หนูเล็กเดินทางกลับมาที่บ้านในเวลาต่อมา ในหัวของเธอตอนนี้คิดกังวลเรื่องที่ภวินพูดตลอดเวลา และเมื่อเธอเดินเข้ามาในบ้านเจอคุณพ่อพอดีก็เอ่ยถามเสียงเบา
“คุณพ่อหนูขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ยคะ”
“มีอะไรรึเปล่าลูกว่ามาสิ”
คุณพ่อพาลูกสาวไปนั่งในห้องรับแขกมองหนูเล็กที่มีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าลูกมีเรื่องไม่สบายใจหรือว่ามีปัญหาอะไรทำไมดูไม่ค่อยดีเลย
“หนูอยากจะถามคุณพ่อว่าที่บริษัทมีปัญหาเหรอคะ มันหนักมากเลยเหรอทำไมถึงไม่บอกใครเลย”
คุณพ่อได้ยินแบบนั้นก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ เขาไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังแต่ไม่อยากให้ลูกกับภรรยาไม่สบายใจและตอนนี้เขาสามารถแก้ปัญหาได้แล้วจึงเลือกที่จะไม่บอกความจริง
“ไปรู้มาจากไหนใครบอก”
“ใครบอกไม่สำคัญหรอกค่ะ หนูแค่อยากรู้ว่ามันเป็นความจริงรึเปล่าแค่นั้นเอง”
“อืม มันเป็นความจริง เพื่อนพ่อเค้าโกงบริษัทแถมยังถอนหุ้นออกไปหมดตอนนี้กำลังฟ้องร้องกันอยู่แต่ไม่รู้จะนานขนาดไหนแล้วพ่อต้องใช้เงินมาหมุนเวียนบริษัทให้มากที่สุดเพื่อให้มันไปต่อได้ พ่อขอโทษนะที่ไม่ได้บอกแต่ตอนนี้พ่อแก้ปัญหาได้แล้วไม่ต้องกังวลนะ”
“แก้ปัญหายังไงเหรอคะ”
หนูเล็กเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจข้อมูลที่เธออยากจะรู้คือคุณพ่อได้รับความช่วยเหลือจากผู้ชายคนนั้นจริงรึเปล่า เธอจะได้พิจารณาดูว่าจะเอายังไงต่อ
“ก็มีนักอสังหาริมทรัพย์เค้าซื้อหุ้นไปนะพ่อก็เลยมีเงินมาบริหารบริษัทต่อ ตอนนี้ดีขึ้นแล้วแหละไม่ต้องกังวล”
“งั้นเหรอคะ… โชคดีจังเลยนะคะคุณพ่อเนี่ย”
“ก็ต้องขอบคุณคุณภวินเค้า ตอนแรกพ่อไปขอร้องเค้าแทบตายไม่ยอมซื้อเลยแต่ว่าอยู่ๆก็ให้ผู้ช่วยโทรศัพท์มาบอกว่าสนใจจะซื้อเพราะอยากช่วยเหลือพ่อกับพนักงานให้ได้ไปต่อ”
หนูเล็กกำมือแน่นอย่างโกรธแค้นชายหนุ่ม ตอนแรกปฏิเสธพ่อเธอไปแล้วแต่อยู่ๆเปลี่ยนใจมาช่วยคงเพราะอยากเอาชนะเธออย่างนั้นสินะ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้เจ้าคิดเจ้าแค้นที่สุดในโลกเลยเกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นเนี่ยแหละ
“เข้าใจแล้วค่ะ พรุ่งนี้ไปหนูไปช่วยงานคุณพ่อนะคะ”
“ดีมากเลยหนูต้องไปดูแลกิจการต่อจากพ่อ เดี๋ยวถ้าเกิดว่าวันหนึ่งเรามีเงินมากพอค่อยซื้อหุ้นคืนจากเขา เดี๋ยวก็ต้องไปฟ้องร้องกับเพื่อนเก่าพ่ออีกถ้าชนะยังไงก็ได้เงินคืนมาถึงตอนนั้นพ่อจะเอาทุกอย่างคืนให้ลูกนะอดทนหน่อย”
คุณพ่อดึงลูกสาวไปสวมกอดอย่างหวงแหน เขามีลูกคนเดียวเป็นห่วงมากยิ่งกว่าใคร ถ้าวันหนึ่งเขาจะต้องจากโลกใบนี้ไปขอให้ลูกอยู่สุขสบายสามารถดูแลตัวเองได้
“ค่ะพ่อ หนูเข้าใจทุกอย่างแล้วค่ะ”
วันต่อมา…
หนูเล็กไปทำงานกับคุณพ่อของเธอตั้งแต่เช้าตั้งใจเรียนรู้งานในบริษัทให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โชคดีที่เธอเรียนบริหารงานมาจึงเรียนรู้งานภายในได้ไม่ยาก
“พอเข้าใจใช่มั้ยลูก”
“เข้าใจแล้วค่ะ แต่รายละเอียดบางอย่างอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย ยังไงจะถามเป็นระยะๆนะคะคุณพ่อ”
