ปึ้ง!!
“ไปลากตัวมันมา” ชายวัยกลางคนบอกเสียงกร้าว
“ต่อให้เจ็บปางตายก็หิ้วศพมันลงมาหาฉัน” เขาบอกลูกน้องอย่างโมโห
เมื่อคืนลูกชายไม่เอาไหนออกไปมีเรื่องข้างนอกกลับมาอีกแล้ว วันๆ ไม่ทำประโยชน์อะไร หาแต่เรื่องต่อยตีให้เขาต้องปวดหัว
“นายครับ นายน้อยออกไปแล้วครับ” แทนพิไทอดีตนายตำรวจหน่วยรบพิเศษตอบเสียงดังฟังชัด
“ว่าไงนะ!”
“แล้วปล่อยให้มันหนีออกไปได้ยังไง ทำไมไม่สั่งให้คนเฝ้ามันไว้ดีๆ ห๊ะ!” เสียงทรงอำนาจเกรี้ยวกราด แววตาดุดันจนคนถูกมองก้มหน้า
“ผมจะรีบตามตัวนายน้อยกลับมาให้เร็วที่สุดครับ”
“ดี” ภัทรสินตบบ่าลูกน้องบอกอย่างพอใจ ทรุดนั่งเซ็นเอกสารบนโต๊ะทำงานต่อ
ชายวัยใกล้สี่สิบผู้นี้คือท่านนายตำรวจยศใหญ่ที่ลาออกจากราชการเมื่อห้าปีที่แล้ว ชายวัยกลางคนที่ร่างกายยังคงแข็งแรง บึกบึนสวนทางกับอายุ
อีกด้านหนึ่ง…
“มึงออกมาแบบนี้ ถ้าพ่อมึงตามตัวกลับไป จะไม่เจ็บตัวกว่าเดิมเหรอวะ”
ฟู่ไห่เฉิง หนุ่มลูกครึ่งไทยสัญชาติจีนวัยสิบเจ็ดเอ่ยถามเพื่อนที่นอนเล่นเกม Monster Diary อยู่
“ไม่ใช่ครั้งแรก” ภัทรคุณตอบเพื่อนด้วยท่าทีใจเย็น จนหนุ่มอีกคนขมวดคิ้วยุ่ง
“เออๆ”
“กูรู้ บ้านมึงนี่ก็แปลกเนอะ” ฟู่ไห่เฉิงโยนยาแก้อักเสบที่ให้แม่บ้านไปซื้อมาเมื่อกี้ ลงตรงหน้าเพื่อน
“มึงก็นะ เจ็บหนักขนาดนี้เสือกไม่ไปหาหมอ”
“กินกี่เม็ด” ภัทรคุณเลิกคิ้วถาม เปลี่ยนเรื่องไม่อยากคุยต่อ
“2 เม็ดไอ้คุณชาย” ฟู่ไห่เฉิงกระแทกเสียงตอบ “แดกแล้วนอน”
“ถ้ายังไม่ดีขึ้นค่อยไปหาหมอทีหลัง”
“อืม”
ครืดด! ครืดดด!
ไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดสั่นครืดไม่หยุด แต่เจ้าของของมันกลับไม่สนใจ เขาเล่นเกมด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ
หนุ่มคนนี้เป็นลูกเสี้ยวจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ใบหน้าหล่อคมกลับดูไม่มีเศษเสี้ยวของความเป็นจีนแม้แต่น้อย หน้าตาคมเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนค่อนไปทางแขก ร่างกายสูงโปร่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ร่างกายสมส่วน
หากไม่บอกว่าเขามีอายุแค่สิบแปดปีก็คงไม่มีใครเชื่อ เพราะท่าทางและรูปลักษณ์ให้ความรู้สึกโตกว่าอายุไปมาก ความสุขุมนุ่มลึก แววตาดุดันเหมือนผู้เป็นพ่อไม่มีผิด
“เฮ้ๆไอ้คุณ”
“มือถือมึงสั่นมาเกือบชั่วโมงแล้ว”
“รับๆ ไปเถอะวะ กูว่าป่านนี้เฮียแทนคงร้อนใจจนนั่งไม่ติด”
“หรือไม่ก็ถูกพ่อมึงกระทืบตายไปแล้วมั้ง” ฟู่ไห่เฉิงชะโงกหน้ามองจอที่สว่างโร่ หันไปบอกเพื่อน มือยังถือจอยเกม “มึงอย่าเอาแต่เงียบดิ้”
“เดี๋ยวพ่อมึงได้ส่งคนมาลากตัวมึงไปแน่ๆคราวนี้”
เขาบอกอย่างกระวนกระวาย ต่างจากอีกคนที่ทำเพียงแค่หลับตา นอนนิ่งราวกับรูปปั้น
ครืดดด~
ไอโฟนยังคงสั่นหงึกๆ ทำหน้าที่ของมันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทั้งแรงสั่นจากเสียงเรียกเข้าและเมสเสจปรากฏให้เห็นบนหน้าจออย่างต่อเนื่อง
“ครับเฮีย”
ไม่ใช่เขา
หากแต่เป็นฟู่ไห่เฉิงที่ทนไม่ไหวกดรับสายเสียเอง
“ไอ้คุณอยู่กับผมครับ”
“หลับอยู่ครับ ตอนนี้…เอ่อ” ฟู่ไห่เฉิงหรี่ตามองเพื่อนเล็กน้อย ภัทรคุณลืมตาขึ้น
“ตอนนี้อยู่…อยู่บ้านสวนของพ่อผม” สิ้นคำพูดของฟู่ไห่เฉิง
ภัทรคุณถอนใจแรง บ่งบอกว่าเขากำลังไม่พอใจ
“มึงจะได้ไม่โดนหนักกว่าเดิมไง” หลังจากปลายสายตัดไปแล้ว ฟู่ไห่เฉิงก็รีบอธิบายให้เพื่อนฟังทันที
“กูเป็นห่วงมึงมากนะไอ้คุณ”
“เมื่อไหร่มึงจะคุยกับพ่อมึงดีๆ”
“ทำแบบนี้มันไม่ดีทั้งกับคนรอบข้างแล้วก็ตัวมึงเองนะ”
ภัทรคุณตบบ่าเพื่อนสองที “ขอบใจ”
เขาลุกขึ้นเก็บมือถือกับกระเป๋าสตางค์ใส่กางเกงยีน“แต่เหนื่อยวะ”
“ขี้เกียจคุย”
ตั้งท่าเตรียมจะเดินจากไป แต่ฟู่ไห่เฉิงวิ่งมายึดบานประตูไว้ซะก่อน
“แล้วนี่มึงจะไปไหนอีก เดี๋ยวเฮียแทนก็มารับแล้ว”
“กูหายใจไม่ออกวะ อยากเดินเล่นสักพัก”
“แต่ว่า…” ฟู่ไห่เฉิงแย้ง
“ไม่ต้องห่วง” ภัทรคุณชิงพูดตัดบท หันมายิ้มบางๆ ให้เพื่อน “ไม่ต้องเป็นห่วง” แล้วเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องไป
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ขอทานตื่นยัง” มายดาเพื่อนร่วมห้องวัยยี่สิบห้าเคาะประตูเสียงดัง
“ยัยบื้อ ตื่นได้แล้ว”
“สายโด่งขนาดนี้แล้ว จะนอนกินพระอาทิตย์เข้าไปทั้งดวงหรือไงย่ะ”
“ข้าวน่ะข้าว บ่ายโมงกว่าแล้วยังจะกินข้าวอยู่ม้าย” ทุบประตูปังๆ เรียกคนด้านใน
“อือ...”
“เบาๆ หน่อย” ธารธรผลักประตูออกมา ผมยุ่งเหยิง หน้าซีดเซียว ตาแดงช้ำ
“ยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนเลยเนี่ย เร่งปั่นนิยายอยู่”
“โต้รุ่งอีกล่ะ”
ระวังไว้เหอะ เดี๋ยวได้ตายเข้าจริงๆสักวัน” มายดาเท้าเอวมองเพื่อนอย่างละเหี่ยใจ
“ข้าวน้ำไม่ต้องกินมันแล้ว วันๆ จ้องอยู่แต่หน้าจอคอมฯ”
“ทำงานหนักตาย กับอดข้าวตายมันต่างกันนะ” ธารธรแย้งทันควัน “ไม่มีเงินวันไหน วันนั้นคือวันตายของชั้น”
“เออๆ”
“ฉันจะออกไปทำงานแล้ว ส่วนแก...” เธอบอกต่อ “กินข้าวอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยซะ ค่อยกลับไปทำงานของแกต่อ”
“โอเคๆ”
ธารธรถอนใจยาว มองตามหลังเพื่อนตาละห้อย
“เฮ้อ!”
ถ้าเปลี่ยนจากยัยนี่เป็นหนุ่มหล่อสักคนคอยเป็นห่วงเป็นใย พูดแบบนี้กับเธอบ้างก็ดีสิ คิดแล้วก็หันหลังกลับเข้าห้องไปปั่นงานต่อ
หลังจากส่งงานเรียบร้อย
เธอก็อาบน้ำแต่งตัวมานั่งกินมาม่าอยู่ข้างเคาน์เตอร์ครัว ช่วงเวลาฉุกละหุกแบบนี้นอกจากมาม่าแล้ว ไม่รู้ควรกินอะไรดี
จะเดินไปร้านสะดวกซื้อก็ขี้เกียจ สั่งเดลิเวอรี่ก็ไม่รู้จะเลือกเมนูไหน รวมๆ แล้วคือขี้เกียจสุดๆ นั่นแหละ มีอะไรก็ยัดลงท้องได้หมด