ในเมื่อตัดสินใจแล้วเธอก็ต้องทำตามที่พูด สร้อยทองบอกตัวเองหลังจากตกลงกับเจ้านายคนใหม่เรียบร้อย
ปัจจุบันเธอย้ายออกมาอยู่หอพักเพียงลำพัง เป็นหอพักราคาถูกซึ่งอยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยเพื่อสะดวกในการไปเรียนและทำงานเสริม
ถึงแม้จะเป็นนักเรียนทุนได้เรียนฟรีทุกอย่างแต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เธอก็ต้องหามาเองเนื่องจากบิดาไม่ได้ส่งเสีย เพราะท่านไม่สนับสนุนให้ลูกสาวเรียนหนังสือ
“ถึงแล้วค่ะ คุณคีตะนั่งรอแป๊บนึงหนูเก็บของไม่นาน”
ทำไมเธอต้องพูดแบบนี้ ก็เพราะเจ้าหนี้หนุ่มเกิดเปลี่ยนใจ ออกคำสั่งให้ลูกหนี้ย้ายไปคืนนี้เลย โดยให้เหตุผลว่ากลัวเธอหนี
สร้อยทองเป็นพวกไม่อยากมีปัญหาจึงตอบตกลง ไม่ว่าจะย้ายวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็มีค่าเท่ากัน
คีย์ตะวันเดินเข้ามาในห้องอันแสนคับแคบของสร้อยทอง ก่อนจะหันมองรอบตัวด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
นี่ห้องคนอยู่จริงดิ?
“เธอแน่ใจเหรอว่านี่คือห้องนอน ทำไมมันเล็กกว่าห้องน้ำของฉันอีก”
ถามไม่ใช่เพราะอยากดูถูกแต่เขาสงสัยจริงๆ ห้องของเธอเล็กมาก ถ้าเป็นเขาคงอยู่ไม่ได้หรอกอึดอัดตายเลย
แคบไม่พอร้อนอีกต่างหาก เข้ามาไม่นานเหงื่อก็เริ่มออกเจ้าของห้องจึงเดินไปเปิดพัดลมให้ชายหนุ่ม
“ก็หนูไม่ได้รวยเหมือนคุณคีตะ หาเงินมาเช่าห้องแบบนี้ได้ก็หรูแล้วค่ะ” มันคือเรื่องจริงเธอเป็นนักศึกษาทุนต้องหาเงินใช้จ่ายเอง
การจะให้ไปเช่าห้องราคาหลายพันต่อเดือนมันแพงเกินไป ได้ห้องแค่นี้ซุกหัวนอนก็ถือว่าเป็นบุญของชีวิตแล้ว
“เธออยู่คนเดียวเหรอ ครอบครัวไปไหนหมด”
เขานั่งบนเตียงตรงหน้าพัดลมก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย ดูจากสภาพห้องแล้วไม่น่าจะมีคนอื่นอาศัยอยู่ด้วย
คำถามของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนตอบตามจริง
“พวกเขาก็อยู่ด้วยกัน ส่วนหนูก็อยู่ที่นี่”
ครอบครัวเหรอ มีที่ไหนกัน หลังจากพ่อแต่งงานใหม่ลูกจากภรรยาเก่าก็กลายเป็นคนอื่น มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะตัวเองใฝ่ดีและมองโลกในแง่ดี เธอพยายามขวนขวายเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น
“...” คีย์ตะวันขมวดคิ้วไม่เข้าใจ สร้อยทองจึงอธิบายเพิ่มเติม
“พ่อ แม่แวว สเตฟาน อยู่ด้วยกันที่บ้านของปู่ค่ะ แต่หนูแยกออกมาอยู่คนเดียว หนูจะได้ไม่เป็นส่วนเกินของพวกเขา”
ถึงจะพูดเหมือนไม่ใส่ใจ แต่น้ำเสียงของสร้อยทองดูเศร้าไม่น้อยทำให้คีย์ตะวันรู้สึกสงสารจึงเปลี่ยนเรื่องคุย
“แล้วแฟนล่ะมีไหม ถ้าให้เดาคงไม่มีหรอก รูปร่างหน้าตาแบบนี้ใครเขาจะเอา”
