“เกิดอะไรขึ้นหนูวาว... เป็นยังไงบ้าง”
“น้าแป้น... วาวไม่เป็นไรค่ะ”
สองมือสวมกอดร่างเจ้าของร้านกาแฟผู้ให้ความช่วยเหลือเธอถึงวินาทีสุดท้าย ขนาดให้คนมารับถึงสนามบินแม้ตัวเองจะไม่ว่าง และให้มาพักที่บ้านเป็นการชั่วคราว
“ขอบคุณน้าแป้นกับพี่ออมมากนะคะ ที่ช่วยวาวทุกอย่าง” เธอผละออก แล้วใช้หลังมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ ทั้งซึ้งใจ ทั้งดีใจ และหดหู่ปะปนกัน
“คนกันเองน่ะวาว... ไม่ต้องคิดมาก ไปอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนชุดก่อนนะ เดี๋ยวน้าจะให้ออมเอาชุดให้ใส่ไปพลางๆ ก่อน แล้วค่อยลงมากินข้าว”
น้าแป้น หรือปานสิตางค์ จูงมือเล็กเย็นเฉียบพาเดินเข้าบ้าน วาปีก็ตามติดแต่โดยดี เพราะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง อ่อนเพลียกับเรื่องร้ายที่ต้องเผชิญมาตลอดหลายเดือน
ตอนนี้เธอยังไม่พร้อมจะกลับไปยังบ้านของรพี เพราะกลัวปัญหาหลายอย่าง และไม่รู้ด้วยว่าจะให้คำตอบผู้ให้การอุปการะเธออย่างไรถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“แล้ว... ที่ร้านมีคนมาช่วยเพิ่มเหรอคะน้าแป้น”
“น้าไม่ได้รับใครเพิ่มหรอก ก็ไม่รู้ว่าวาวเป็นตายร้ายดียังไง เราเป็นห่วงกันอยู่ อีกอย่างลูกค้าไม่ได้เยอะแยะ ส่วนมากเป็นขาประจำทั้งนั้น แค่สามคนแม่ลูกก็เอาอยู่แล้ว แต่วาวกลับมาก็ดีนะ พอได้สลับกันบ้าง” น้าแป้นเล่าไปพลางหันมายิ้ม ขณะดันให้เธอขึ้นบันไดไปชั้นบนของบ้าน
“รีบขึ้นไปอาบน้ำเถอะ... น้าจะไม่ถามซ้ำหรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าวาวอยากจะเล่าก็เล่ามา เผื่อจะได้ผ่อนคลายลงบ้าง แต่ถ้าไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร น้ารู้ว่าวาวเป็นเด็กดี” ผู้อาวุโสกว่าส่งยิ้ม วาปีเม้มริมฝีปากด้วยความตื้นตันใจก่อนจะพยักหน้าแล้วยกมือไหว้ในความเมตตานั้น
บ้านของปานสิตางค์ไม่ใหญ่นัก แต่อยู่ในที่ดินส่วนตัว และด้วยหน้าที่การงานก็มีกิจการเป็นของตัวเอง ทำให้ความเป็นอยู่ของสามแม่ลูกไม่ได้ขัดสน ค่อนข้างดีด้วยซ้ำไปในมุมมองของเธอ