ตลอดวันหยุดสุดสัปดาห์เนื้อทองถูกกักบริเวณห้ามออกไปนอกรั้วบ้านพัก หล่อนจึงไม่ได้เห็นหน้านายแทนเลย แต่กระนั้นพี่หม่อนของหล่อนก็แวะมาเยี่ยม มาคอยพูดคุยด้วยพอได้คลายเหงาเด็กหญิงถามถึงอาการผู้เป็นนายใหญ่ของไร่ก็ได้ทราบว่าเขาบาดเจ็บเล็กน้อยจากการถูกหล่อนและกิ่งไม้ทับร่าง เนื้อตัวถูกมดแดงรุมกัดจนเป็นแผลเต็มไปหมด
ความชุลมุนในวันนั้นเนื้อทองยังจำได้ดี คิดตอนนี้นึกขำ แต่ในตอนนั้นหล่อนแทบเป็นบ้าด้วยความเจ็บปวดที่ถูกมดตัวเล็กๆ กัดทึ้งไปทุกตารางนิ้ว แทนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าตั้งสติได้มากกว่าหล่อน ในขณะที่หล่อนเต้นเร่าๆ ร้องห่มร้องไห้ เขาจับหล่อนถอดเสื้อผ้าจนเปลือยล่อนจ้อน ถอดเสื้อของเขาด้วย แล้วใช้ผ้านั้นปัดมดจนหมดตัว แล้วจึงจัดการมดที่เกาะกัดตัวเองบ้าง
เสื้อผ้าของหล่อนถูกเขาฉีกเป็นชิ้นไม่สมประดีด้วยความรีบร้อน เหลือแต่กางเกงในลายการ์ตูนหมีพูสีเหลือง และเขาก็ถอดเสื้อตัวใหญ่ยกให้คลุมร่างเล็กเปลือยเปล่า แล้วพาแบกขึ้นบ่ากลับมาโยนไว้หน้าบ้าน
หล่อนอาย...เพราะถึงจะเป็นเด็กแต่ก็เป็นผู้หญิง และเขาก็เป็นผู้ชาย แต่ก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้มีอะไรน่ามองหรอก ขาหล่อนเจ็บเพราะร่วงจากต้นไม้ นายแทนทั้งบ่นทั้งด่าแต่ก็จับหล่อนแบกเดินโทงๆ กลับมาส่งถึงที่ เขาคงโกรธหล่อนมาก จนบัดนี้ก็ยังไม่ยอมให้เห็นหน้า
“ยานี้ทาป้องแผลเป็นนะเนื้อทอง ต้องขยันทาตามเวลาที่พี่เขียนเอาไว้ให้รู้ไหม ผิวเราจะได้ไม่กระด่างกระดำ” พยาบาลสาวกระวีกระวาดอธิบายการใช้ยาและครีมชนิดต่างๆ ที่หอบมาให้ด้วยความเป็นห่วง เนื้อทองนั่งฟังตาปริบๆ หล่อนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพยายามขนาดนั้น
ไหนจะครีมอาบน้ำ...ครีมทาผิว ยาที่เป็นเนื้อครีมอีกหลายหลอดสรรพคุณแตกต่างกันไปล้วนแล้วแต่ช่วยในการฟื้นฟูผิวพรรณ
“เข้าใจไหมเนี่ยที่พี่บอก”
“ก็เข้าใจค่ะ...พี่หม่อนมาหาเนื้อทองนานๆ แบบนี้นายไม่ว่าเอาเหรอคะ”
“จะว่าทำไมล่ะ พี่แทนเขายุ่งอยู่กับงานในไร่โน่น”
“นายเกลียดเนื้อทอง...”
“ใครบอก” หม่อนเก็บยาและครีมทั้งหมดใส่ถุงแล้วชะงัก มองหน้ามอมแมมของเด็กสาวที่บัดนี้ดวงตาผลุบต่ำเศร้าสร้อย
“เนื้อทองรู้ตัวหรอก นายด่าทุกวัน”
ก็หล่อนก่อเรื่องสามนาทีสี่ปัญหามิใช่รึ...
“พี่แทนจะเกลียดเนื้อทองได้ยังไง ถึงจะดุด่ายังไงเขาก็เข้าใจว่าเนื้อทองเป็นเด็กถ้าเขาเกลียดจริงๆ เขาคงไล่เนื้อทองไปแล้วล่ะ จริงไหม” พยาบาลสาวเอ่ยตามจริง เพราะใครก็รู้ว่าแทนเป็นคนเด็ดขาด คนงานที่ทำผิดเขาไม่เคยไว้หน้า แต่สำหรับลูกๆ ของคนงานในไร่แล้วแม้เขาจะค่อนข้างเข้มงวดสักหน่อย ดุไปสักนิดแต่ก็ไม่เคยจัดการใครขั้นเด็ดขาดสักที
แม้แต่ต้น...ที่เอาหมวกใบโปรดไปเล่นโดยพลการ
“แต่นายก็ไม่ชอบเนื้อทองอยู่ดี”
“เขาไม่คิดแบบนั้นหรอกจ้ะ พี่แทนเขางานเยอะ เขาเหนื่อยกับงานพอเนื้อทองเล่นซนเขาก็หงุดหงิดเป็นธรรมดา ต่อไปนี้เนื้อทองก็ทำตัวดีๆ สิ พี่แทนจะได้เอ็นดูมากขึ้น” อันที่จริงเด็กน้อยก็ไม่ได้จะเกเรจนเกินเหตุ เพียงแต่ ‘ซุกซน’ จนเกินเด็กหญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง
“พี่ต้องกลับแล้วล่ะ เดี๋ยวจะฝากขนมให้พี่ยะเอามาให้นะ” ร่างแบบบางของหม่อนลุกยืน ใบหน้ายังเปี่ยมรอยยิ้มอ่อนหวาน
“เนื้อทองจะเป็นเด็กดีค่ะพี่หม่อน เนื้อทองสัญญา” นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผู้ปรารถนาดีต่อหล่อนภูมิใจ เนื้อทองลุกจากเตียงไปยืนตรงหน้าพี่หม่อนแล้วพุ่งกอดจนอีกฝ่ายเซเล็กน้อย
“อะไรกันเด็กคนนี้” หม่อนลูบศีรษะเด็กน้อยด้วยความรัก หล่อนเองเป็นลูกโทนบิดาเสียชีวิตตั้งแต่ยังไม่เกิด พอโตขึ้นจบ ม.ปลายมารดาก็ล้มป่วยและเสียชีวิตไปอีกคน ไม่มีพี่ไม่มีน้อง ญาติๆ หรือก็ห่างหายไม่ค่อยได้พบพาน
ก่อนหน้านี้ชีวิตหล่อนมีแต่หน้าที่การงาน เสร็จงานก็กลับบ้านนอน มีแต่เพื่อนร่วมงานและคนป่วยพูดคุยคลายเหงา ภาระหน้าที่อันหนักอึ้งช่วยบั่นทอนความโดดเดี่ยวได้เป็นอย่างดี หล่อนแทบไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องไดอีกเลยเพราะความเหนื่อยและอ่อนเพลียในแต่ละวัน
แต่เมื่อมีแทนเข้ามาในชีวิต...ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
คนเหงากับคนเหงาได้มาพบกัน แค่มองตาก็รู้ซึ้งถึงความร้าวรานอ้างว้างในใจพวกเขาสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักเหมือนกัน ตัวคนเดียว ใช้ชีวิตไปวันๆ เพราะมีหน้าที่ต้องทำ แต่ในหัวใจนั้นแสนอับเฉาเหว่ว้า
“เนื้อทองรักพี่หม่อนจังเลยค่ะ” เด็กหญิงยิ้ม กอดร่างอรชรนุ่มหอมละมุนเอาไว้แน่น
เนื้อทองเอง...ก็ต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวเคว้งคว้างไม่ต่างกันเลย
สุดสัปดาห์ต่อนั้นเต็มไปด้วยความน่าเบื่อหน่าย...เนื้อทองพยายามปรับปรุงตัวสุดฤทธิ์เพื่อไม่ให้เป็นที่ระคายเคืองแก่นายเหนือหัวของหล่อน ออกจะอึดอัดสักหน่อยแต่ก็ไม่เลวร้ายอะไร ดีกว่าหาเรื่องเล่นพิเรนทร์แล้วโดนตีขาแตกขาลายเป็นไหนๆ
แต่บางทีพอไม่เจ็บตัวชีวิตก็ขาดสีสันไม่ไปน้อย
“ข้ายังไม่อยากพาเนื้อทองตะลอนไปไหนอีกแล้วตอนนี้งามตาเอ๋ย”
“...” เด็กสาวในชุดอยู่บ้านขาสั้นเสื้อยืดชะงักเท้าอยู่ตรงหัวมุมกำแพงของบ้านพัก บิดาของหล่อนกำลังนั่งลับมีดพก ในปากคาบบุหรี่อยู่ด้วยแล้วเปิดลำโพงโทรศัพท์คุยกับใครบางคนอยู่
“ที่นั่นมีแต่ผู้ชายเสียส่วนใหญ่ พี่จะให้เนื้อทองมันอยู่ในป่าในเขาแบบนั้นไปจนตายหรือไง ผลักดันให้ลูกมันได้อยู่ในสังคมดีๆ เสียบ้าง เป็นสาวเป็นแส้ขึ้นมาจะเอาอนาคตได้ที่ไหน”
“อยู่ที่นี่ข้าก็มีงานทำ สังคมชนบทมันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เอ็งว่าหรอกงามตา”
งามตาคืออาของหล่อนเอง มีศักดิ์เป็นน้องสาวแท้ๆ ของพ่อ อางามมีครอบครัวและปลูกหลักปักฐานอยู่ในเมืองหลวง ลูกชายของอางามเพิ่งอายุได้เพียงสองขวบ สามีเป็นข้าราชการในสถานสาธารณสุขแห่งหนึ่ง
“เนื้อทองเป็นหลานฉัน เป็นผู้หญิงคนเดียวในครอบครัวเรา ยังไงฉันก็เป็นห่วงอยู่ดี พี่ก็บ่นบ่อยๆ ไม่ใช่รึว่ามันซนเหมือนลิงเหมือนค่าง แล้วใครจะอบรมสั่งสอนมันได้ พี่เองก็เป็นผู้ชายเลี้ยงให้มันอยู่รอดไปวันๆ ไม่สงสารลูกบ้างหรือไง”
“เฮ้อ...ข้าก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ เนื้อทองกับข้าอยู่ที่นี่มีความสุขดี”
งามตาพยายามเกลี้ยกล่อมพี่ชายให้ย้ายไปอยู่ด้วยกันหลายครั้ง เนื่องจากเป็นห่วงหลานที่กำลังโตเป็นสาวแต่กลับไม่มีใครดูแลจริงจัง ในความเป็นอาก็กลัวหลานจะเสียเด็ก เสียอนาคตเพราะไม่ได้รับการเอาใจใส่อย่างที่ควรจะเป็น
“คิดให้ดีๆ ก็แล้วกัน ฉันไม่ได้ว่าที่นั่นเลวร้ายหรอกนะ เพียงแต่ไม่มีใครอบรมเนื้อทองให้มันเป็นผู้เป็นคนเท่านั้นเอง เนื้อทองต้องการความรัก ต้องการการเอาใจใส่มากกว่าจะให้ข้าวให้น้ำ ให้ที่ซุกหัวนอนไปวันๆ นะพี่”
“...” คราวนี้ผู้เป็นพี่เงียบอึ้ง มันก็จริงอย่างที่น้องสาวเขากล่าวมา บางครั้งเขาก็อดสงสารเนื้อทองไม่ได้ที่ต้องมาตรากตรำอยู่กับพ่อไม่เอาไหนอย่างเขา ที่วันๆ เอาแต่ทำงาน บางครั้งกลับบ้านมาดึกดื่น ลูกก็ต้องหาน้ำหาข้าวกินเอง เนื้อตัวเสื้อผ้าไม่ต้องพูดถึง...ยิ่งอยู่กันตามมีตามเกิด แม้จะไม่สกปรกรุงรังแต่ก็ไม่ได้สะอาดเอี่ยมอย่างตอนที่แม่ของหล่อนยังมีชีวิตอยู่
ผู้หญิงกับผู้ชาย...ใช้ชีวิตต่างกันจริงๆ
“มาอยู่ที่นี่ก็เห็นต้องอึดอัดใจอะไร ฉันมีบ้านแยกต่างหากอยู่ติดๆ กันยกให้พี่กับเนื้อทอง ส่วนงานทำพี่ก็ช่วยฉันดูแลอพาร์ตเม้นต์ ฉันไม่คิดเงินเดือนเหมือนพนักงาน แต่จะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้เลยในส่วนที่ฉันยกเป็นหุ้นให้เนื้อทองมัน”
เงินจากส่วนนั้นเดือนหนึ่งก็หลายหมื่น มากพอให้สองพ่อลูกอยู่กันอย่างสุขสบายได้เลย งามตาเป็นน้องสาวที่ดี ไม่เคยทิ้งพี่ทิ้งน้อง ห่วงหาอาทรกันอยู่เสมอแม้ตัวเองจะมีฐานะมั่นคงมากกว่า สองพี่น้องก็รักกันมากเพราะมีกันอยู่แค่นี้ แต่ในความที่ตัวเองเป็นพี่ชาย เขาก็ไม่ได้อยากเป็นภาระให้กับน้องจึงดิ้นรนจะเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวมาโดยตลอด ตั้งแต่ภรรยาเขาจากไป งามตาก็เคี่ยวเข็ญอยู่หลายครั้งอยากให้ไปอยู่ด้วยกันเสีย จะได้ช่วยกันดูแลใกล้ชิดมากขึ้น
“ข้าจะลองคิดดูก็แล้วกัน ขอบใจมากนะงาม”
“คิดถึงเนื้อทองให้มากๆ นะพี่ คิดถึงอนาคตของลูก ถ้าพี่อยากทำงานอยู่ที่นั่นก็ให้เนื้อทองมาอยู่กับฉันคนเดียวก็ได้ฉันรักหลานเหมือนลูก ฉันจะเลี้ยงเนื้อทองให้ดีที่สุด”
“พ่อจ๋า...” ร่างเล็กเดินออกมาจากมุมกำแพง เดินหน้าเศร้าไปยืนข้างๆ บิดาที่เหลือบมองพร้อมกับถอนหายใจแรง
“มีอะไรเล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะเนื้อทอง หืม...”
