‘ฉันโทรมาเพื่อจะบอกว่ารัก~’
“อือ ว่า?” กดรับโทรศัพท์กรอกสายหาเพื่อนสนิทที่ก็รู้ว่าเธอโทรมาเวลานี้ทำไม
[ขอทานจ๋า]
[ค่ำแล้ว ออกมานั่งชิล ดื่มด่ำบรรยากาศแสนโรแมนซ์กันเถอะ]
ธารธรอ้าปากจะบอกปัด [แล้วอย่าบอกว่าจะไม่มานะ]
[ฉันบอกพี่นายแล้วว่าแกจะไปด้วย เพราะฉะนั้นรบกวนคุณผู้หญิงแต่งตัวสวยๆ ออกมาจากห้องบัดเดี๋ยวนี้เลยค่า]
ไม่แม้แต่จะเอ่ยปฏิเสธจบ มายดาก็รีบพูดดักทางหนีของเพื่อนไว้ [ให้ไวๆ]
“เออ”
“เคๆ อีกชั่วโมงนึงเจอกัน” เธอตอบตกลงแล้วก้มหน้าซดมาม่าที่เหลือในชามรวดเดียวหมด
[ชั่วโมงนึงกับผีสิยัยบ้า]
[ฉันให้เวลาแกยี่สิบนาทีรีบๆลงมาจะวนรถไปรอใต้ตึก]
สายถูกตัดไปแล้ว ธารธรได้แต่ทอดถอนใจ เบื่อจริงๆยัยตัวกวนนี่
เวลายิ่งเป็นเงินเป็นทองอยู่ ถูกยัยเพื่อนนี่กะซวกเวลาจากตัวเธอไปอีกแล้ว
แม้จะบ่นบ้างตามประสาแต่ก็ไม่วายแต่งหน้าทำผม มาหยุดรอใต้คอนโดตามที่เพื่อนบอก
ความจริงเธอไม่ได้มีเงินมาอยู่คอนโดหรูแบบนี้หรอก เมื่อสองปีก่อนเธอยังเป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาๆ เนี่ยแหละ
แต่เพราะงานอดิเรกของเธอมีรายได้มากกว่างานหลัก ธารธรจึงเลือกที่จะลาออกแล้วมายึดอาชีพนักเขียนอิสระเต็มตัว ดีที่มีพรสวรรค์ด้านภาษา เธอจึงสามารถแปลนวนิยายจีนได้อย่างคล่องแคล่ว เวลาว่างก็แต่งนิยายเองด้วย เพิ่มโอกาสในการทำเงินมากยิ่งขึ้น
ปรี้นๆๆ
“ขึ้นมาๆ”
เธอสะดุ้งโหยง เสียงบีบแตรดังสนั่นไปทั่วบริเวณ มัวแต่เหม่อไม่ทันสังเกตว่ามายดามาถึงแล้ว “เร็วเดี๋ยวรถติด”
“อือ มาแล้วเนี่ย”
“จะรีบไปไหนห้ะ! ร้านเหล้าก็ตั้งอยู่ที่เดิมนั่นแหละ ไม่หายไปไหนหรอก
“ช้านิดช้าหน่อยไม่ทำให้แฟนแกรอนานขนาดนั้นมั้ง” ขึ้นรถได้เธอก็พ่นใส่เพื่อนยาวเหยียด “แล้วอีกอย่างนะ รถติดขนาดนี้จะถ่อสังขารไปนั่งไกลปานนั้นเพื่อ”
“แกใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ”
เมื่อเห็นว่าธารธรเริ่มหงุดหงิด มายดาก็รีบปลอบ “ใจเย็นๆอะ นี่น้ำ กินน้ำให้ใจเย็นก่อนโอเคมั้ย”
เมื่อเห็นว่าเพื่อนเย็นลงนิดหน่อยจึงพูดต่อ “ฉันก็หวังดีอยากให้แกได้ออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้างไง”
“วันๆ ขลุกอยู่แต่ในห้อง จ้องแต่หน้าจอสี่เหลี่ยมเดิมๆ ถ้าเปลี่ยนบรรยากาศบ้างเผลอๆ ความคิดของแกอาจจะพุ่งปรี้ด แต่งนิยายได้เป็นฉากๆเลยนะ”
ธารธรหรี่ตามองเพื่อนนิดหนึ่ง
“เผลอๆอาจแต่งจบรวดเดียวเลยก็ได้”
ใครมันจะเก่งถึงขนาดแต่งนิยายวันเดียวจบเรื่อง เหอะ! นี่กำลังหลอกด่าว่าเธอขี้เกียจอยู่ละสิ
“ฉันกำลังพาแกออกมาท่องโลก หาแรงบันดาลใจหล่อๆในการแต่งนิยายของแกอยู่นะ”
‘ซะเมื่อไหร่ล่ะ’
อยากจะเดทกับแฟนก็พูดมาตรงๆเถอะ
“ขับรถไป อย่าพูดมาก”
