โลกใบเดิมเลือนหาย2

1471 คำ
“คุณวิณขา น้องเอิงน่ะ อยู่ๆ มาบูลลี่มะลิค่ะ ว่าตัวบวมฉ่ำ” มะลิฉวยโอกาสฟ้องก่อน แล้วเดินมาเกาะแขนภูวิณอย่างออเซาะ ทำหน้าตาเศร้าสร้อยน่าสงสาร อรองค์มองแล้วเบ้ปาก ขณะเดียวกันก็อยากมอบรางวัลการแสดงดีเด่นให้ ซึ่งรางวัลนั้นก็คือสากกะเบือทำด้วยไม้หน้าสาม “มะลิบลูบลี่เอิงก่อนค่ะ เรียกเอิงยัยผอมแห้งกรัง” อรองค์ฟ้องบ้าง “ไม่จริงค่ะคุณวิณ สงสัยน้องเอิงจะเข้าใจผิดไปเอง มะลิแค่บอกว่าให้กินขนมที่เอามาให้ เพราะตัวเล็กไป เหมือนกินน้อย มะลิหวังดีออก ทำไมตอบแทนกันด้วยคำพูดแย่ๆ ใส่มะลิ ฮือๆ” นอกจากตอแหลเก่ง มะลิยังมีแววเรื่องการแสดงเอามากๆ ทำเอาอรองค์ที่กำลังโมโหอยู่ ถึงกับทำหน้าตะลึงในความสามารถบีบน้ำตาได้ในเวลารวดเร็ว คิดว่านักแสดงมืออาชีพมาเห็นยังต้องทึ่ง “ขอโทษพี่มะลิซะ!” เสียงห้าวดุสั่งอรองค์ “ไม่ค่ะ เอิงไม่ได้ทำอะไรผิด!” เธอตอบกลับทันควัน ไม่คิดว่าภูวิณจะบ้าจี้ตามมะลิ ที่ผ่านมาคิดว่าเขาฉลาดล้ำที่สุดในโลกนี้แล้ว ทำไมมองซีนดราม่าของมะลิไม่ออก “อาบอกให้ขอโทษ!” แถมยังตวาดเสียงดังใส่อีก “ไม่ค่ะ!” ไม่ได้ผิด เรื่องอะไรจะขอโทษ “ถ้าไม่ขอโทษ ก็อย่ามาเจอหน้ากันอีก ไปมะลิกลับห้องเรา” “ค่ะ คุณวิณ แต่คุณวิณคะ ไม่ต้องให้น้องเอิงขอโทษมะลิก็ได้ อย่าโกรธน้องเอิงเลยค่ะ น้องยังเด็ก อายุแค่สิบห้าเอง เด็กมากๆ นะคะ” พยายามย้ำคำว่า ‘เด็ก’ เพื่อให้อรองค์รู้ตัว ว่าอย่าพยายามทำอะไรเกินเด็ก เช่นคิดหวังจะเป็นเจ้าสาวของภูวิณ “มะลิไม่ต้องใจดีกับเด็กที่ไม่รู้มารยาทหรอก!” พูดจบภูวิณก็ดึงแขนมะลิออกจากห้องของอรองค์ทันที อรองค์ได้แต่ยืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่ตรงที่เดิม อยากจะร้องไห้ดังๆ กับสิ่งที่ภูวิณพูดเมื่อครู่ แต่น้ำตามันเหือดหายไปไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีคือแสบร้อนคอ เพราะความเสียใจนั้นมันจุกแน่นในลำคอ และกดทับหน้าอกด้านซ้ายจนหายใจก็ปวดแสบปวดร้อนไปหมด นานหลายนาทีกว่าที่อรองค์จะค่อยๆ เดินไปทิ้งตัวอย่างหมดแรงบนเตียง นอนหายใจรวยรินเหมือนคนใกล้ตาย คำพูดของภูวิณเหมือนยาพิษในความรู้สึกของอรองค์ ที่มองเขาเป็นเหมือนคนเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตหลังจากย่าพิสมัยจากโลกนี้ไปแล้ว ตอนนี้เหมือนเธอไม่เหลือใครที่จะเป็นคนในครอบครัวอีกต่อไป แม้จะคิดว่ามีป้าอินทุอรกับอารียาอยู่ข้างๆ แต่ภูวิณคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธอ ตอนนี้เขาทิ้งเธอไปแล้วจริงๆ คำพูดนั้นชัดเจนว่าเขาผลักไสเธอไปจากชีวิต ไม่คิดว่ามะลิจะสำคัญกับภูวิณขนาดนี้ ความรัก ความหลง หรืออะไรที่ทำให้ภูวิณเป็นได้ถึงเพียงนี้ อรองค์ไม่เข้าใจจริงๆ แต่ในเมื่อเขาไม่อยากเจอหน้าเธอ เธอก็จะไม่เจอเขาเช่นกัน! แม้จะเสียใจแค่ไหน แต่อรองค์ก็เจ็บเป็น โกรธเป็น ในเมื่อเขาไม่เห็นว่าเธอคือคนในครอบครัวอีกต่อไป เธอก็จะไม่เห็นเขาเป็นคนในครอบครัวอีกต่อไปเช่นกัน! เด็กสาววัยสิบห้า กับความคิดที่เต็มไปด้วยความโกรธ เสียใจ น้อยใจในผู้ชายที่เธอหวังจะอยู่ข้างๆ เขาไปจนวันตาย ต่อไปนี้เธอจะอยู่ได้ด้วยตัวเอง ย่าพิสมัยเคยบอกออกบ่อย เกิดคนเดียวก็ตายคนเดียว! ตอนนี้เธอจะลืมเรื่องคำทำนาย ว่าเธอจะเป็นเจ้าสาวของ อาวิณ ไปให้หมด เพราะตอนนี้รู้แล้วว่าคุณย่าอาจพูดเพื่อปลอบใจเธอเท่านั้น เกิดคนเดียว ตายคนเดียว จะกลัวความโดดเดี่ยวไปทำไม แล้วจะรักคนที่ไม่ได้รัก หรือเห็นว่าเราสำคัญอีกต่อไปทำไม อยู่กับยัยอวบฉ่ำนั่นไปจนตายเลย! เกลียดอาวิณ! วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันหยุด เพราะอรองค์ฟุ้งซ่าน โกรธเคืองภูวินและมะลิ ทำให้เธอหลับได้ก็ค่อนรุ่ง ลงมายังชั้นล่างตอนใกล้เที่ยง เจออารียาเพียงคนเดียวในห้องกินข้าว “ป้าอินไปไหน” “ไปร้าน ส่วนอาวิณกับมะลิออกไปตั้งแต่ตอนสาย บอกว่าจะกลับพามะลิไปที่ไหนต่อไม่รู้ ไม่กลับมาบ้านแล้ว” “อือ” อรองค์ขานรับแค่นั้น แต่ก็ทำให้กินมื้อเที่ยงฝืดคอ เพราะพยายามกล้ำกลืนก้อนแข็งๆ ที่จุกอยู่ในคอ จนแสบร้อนไปหมด เธออยากร้องไห้ แต่มันร้องไม่ออก ดูจากสิ่งที่ภูวิณรีบพามะลิไปจากบ้าน นั่นคงเพราะเขาไม่อยากเจอเธออีก แม้จะบอกว่าไม่แคร์ เกิดคนเดียว ตายคนเดียวได้ แต่มันก็เจ็บเกินทน เธอจึงปล่อยโฮออกมาเสียงดังอย่างกลั้นไม่อยู่ “เอิง แกเป็นอะไร หา!” “อาวิณ ฮือๆ เขาเกลียดฉันแล้ว” “มันเกิดอะไรขึ้น” แล้วอรองค์ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้อารียาฟัง “เฮ้ย อาวิณทำไมเป็นแบบนี้ หลงมะลิมากไปแล้วนะ ยัยนั่นเล่นของใส่อาวิณหรือเปล่าแก” “ฉันไม่รู้ ฉันไม่คิดว่าอาวิณจะกลายเป็นคนโง่แบบนี้ ที่ผ่านมาฉันคิดว่าเขาฉลาด ดูคนเป็นนะ” “สงสัยความรักเข้าตา” คำพูดของอารียายิ่งทำให้อรองค์ร้องไห้หนักมากกว่าเดิม “เฮ้ย ทำใจเถอะเอิง ถึงไม่มีมะลิ อาวิณก็คงไม่แต่งงานกับแกหรอก เขารักแกเหมือนที่รักฉันนี่แหละ ทำใจนะ” อารียาบอกพร้อม โอบบ่าเพื่อนรักไว้อย่างปลอบโยน “ฉันรักอาวิณ” “ก็รู้แล้ว แต่แกยังเด็ก แกคงไม่เข้าใจหรอกว่ารักน่ะ มันรักแบบไหน” “ก็รักแบบจะแต่งงานด้วยไง!” “โอ๊ย ก็บอกแล้วไง แกยังเด็ก ยังไม่รู้จักความรักแบบนั้นหรอก แกต้องโตกว่านี้ก่อน แล้วค่อยคิด หรืออย่างน้อยไปเรียนรู้ผู้ชายอื่นก่อนเถอะ บางทีความรู้สึกที่แกมีต่ออาวิณก็คือความหวง ความกลัวที่จะเสียเขาไป เพราะชีวิตแก หลังจากไม่มีพ่อ ไม่มีปู่กำนัน ไม่มีคุณย่า แกก็มีแต่อาวิณไง” อารียาก็เข้าใจแบบนี้ ไม่ต่างจากที่ภูวิณกับมารดาของเธอคิด เพราะอรองค์อายุแค่สิบห้าจะมาด่วนคิดว่าตัวเองรักภูวิณแบบคนที่จะแต่งงานกันได้อย่างไร “เออ ฉันจะไม่รักเขาแล้วก็ได้ ฉันไม่อยากเป็นเจ้าสาวของเขาแล้ว เกลียดแล้วด้วย คอยดูถ้าเขาไม่อยากเจอฉัน ฉันก็จะไม่เจอเขาเหมือนกัน!” “อ้าว กลายเป็นงั้นไป” อารียาไม่คิดว่าอรองค์จะเลิกรักภูวิณ ไม่ว่าจะรักแบบไหน แต่ตอนนี้อรองค์คือโกรธสุดๆ และไม่พร้อมจะฟังเหตุผลใดๆ พออารียาไปเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่า “เอิงแค่เด็กอายุสิบห้า จะโกรธอาวิณก็ไม่แปลก แต่อาวิณของอิ้งจะแต่งงานกับมะลิจริงๆ เหรอ” “นั่นสิคะ ดูมะลิไม่จะเป็นทรงที่อาวิณชอบนะ” “ใช่ เมื่อเทียบกับระรินแล้ว คนละทรงเลยแหละ” เพราะระรินนั้นเป็นผู้หญิงที่สวย ฉลาด มาดดี กิริยามารยาท หรือแม้แต่เดินเหินคือดูดีไปหมด แต่เพราะสวย ฉลาด มาดดีนี่แหละ ทำให้อีกฝ่ายมีคนมารุมชอบมากมาย เมื่อต้องอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่เดือน ระรินก็ปันใจให้ชายอื่น ภูวิณเจ็บเจียนตาย แต่ก็รอดมาได้ แต่จะมาตายน้ำตื้นเพราะมารยาหญิงอย่างมะลิ มันก็กระไรอยู่จริงๆ ตกลงภูวิณกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ พูดจาหักหาญจิตใจเด็กผู้หญิงที่มองเขาเป็นเจ้าชีวิตอย่างอรองค์ไปได้อย่างไร มันดูใจร้ายผิดวิสัยของภูวิณเกินไป แม้แต่การส่งมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่มัธยมปลายนั้นพอเข้าใจ เพราะอรองค์โตขึ้น เข้าสู่วัยแรกรุ่น อาจไม่เหมาะที่ ภูวิณจะดูแลอย่างใกล้ชิด แถมอรองค์ก็ประกาศไปทั่วไร่จะเป็นเจ้าสาวของเขาในวันที่โตขึ้น คงทำให้ภูวิณลำบากใจ เลยส่งอรองค์มาอยู่กับเธอและลูกสาว แต่การตัดรอนด้วยคำพูดร้ายๆ กับอรองค์เมื่อคืน มันออกจะเกินไปจริงๆ :::::::::::::::
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม