บทที่ 06 น้องซินเนียร์โสด
“ถ้าขับไปฝั่งคณะนิติกูถึงร้านเฮียกันต์แล้ว”
เซนต์เอี้ยวหน้ามาเอ่ยพูดกับคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังของรถบิกไบค์ เพราะวันนี้เขาจะไปเอารถที่ฝากไว้ในอู่ซ่อมรถของร้านรุ่นพี่ที่สนิทซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังมหาวิทยาลัย ทว่าฟารันชวนขับผ่านถนนอีกเส้น ทำให้ต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าปกติ
“ไอ้ฟารัน เพื่อนรักต่างสถาบันมารอว่ะ”
“…” ฟารันพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ด้วยท่าทางเบื่อหน่ายเมื่อเห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งในวัยเดียวกัน พวกเขาทั้งห้าคนสวมใส่เสื้อชอปของอีกสถาบันกำลังยืนอยู่กลางถนนด้านหลังของมหาวิทยาลัยเอพริล
“พวกมันรู้ความเคลื่อนไหวของเราได้ไงวะ หรือเพราะเพจของดีอะไรนั่นเอารูปเราไปลงอีกแล้ว” เซนต์เอ่ยพึมพำอย่างเบื่อหน่ายเช่นกัน ไม่ใช่ว่ากลัวแต่วันนี้เขาแค่แวะมาทำธุระไม่ได้อยากมีเรื่องราวกับใคร ทว่าก็ต้องจำใจหยุดรถ
“ไง ได้ข่าวว่าวันก่อนมึงโกงการแข่งขันเหรอ” หนึ่งในห้าคนที่ยืนกอดอกอยู่กลางถนนตะโกนขึ้น ฟารันจึงก้าวขาลงไปยืนข้างรถบิกไบค์ของตัวเอง สองมือหนาล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงยีนด้วยท่าทางเรียบนิ่ง
“กูบอกตั้งแต่ลงแข่งแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้ากลัวไม่ต้องแข่งแต่ถ้าแพ้แล้วอย่าพาล”
“มึงยังปากดีเหมือนเดิมนะฟารัน” ไวท์ คนที่ลงสนามแข่งขันในวันนั้นเอ่ยพูดด้วยใบหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก สองเท้าก้าวเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าฟารัน เซนต์จึงก้าวขาลงจากรถไปยืนประกบข้างกายเพื่อน
“มึงควรเอาเวลาที่กำลังทำตัวแพ้แล้วพาลไปฝึกฝีมือให้มันดีกว่านี้นะ เผื่อจะมีโอกาสแข่งชนะ” เซนต์ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วเอ่ยพูดอย่างไม่เกรงกลัว
“มาสองคนแต่ยังห้าวเหมือนเดิม ถึงที่นี่จะเป็นถิ่นมึงก็อย่าคิดว่ากูจะกลัว”
“เหอะ! ถ้าไม่กลัวมึงเอาคนมาทำไมเยอะแยะ ยอมรับเถอะว่ามึงกาก…”
ตุ้บ! ตุ้บ
ใบหน้าหล่อเหลาของเซนต์หันไปอีกฝั่งอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อถูกไวท์ปล่อยหมัดใส่อย่างแรง ฟารันจึงใช้เท้าถีบไปที่หน้าท้องแกร่งของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายของไวท์เซถลาไปชนกับกลุ่มเพื่อนตัวเอง
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!” เซนต์ยกมือปาดเลือดออกจากมุมปากแล้วสบถอย่างหัวเสีย ทว่าเมื่อเห็นฝั่งนั้นพุ่งเข้ามา เขากับฟารันก็พุ่งเข้าไปโดยไม่ได้สนใจว่าตอนนี้ฝั่งตัวเองจะมีน้อยกว่า
ผวะ! ตุ้บๆ
ปรี๊ดดดด!
“เฮ้ย! ทะเลาะอะไรกัน ไปนอนคุกให้หมดเลย!”
ทว่าจังหวะนั้นเสียงนกหวีดที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น พวกเขาจึงชะงักมือแล้วหันไปมองต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงทำให้เห็นตำรวจในชุดสีกากีจำนวนสามนายกำลังวิ่งมาจากร้านข้าวที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“ไอ้เซนต์ ไปดิวะ!” ฟารันยอมปล่อยมือออกจากคอเสื้อของไวท์แล้ววิ่งไปคร่อมรถบิกไบค์ของตัวเอง ซึ่งเซนต์ก็รีบวิ่งมากระโดดซ้อนท้าย จากนั้นเขาก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนไวท์กับเพื่อนของเขาก็วิ่งหนีไปอีกฝั่ง
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย ปากกูแตกยับเลย” เซนต์เอ่ยอย่างหัวเสียในขณะที่ยกหลังมือปาดเลือดออกจากมุมปากของตัวเอง “แล้วมึงจะหนีทำไม พี่มึงแต่ละคนมีอำนาจมากกว่าตำรวจอีก”
“ขี้เกียจฟังพ่อบ่น” ชายหนุ่มเอ่ยพึมพำพลางยกหลังมือเช็ดเลือดออกจากมุมปากไปด้วย เพราะที่ผ่านมาเขาถูกตำรวจจับในเรื่องชกต่อยไม่ต่ำกว่าสามครั้ง และทุกครั้งที่พี่ชายมาประกันตัวเรื่องจะถึงหูผู้เป็นพ่อตลอด
“ที่มึงบอกว่ามีหลักฐานเอาไว้แบ็กเมลตำรวจ สรุปมีหรือไม่มี?”