มุมปากกระตุกขึ้นมาด้วยความชอบใจเมื่อเห็นเธอหันมามองตาขวาง เกิดเป็นคนมันต้องแบบนี้สิ ไม่ใช่ใครว่าอะไรก็ยอมหมด ใครฟาดเรามา เราก็ฟาดมันกลับ เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย
“ดูถูกกันเกินไปแล้ว เห็นหนูอ้วนๆ แบบนี้ก็มีคนมาจีบเหมือนกันนะคะ แต่หนูไม่เอาเองแหละเพราะหนูเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนหนังสือ”
เธอเชิดหน้าทำคอตั้งบอกเขาด้วยรอยยิ้มมั่นใจ ก่อนจะปัดผมออกจากไหล่ประหนึ่งคนสวยที่มีผู้ชายรุมจีบจนหัวกระไดไม่แห้ง
สร้อยทองไม่ได้โกหกมันคือเรื่องจริง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเธอเรียนชั้นประถมสมัยที่นมยังไม่ตั้งเต้า ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแต่เธอก็ยังจำได้ดี
“อมพระ อมโบสถ์ อมวัดมาพูดฉันก็ไม่เชื่อเธอหรอก หน้าเหมือนซาลาเปาอย่างเธอน่ะเหรอจะมีคนมาจีบ”
ชายหนุ่มส่ายหน้าพรืดไม่เชื่อเด็ดขาด ยัยอ้วนตรงหน้าของเขาเนี่ยนะมีคนมาจีบ ถ้าเป็นจริงผู้ชายคนนั้นคงไม่มีทางเลือกหรือไม่ก็ตาบอด
“ไม่เชื่อก็ตามใจ” หญิงสาวไม่อยากต่อล้อต่อเถียงจึงตั้งหน้าตั้งตาเก็บของที่จำเป็นใส่กระเป๋าเดินทาง
ส่วนคีย์ตะวันก็เดินไปสำรวจตรงระเบียงหลังห้อง ก่อนจะทำหน้าเบ้ด้วยความไม่ชอบใจ
สร้อยทองอยู่ห้องนี้เข้าไปได้ยังไง แออัดฉิบหาย ดูตึกสิอยู่ชิดติดกันไปหมด หายใจแทบไม่ออก
เขาคิดในใจพลางส่ายหัวขณะกวาดสายตามองตรงนั้นตรงนี้
“หนูเก็บของเสร็จแล้วค่ะ คุณคีตะเป็นอะไรไหมคะทำไมทำหน้าแบบนั้น”
เธอเห็นเขาทำหน้าประหลาดๆ จึงเอ่ยถาม ด้วยความที่เป็นคนประหยัดและมีรูปร่างเจ้าเนื้อ เงินจึงหมดไปกับค่ากินมากกว่าเสื้อผ้าข้าวของทำให้เธอไม่ค่อยมีสมบัติ ใช้เวลาเก็บของไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย
“เธอไม่มีปัญญาหาหอที่มันดีกว่านี้อยู่เหรอ” ผู้ชายปากร้ายมองซ้ายมองขวาก่อนจะถอนหายใจแล้วถามด้วยน้ำเสียงใคร่รู้
คำถามของคีย์ตะวันไม่ได้สร้างความขุ่นเคืองใจให้สร้อยทองแม้แต่น้อย เธอเข้าใจเขาจึงยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยความสัตย์จริง
“ตอบตามตรง ไม่มีค่ะ ที่นี่ค่าเช่าถูก อึดอัดนิดหน่อยแต่หนูอยู่ได้ คุณคีตะคิดดูสิคะ หนูตัวคนเดียวจะเอาอะไรมาก แค่มีที่ซุกหัวนอนแบบปลอดภัยก็บุญแล้วไม่ใช่เหรอ”
เพราะเป็นคนมองโลกในแง่ดี สร้อยทองจึงไม่เคยโทษโชคชะตา เวลาเหนื่อยหรือท้อก็จะเลือกมองคนที่แย่กว่าทำให้เธอมีแรงฮึดสู้
คีย์ตะวันไม่เคยเจอคนแบบนี้ถึงกับไปต่อไม่ถูก ถึงเขาจะปากร้ายแต่เนื้อแท้เป็นคนจิตใจดี เขาทนเห็นสร้อยทองอยู่หอแบบนี้ต่อไปไม่ไหวจริงๆ เมื่อสมองคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงพูดว่า