น้ำเสียงเจือความหงุดหงิดของเธอทำให้มายดาตอบอืมสั้นๆ ก้มหน้าก้มตาขับรถต่อไป
กว่ายี่สิบนาทีแล้วที่เธอกับเพื่อนอยู่บนถนนเส้นยาว ทอดมองรถหลายร้อยคันต่อแถวเรียงกันสุดสายตา เสียงบีบแตรปริ้นๆ จากรถคันไหนไม่ทราบดังสลับเข้ามาในหูอยู่ตลอด ธารธรก้มดูนาฬิกาข้อมือตัวเองบอกเวลาทุ่มสี่สิบ แล้วเหลือบตามองตรงไปเบื้องหน้าอีกครั้ง ภายในใจหงุดหงิดงุ่นง่านเหลือทน
ในช่วงเวลาเร่งรีบอย่างตอนนี้ ยิ่งเหมือนชนวนไฟดีๆ ที่เติมเชื้อข้างในตัวที่มากแต่เดิมแล้วให้ปะทุ เสียงถอนหายใจพรืดแรงทำให้มายดาเหล่หางตามองเธอ “อีกนิด นิดเดียว พ้นแยกนี้ไปก็ถึงแล้ว” คนขับรถรีบเอ่ยปากบอก เข้าใจดีว่าเพื่อนข้างๆ อารมณ์เสียจวนจะกินหัวเธอแล้ว
“เปิดเพลงไหม ฟังเพลงไป นั่งชิลไปสบายดีออก” แม้ว่าคำพูดจะช่วยไม่ได้มาก แต่มายดาก็ยังยิ้มแห้งๆ บอกเพื่อนอยู่ดี
“ยัย!...” ธารธรกำลังจะอ้าปากด่า ก็ต้องชะงักกับเสียงเรียกเข้ามือถือ
[อยู่ไหน จองโต๊ะไว้แล้วนะ อีกนานไหมกว่าที่รักจะมาถึง] เพียงกดเปิดสปีกเกอร์โฟนเสียงนุ่มทุ้มก็ดังแทรกมาทันที [ฮัลโหล น้องมายด์ ได้ยินพี่พูดหรือเปล่า]
“ได้ยินๆ หนูใกล้ถึงแล้วอีกไม่เกินสิบนาที พี่นายรอแปบนึง ค่าๆ รอแป๊บเดียวนะคะ เดี๋ยวก็เจอกันแล้วเนอะ” ธารธรมองหน้าจอที่ดับแสงลง สลับมองหน้าเพื่อนที่ยิ้มแป้น มีความสุขใหญ่
เบ้ปากใส่อย่างหมั่นไส้ เกลียดคนมีแฟนชะมัด คลั่งรักกันมากมั้ง โอ้ยย! อิจฉา ร่ำร้องในใจ
ไม่นานนัก รถก็เลี้ยวเข้าสู่ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา
“โต๊ะนี้ๆ” หนุ่มวัยเกือบสามสิบกวักมือ เรียกเธอสองคน “มาๆๆ” เขาดึงแขนมายดาไปใกล้ให้เธอนั่งลงข้างๆ
“นั่งๆ สายธาร” ปากเชื้อเชิญ แต่ยื่นหน้าจุ๊บเบาๆ ที่หน้าผาก ส่งยิ้มหวานให้กันโดยไม่แคร์ผู้คนรอบข้าง
“น้อยๆ หน่อยเถอะ” เธอได้แต่ส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้ “ไม่ต้องสนจงสนใจรอบข้างเลยมั้ง” ธารธรแหวะไปทีอย่างหมั่นไส้
“ย่ะ คนเค้ารักกันมากอ่ะเนอะ กอดนิด จูบหน่อย ธรรมดามากอ่ะจ้ะ” มายดาบอกอย่างภูมิใจ
“เราก็รีบๆ หาแฟนเร็วเข้านะ” แฟนหนุ่มของเพื่อนเสริมต่อ
“โอ้ย! อย่าแนะนำเลยพี่นาย อย่างยัยขอทานอ่ะน่ะ ชาตินี้น้องมายด์ว่าคงหาแฟนไม่ได้หรอกค่ะ”
ธารธรทำปากขมุบขมิบล้อเลียนเพื่อน แล้วเปลี่ยนไปสนใจเมนูอาหาร
“อย่าเรียกเพื่อนแบบนั้นสิ!” และแล้วก็โดนดุเบาๆ ไปหนึ่งที ‘สมน้ำหน้า’
หลังจากนั่งทานไปสักพัก ฟังดนตรีสดเคล้าบรรยากาศยามค่ำคืน จิบเหล้าน้อยๆ พอให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า แค่นี้อารมณ์หงุดหงิดในตอนแรกก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง