วันนี้จะเล่นอะไรดี! แก๊งเด็กลูกของคนงานเดินตามเนื้อทองกันเป็นพรวน เมื่อเด็กหญิงหัวโจกกลับมาจากโรงเรียน หล่อนได้ลังกระดาษที่แทนทิ้งไว้หลังบ้านถือนำหน้าทุกคนพร้อมกับร้องเพลงประกอบละครจักรๆ วงศ์ๆ กันอย่างพร้อมเพรียง
“เล่นได้แน่นะเนื้อทอง...ขวดแตกแล้วเศษแก้วบาดเอาจะทำยังไง”
“ก็เก็บไปทิ้งสิ ขวดเหล้าพวกนี้นายไม่ได้ใช้แล้วยังไงก็ต้องลงไปอยู่ในถังขยะอยู่ดี”
“แน่ใจนะ...เดี๋ยวจะเหมือนคราวก่อนๆ พ่อตีฉันจนน่องลายเจ็บยังไม่หายเลยเนี่ย”
“เอาน่า...เชื่อเนื้อทองเถอะ” เด็กหญิงยืนกราน หล่อนวางลังกระดาษลงเมื่อมาถึงต้นไม้ใหญ่ริมรั้วของไร่ จัดแจงเปิดลังแล้วหยิบขวดเหล้ารูปร่างแปลกตาขึ้นมาวางเรียงบนพื้นดิน
“เห็นไหม...แค่วางบนพื้นก็ปลอดภัยแล้ว ถ้าวางที่สูงเวลายิงด้วยหนังสติ๊กมันคงกระเด็นกระจัดกระจายแล้วเราเก็บกันไม่หมดแน่ๆ”
“ใครยิงก่อน” ต้นอ้อถาม
“มายืนตรงนี้ก่อน ให้ห่างห้าก้าวยาวๆ นะ แล้วเป่ายิ้งฉุบเข้าแถวเลย ใครยิงไม่โดนกลับไปต่อแถวด้านหลังโอเคไหม”
“โอเค!!” ทุกแสดงความร่วมใจสามัคคี
“ในฐานะที่ฉันเป็นคนคิดเกมนี้ขึ้นมาฉันต้องได้ยิงก่อนคนแรก ที่เหลือพวกนายไปเป่ายิ้งฉุบกันเอาเองนะ” หล่อนบอกเพื่อนๆ แล้วดึงหนังสติ๊กที่เหน็บเอาไว้ด้านหลังมาซ้อมง้างแล้วเล็ง รอกว่าเพื่อนๆ จะเตรียมตัวกันเสร็จ
“เริ่มเลยนะ!” เนื้อทองเก็บก้อนหินขนาดพอเหมาะมาวางไว้ตรงแถบหนังระหว่างง่าม แล้วดึงยางให้ยืด เล็งเป้าหมายแล้วปล่อยแถบหนัง ก้อนหินจึงพุ่งไปตามแรงเข้าหาขวดเหล้านอกรูปทรงสวยหรู ขวดแก้วแตกร้าวเกิดเสียงดังในเสี้ยววิ เด็กๆ พากันเฮสนุกสนาน
ถึงคิวคนต่อไปก็ยิงโดนบ้างไม่โดนบ้าง ส่วนมากจะไม่โดนเสียมากกว่า คนที่เล็งแม่นหน่อยก็กระโดดโลดเต้นในฝีมือของตัวเอง
“เนื้อทอง! เนื้อทอง!”
ทุกคนหยุดเมื่อมีเสียงเรียกดังมาแต่ไกลพร้อมๆ กับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่วิ่งเข้ามาหากลุ่มของพวกเขา
“อะไรวะไอ้ปลิว...จะเล่นด้วยเหรอเราไม่ให้เล่นหรอก เอ็งมันเป็นพวกไอ้ต้น” เด็กหญิงยืนเท้าสะเอวทำหน้าเข้ม ปลิววิ่งมายืนหอบตรงหน้าหล่อนพอดี
“บ้าสิ...มีเรื่องแล้ว”
“เรื่องอะไรวะ ไอ้ต้นมันจะมาสะสางแค้นกับเราเหรอ”
“เปล๊า! ลังที่พวกเอ็งเอามาเล่นน่ะ ของนาย”
“ก็รู้แล้วว่าของนาย นายทิ้งแล้วเราไปเก็บมาจากหลังบ้านโน่น”
“นายไม่ได้ทิ้งนะเนื้อทอง...นายแค่เอาไปวางไว้ แล้วในลังมีขวดเหล้านอกที่นายเก็บสะสม เพื่อนนายฝากมาให้น้ายะบอกข้า แพงมากนะเว้ย!”
“ห๊า!!!”
“เออ...รีบเอาไปคืนเลย น้ายะกับพี่ฟักแฟงหากันให้วุ่น”
“...” กลุ่มเด็กหันมองผลงานของตัวเองเมื่อปลิวบอกให้เอาไป ‘คืน’ เจ้าของ
ขวดเหล้าที่วางเรียงอยู่บนพื้นล้มระเนระนาด บางใบแตกหักเป็นสองท่อน บางใบแทบไม่เหลือเค้าว่ามันเคยมีรูปร่างอย่างไรมาก่อนหน้าเหลือเพียงเศษแก้วกระจัดกระจายไว้ดูต่างหน้า
“นายมา!!!” เท่านั้นแหละ! ทุกคนก็วิ่งหนีตายกันไปคนละทิศละทางโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนตะโกนบอก แล้วนายแทนของพวกเขามาจริงๆ หรือไม่
“ซวยแล้วเนื้อทองซวยอีกแล้ว! คราวนี้นายเอาตายแน่ๆ เลย พ่อจ๋าพ่อช่วยลูกด้วย” เนื้อทองเองก็ไม่อยู่รอ หล่อนวิ่งเข้าไปในสวนส้มเพราะคิดว่าพุ่มไม้ใหญ่จะช่วยอำพรางตัวได้ดีกว่า หล่อนจะได้หลบซ่อนมีเวลาในการหาวิธีเอาตัวรอดนานสักหน่อย
ถึงไม่รอด...แต่ทำอย่างไรก็ได้ให้เจ็บตัวน้อยที่สุด รอยเฆี่ยนที่ที่ขาเมื่อวันก่อนยังไม่หายดีเลย กว่าจะโตขาหล่อนคงเป็นลายพาดกลอนเพราะฝีมือแทนเสียแล้วกระมัง
“ฉิบหายหมดแล้วขวดเหล้ากู!!!”
“ไอ้เด็กเวรพวกนี้นี่ มันซนได้ซนดีจริงๆ เดี๋ยวผมไปดูให้ครับนายเผื่อยังมีที่ไม่แตกเหลืออยู่บ้าง”
“วันๆ กูต้องไล่ตีเด็กรอบไร่จนไม่ต้องทำอย่างอื่นกันแล้วใช่ไหมเนี่ย” พูดไปด้วยความโมโหเขาก็ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่ายกมือขึ้นนวดขมับ รู้สึกปวดหัวหนึบกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“ใจเย็นครับนาย...เดี๋ยวผมจะไปตามตัวมาให้เอง บอกพ่อบอกแม่ให้ทำโทษพวกมันเสียให้เข็ด”
“ขวดเหล้าพวกนี้หายากแค่ไหนมันรู้กันบ้างไหม! คุณรัชอุตส่าห์เก็บเอาไว้ให้ ไม่ทันไรไอ้เนื้อทองมันก็เล่นกูล่ะ เคยมีสักครั้งไหมที่มันจะไม่มายุ่งกับชีวิตกูเนี่ย” ชายหนุ่มกล่าวหัวเสีย
“ผมผิดเองล่ะครับที่เอาไปวางไม่เป็นที่ เด็กมันก็คงคิดว่าทิ้งแล้วนายใจเย็นๆ แล้วไปทำงานเถอะนะครับทางนี้ผมจะจัดการให้เอง จะจับตัวมาทำโทษเสียให้เข็ดสักที”
“เด็กเวร!!” แทนกัดฟันกรอด มองซากขวดสุรานำเข้าด้วยความเสียดาย เขาไม่ใช่คนชอบดื่ม แต่ชอบที่จะเก็บสะสมของหายากหลายๆ อย่าง เช่นหินสี ต้นไม้หายาก หรือสุราของประเทศต่างๆ เพื่อนฝูงที่รู้จักมักคุ้นหากไปพบไปเจอเข้าก็มักนำติดไม้ติดมือมาให้เสมอ บางคราวก็ซื้อ แล้วแต่สถานการณ์
ร่างใหญ่ลดมือที่เท้าสะเอวลงแล้วเดินจ้ำอ้าวจากไป ปล่อยให้ยะมองตามแล้วถอนหายใจแรงด้วยความโล่งอก ความวุ่นวายที่เกิดจากฝีมือเด็กๆ เล่นพิเรนทร์นั้นมีให้ปวดหัวกันทุกวันไม่ได้ขาด ทำโทษกันก็แล้ว ตักเตือนด่าว่ากันก็แล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองก็ไม่ใช่จะละเลย แต่พอได้อยู่รวมตัวกันเป็นกลุ่มก็พากันเฮสนุกสนานลืมเจ็บลืมจำไปหมด
“จะบ้าตายกับไอ้พวกนี้ ขุดหลุมฝังเสียเลยดีไหมเนี่ย เฮ้อ!” ยะกล่าวพลางกุลีกุจอเข้าไปเก็บขวดแก้วที่แตกเสียหาย เพราะเศษแก้วเหล่านั้นมีความแหลมคม อาจก่อให้เกิดอันตรายกับทุกคนได้ จากนั้นจึงจัดการตามตัวผู้ปกครองของเด็กๆ มาพูดคุย เพราะหลังๆ มานี้ปัญหาเรื่องการเล่นที่เกินขอบเขตเริ่มหนักข้อมากขึ้นทุกที
อนึ่ง...ก็อาจเป็นเพราะวัยที่เริ่มโตขึ้น พัฒนาการทางความคิดและความอยากรู้อยากเห็นก็เพิ่มขึ้นด้วย