“ช่างมันเถอะ ถ้าเธอทำงานดีหลังจากใช้หนี้หมด ฉันจะหาห้องพักดีๆ ให้ตอบแทนแล้วกัน แบบไม่เอาคืน ให้แล้วให้เลย”
ไม่ได้บอกส่งๆ เพื่อเอาหน้าแต่เขาจะทำจริงๆ หลังจากงานใช้หนี้จบลง
“ยินดีรับค่ะ ขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ”
สร้อยทองยิ้มแป้นดีใจ ไม่รู้เขาจะให้จริงไหมแต่เธอไม่ปฏิเสธความหวังดี อนาคตค่อยว่ากันถ้าเขาให้เธอก็รับ ถ้าเขาไม่ให้เธอก็หาเอง
จากนั้นชายหนุ่มก็บอกให้ลูกน้อง ที่ยืนรออยู่ด้านนอกเข้ามาขนกระเป๋าของหญิงสาวที่มีอยู่เพียงสองใบ
ทั้งหมดเดินทางออกจากหอพักซอมซ่อไม่นาน ก็มาถึงคอนโดสุดหรูที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับเหล่าบรรดาคนมีเงินเท่านั้น
คอนโดราคาแพงแห่งนี้ตั้งอยู่ย่านกลางเมืองทำเลทอง ติดรถไฟฟ้า ใกล้ห้างสรรพสินค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
เป็นคอนโดในฝันของคนเมืองรวมถึงสร้อยทอง ที่แอบคิดอยู่บ่อยๆ สักวันเธอจะทำงานหาเงินแล้วมาผ่อนคอนโดแบบนี้ให้ได้ แต่คงยากหน่อยถ้าจะเอาแบบคีย์ตะวันเป๊ะ เพราะราคาแต่ละห้องคงไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน ตายแล้วเกิดใหม่ยังไม่รู้จะมีปัญญาซื้อไหม
ชายหนุ่มซื้อห้องชั้นบนสุดซึ่งเป็นเพนต์เฮาส์ให้กับตัวเองและซื้อห้องชั้นล่างให้พวกลูกน้องคนสนิทอาศัย โดยไม่คิดค่าเช่าถือเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่งจากเจ้านาย
ชั้นนี้ยังมีห้องว่าง เขาจึงให้เธออยู่ในระหว่างทำงานเป็นทาสรับใช้
“เป็นไงห้องของฉัน ดีกว่าห้องของเธอไหมล่ะ”
“ดีมากค่ะ มันต่างกันราวฟ้ากับเหว”
“...” ชายหนุ่มยักไหล่ ภูมิใจที่ได้เห็นอาการตื่นเต้นของสร้อยทอง ไม่แน่เขาอาจจะยกห้องนี้ให้เธอก็ได้ แต่ก็ต้องดูผลงานและความประพฤติก่อน
“แล้วคุณคีตะจะให้หนูเป็นทาสรับใช้นานแค่ไหนคะ”
“จนกว่าหนี้จะหมด”
เขานั่งลงบนโซฟาก่อนจะแจกแจงรายละเอียดการทำงาน ถึงจะให้เธอมาเป็นทาสใช่ว่าเขาจะไม่ให้เงินเดือน หลังจากหักหนี้เงินที่เหลือก็จะโอนให้เธอ
สร้อยทองรู้สึกชอบห้องนี้จึงขอให้เจ้านายหักหนี้เดือนละไม่เกินสองพัน เธอจะได้อยู่นานๆ อยู่จนฝึกงานเสร็จไปเลย ตอนนี้รู้สึกไม่อยากกลับไปอยู่ห้องเดิมแม้แต่น้อย
“อีกไม่กี่วันหนูจะต้องไปฝึกงาน คุณคีตะอนุญาตให้หนูไปไหมคะ”
ถามอย่างกล้าหาญถึงเธอจะเพิ่งรู้จักเขาแต่สัมผัสได้ถึงความใจดี เธอคิดว่าคีย์ตะวันคงไม่ใจร้ายถึงขั้นทำให้เธอเรียนไม่จบ
“ฉันไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดตัดอนาคตเด็ก เธออยากทำอะไรก็ทำ แต่งานที่ฉันมอบหมายต้องไม่ขาดตกบกพร่อง เข้าใจไหม”