สุด The best” ความหมายของเธอคือไม่สนใจมันเพราะเธอต้องการงานโฆษณานี้!
“ผมจะมาหาคุณพายบ่อยๆ จนกว่าจะได้งานสวย ๆ แต่ตอนนี้ทานข้าวก่อน อิ่มแล้วผมจะไปส่ง รับรองว่าไม่ดึก”
“ค่ะ... ขอบคุณนะคะ” เธอตอบรับไมตรีของเขาอย่างเป็นมิตร ก่อนหลุบมองอาหารหน้าตาน่ารับประทาน
ต้มยำ เมนูผัก ยำอีกสองอย่างเป็นเมนูประจำของขณิกา เธอมาร้านนี้ทีไรก็จะสั่งมันทุกครั้ง วันนี้กลับรู้สึกอิ่มแม้ท้องส่งเสียงดังสักเท่าไร แววตาคู่สวยสั่นไหวระริกมองผักสีเขียวสด ไม่ต่างจากว่าอาหารตรงหน้าฉาบด้วยยาพิษ
ใบหน้าหล่อเหลายิ่งยโสของนายหัวฟาร์มองุ่นเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจเช่นเดียวกับน้ำเสียง
“หวังว่าเจ้าของบริษัทจะเป็นมืออาชีพคุ้มค่ากับเงินของผม ไม่คิดเรื่องอื่นนอกจากงาน”
คำพูดนั้นเตือนสติเธอที่ไม่คิดจะกลับไปเป็นคนโง่ซ้ำซาก ความรู้สึกเศร้าหมองเบาบางลงจนเจือจางเหมือนไอฝุ่น รอยยิ้มปรากฏในแววตามาดมั่นอีกครั้ง
“แน่นอนค่ะ... ยินดีที่ได้ร่วมงานกับฟาร์มพีควัลเลย์นะคะ”