“พ่อ...” หล่อนนั่งลงข้างๆ สองมือแตะตรงขาของบิดาที่ยังไม่ได้วางมีดซึ่งกำลังลับคมอยู่กับหิน แต่ก็หยิบบุหรี่ทิ้งใส่ขวดเบียร์ที่วางอยู่ไม่ห่างเมื่อเห็นว่าบุตรสาวเข้ามา
“อะไรของเอ็งเนื้อทอง”
“พ่อจะย้ายไปอยู่กับอางามหรือเปล่า เห็นอางามโทรฯ มาหลายครั้งแล้ว พ่อจะเปลี่ยนใจไหมจ๊ะ”
“แล้วเอ็งว่าอย่างไร...” เขาปรายตามองเนื้อทองแล้วถาม เด็กสาวยังคงขมวดคิ้วหน้ายุ่ง เป็นคำตอบอย่างดีอยู่แล้ว
“เนื้อทองอยากอยู่ที่นี่ เราไม่ได้ลำบากอะไร”
“มันก็จริง...แต่บางทีถ้าย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ เอ็งอาจจะมีอนาคต มีสังคมที่ดีกว่าเหมือนที่งามมันพูด พ่อยังไม่คิดจะย้ายตอนนี้หรอก แต่ถ้าเอ็งยังซนพิเรนทร์ผิดผู้ผิดคนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็ไม่แน่”
“อ้าว...” เนื้อทองสะดุ้งดึงตัวห่างจากผู้ให้กำเนิดเล็กน้อย ไยเล่าหล่อนถึงถูกพาดพิงถึงเสมอ หล่อนคิดว่าตัวเองก็เล่นตามประสาเด็ก อาจจะซนไปบ้าง แต่เด็กซนคือเด็กฉลาด
คุณครูสอน ใครๆ ก็บอก....
“มาอ้าวเอ้วอะไรล่ะ ไปๆ ไปอาบน้ำโน่นเย็นแล้ว เดี๋ยวพ่อจะเข้าไปเดินดูความเรียบร้อยสักหน่อย เอ็งไม่ต้องรอกินข้าวแล้วก็นอนซะ”
“พ่อจ๋า...” หล่อนยิ้มยิงฟัน
“อะไรอีก!” พ่อของหล่อนเริ่มฉุนรำคาญ ยกเข่าตั้งแล้วละมือจากมีดวางบนเข่าข้างนึง
“พ่อจะไม่ไปอยู่กับอางามใช่ไหม” เด็กหญิงยังยิ้ม แต่แววตาหมองขุ่นคล้ายออดอ้อนเว้าวอนในที
“เออ!”
“เย้! รักพ่อที่สุดเลย!!” ร่างเล็กโผเข้าไปกอดบิดาเอาไว้จนเขาเอนไปทางด้านหลังเกือบล้มลงนอน เนื้อทองหอมแก้มซ้ายขวาด้วยความดีใจสุดฤทธิ์ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะแบกรับน้ำหนักไหวไหม
“พอๆ! ไปได้แล้วไป เดี๋ยวเหอะเด็กคนนี้นี่” ณปราชไม่ได้ผลักไสลูกสาวแม้จะตะโกนไล่ปาวๆ ไม่ขาดปาก มีลูกอยู่คนเดียว แม้จะดูแลกันตามประสาไม่ได้เลิศเลออย่างใครเขา
แต่พ่อก็รักของพ่อที่สุด...
เนื้อทองเป็นฝ่ายผละออกด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ดวงตาเปล่งประกายวาววับยินดี แล้วจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านตามคำสั่ง การได้อยู่ในไร่แห่งนี้คือความสุขของหล่อน
หล่อนรัก...พื้นทุกตารางนิ้ว ต้นไม้ทุกต้น ผู้คนรอบข้าง สัตว์ทุกตัว ชีวิตและจิตวิญญาณของเด็กน้อยผูกพันกับผืนดินแห่งนี้มาก หากวันหนึ่งต้องจากไปไกลแสนไกลจริงๆ คงเป็นเรื่องที่เศร้าตรมที่สุด เพราะหล่อนคงไม่มีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินที่หล่อเลี้ยงหล่อน ไม่มีโอกาสได้ชดใช้ให้คนที่ให้ข้าวให้น้ำให้ทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ ชีวิตใหม่...