เธอยิ้มออกมาก่อนจะก้มหน้าอ่านเอกสารต่ออย่างตั้งใจ คุณพ่อของเธอเห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจในที่สุดแล้วลูกสาวก็ยอมมาทำงานสักที เขาเดินออกไปจากห้องงานปล่อยให้ลูกเรียนรู้งานด้วยตัวคนเดียวไปก่อน เดี๋ยวถ้ามีอะไรสำคัญก็คงโทรมาเองแหละ
หนูเล็กอ่านเอกสารอยู่สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์โทรเข้ามา เป็นเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาและเธอไม่รู้จัก หญิงสาวกดรับสายก่อนจะเอ่ยทักทายเสียงสดใส
“สวัสดีค่ะหนูเล็กพูดสายค่ะ”
(เงียบไปเลยนะคนสวย ไม่เห็นจะโทรมาให้คำตอบเลยอ่ะรอทั้งคืนแล้วนะ)
ภวินยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์มือหนาควงปากกาเล่นอย่างใจเย็น เขาเชื่อเหลือเกินว่าหญิงสาวต้องยอมเพราะไม่มีทางที่จะยอมเสียทุกอย่างไปไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นคุณหนูตกอับไม่มีหน้าตาทางสังคมเหมือนเดิม หนูเล็กได้ยินเสียงก็จำได้ทันทีว่าคือใคร เสียงปีศาจร้ายขนาดนี้มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ
“คุณภวิน…”
(ว่าไงจ๊ะได้คำตอบหรือยัง)
“ถ้าฉันไม่ยอมคุณล่ะคุณจะทำยังไง”
เธอหยั่งเชิงลองถามดูเผื่อว่าจะมีทางออกทางอื่นให้เลือกเดิน ภวินทำท่าทางครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยเสียงใส
(ก็อาจจะถอนหุ้นคืนทั้งหมด ถ้าเธอคิดว่าหาคนมาซื้อทันก็ได้นะฉันให้เวลาถึงสี่โมงเย็น แต่ถ้าหาไม่ทันก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่าบริษัทจะขาดสภาพคล่องทางการเงินแล้วพ่อเธอก็คงจะโดนฟ้องล้มละลาย ถึงตอนนั้นเธอคงจะต้องไปสมัครหางานทำเลี้ยงดูพ่อแม่อ่ะ เอาไงล่ะ…)
เขาเอ่ยออกมาอย่างกดดันหญิงสาว เธอกำมือแน่นอย่างเครียดหนักเพราะเท่าที่ฟังเธอไม่มีทางออกเลยสักทาง และในระหว่างที่เธอกำลังเงียบคิดอะไรบางอย่างเขาก็พูดทำลายความเงียบ
(ฉันเปลี่ยนใจดีกว่า คุณริชโทรไปถอนหุ้นคืนทั้งหมดจากบริษัทสุขสิริกุลเลยนะผมไม่เอาแล้ว ถ้างั้นแค่นี้ก็นะคนสวยฉันต้องทำงานต่อ)
เขาทำท่าทางจะกดวางสายแต่ก็ต้องยิ้มออกมาอย่างพอใจที่ในที่สุดหญิงสาวก็ยอมเป็นของเขาจนได้ บอกแล้วไงว่ายังไงเขาก็ต้องชนะเธอแน่นอน
“เดี๋ยวสิคะ! ก็ได้ๆฉันยอมก็ได้แต่คุณอย่าถอนหุ้นเลยนะไม่อย่างนั้นพ่อแย่แน่นอนเลย”
(ก็แค่เนี่ยคิดให้นานทำไม งั้นคืนนี้เจอกันนะแต่งตัวสวยๆด้วย ฉันชอบผู้หญิงสวยมันน่ามอง)
หนูเล็กกำมือแน่นอย่างโกรธแค้นชายหนุ่มแต่ก็ต้องระงับอารมณ์ไว้เพราะเขายังมีประโยชน์และเธอไม่สามารถทำอะไรได้ ถ้าเขาจะเอาเปรียบเธอโดยการใช้บริษัทมาข่มขู่เธอก็หาโอกาสเอาคืนเขาบ้างแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน
“ค่ะ แต่ว่าเรามาทำข้อตกลงกันก่อนดีมั้ยคะ”
(ข้อตกลงอะไร… เธอมีสิทธิ์ต่อรองด้วยเหรอฉลาดไม่เบานะเนี่ย)
เขายิ้มออกมาอย่างคาดไม่ถึง นึกว่าจะยอมง่ายๆแต่ว่ามีนั่นนี่มาต่อรองไม่ธรรมดาเหมือนกันนะ
“ถ้าฉันมีเงินมากพอที่จะซื้อหุ้นคืน คุณจะต้องขายคืนให้ฉันแล้วก็เลิกยุ่งกับฉันด้วย”
(เงินตั้งร้อยล้านจะหามาจากไหนเหรอ เธอต้องแต่งงานกับมหาเศรษฐีแล้วล่ะมั่งถึงจะหาเงินมาคืนฉันได้ อ่ะๆแต่ถือว่าฉันใจดีนะ ตกลงก็ได้ตามนั้น ถ้ามีเงินร้อยล้านมากองตรงหน้าฉันจะยอมขายหุ้นคืนให้แล้วก็จะเลิกยุ่งกับเธอ)
“คุณรับปากแล้วนะคะ จำคำพูดตัวเองเอาไว้ด้วยล่ะ”
(ไม่ลืมหรอกน่า เย็นนี้มาหาฉันที่โรงแรมไพบูลย์นิภัคสาขาแรกชั้นดาดฟ้าบนสุด ทุ่มหนึ่งแล้วกัน)
“ค่ะ ฉันจะไป”