“มี แต่วันนี้กูมีธุระยังไม่ว่างไปเล่นสนุกกับใคร” ถ้าเขาถูกจับไปที่สถานีตำรวจจริงๆ ก็สามารถเอาตัวรอดออกมาได้โดยที่เรื่องนี้จะไม่ต้องถึงหูผู้เป็นพ่ออย่างเช่นทุกครั้ง เพียงแค่วันนี้ตอนหกโมงเย็น เขามีธุระที่คอนโดตัวเอง
“พวกมึงสองตัวมาร้านกูในสภาพแบบนี้อีกแล้ว” กันต์ละสายตามามองรุ่นน้องที่เพิ่งขับรถมาจอดหน้าอู่ของตัวเอง ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ เพราะภาพแบบนี้เขาเห็นจนชิน “ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาอีก?”
“พวกไอ้ไวท์ แข่งรถแพ้ไอ้ฟารันแล้วพาล” เซนต์ตอบก่อนจะพึมพำอีกหนึ่งประโยค “ถ้ามันกลัวแพ้มากทำไมไม่ไปท้าแข่งกับเด็กอนุบาลวะ”
“กูกลับละ กูกลับนะเฮีย” ฟารันเอ่ยบอกในตอนที่เพื่อนก้าวขาลงจากรถ แล้วหันไปเอ่ยลารุ่นพี่ตามมารยาทจากนั้นก็ขับรถออกไปทันที
“มันรีบไปไหน” กันต์เอ่ยพึมพำเสียงเบาในขณะที่มือยังถือประแจซ่อมรถ
“ช่วงนี้อาจารย์ให้การบ้านเยอะ สงสัยมันรีบกลับไปทำ”
“ถ้าไอ้ฟารันขยันอย่างที่มึงว่าจริงๆ กูลาบวชให้หนึ่งพรรษา”
“หึ” เซนต์ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วก้าวเดินไปนั่งลงเก้าอี้ที่ประจำ มือหนายกขึ้นสัมผัสมุมปากตัวเองอีกครั้ง “พวกเวรเอ๊ย”
@The Base Condo
หญิงสาวหมุนตัวเดินไปที่ลิฟต์หลังจากแขวนกระเป๋าผ้าที่มีเสื้อชอปวิศวะอยู่ในนั้นไว้ที่ประตูห้องของฟารัน ซึ่งจังหวะนั้นประตูลิฟต์ก็ถูกเปิดออกพอดี เธอจึงขยับไปฝั่งขวามือเพื่อเปิดทางให้คนที่อยู่ด้านในเดินออกมาก่อน
“พี่ฟารัน…” ซินเนียร์เบิกตาโตด้วยความตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่เดินออกมาคือเจ้าของเสื้อชอปตัวนั้น ทว่าบนใบหน้าคมคายมีแผลที่มุมปาก แต่เมื่อเห็นสายตาของฟารัน เธอจึงรีบปรับเปลี่ยนท่าทางให้กลับมาปกติเช่นเดิม “…ซินเอาเสื้อมาคืนค่ะ”
“…” ชายหนุ่มเบนสายตามองไปที่ประตูห้องพักตัวเองแล้วพยักหน้าหนึ่งทีอย่างรับรู้
“หน้าพี่ไปโดนอะไรมาคะ”
“…”
“ขอโทษค่ะที่ถาม ถ้างั้นซินขอตัวนะ ขอบคุณที่ให้ยืมเสื้อค่ะ”
“โดนต่อย”
“อ้อ…” เธอหยุดฝีเท้าอีกครั้งเมื่อเขายอมตอบ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจ
“มีอุปกรณ์ทำแผลไหม”
“มีค่ะ แต่อยู่ที่ห้องซิน พี่จะเอาเหรอ?”
“ยืมได้ไหม ที่ห้องไม่มี”
“ได้ค่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวซินไปเอามาให้นะ”
“รบกวนไหม?”
“ไม่รบกวนค่ะ ช่วยกัน เมื่อวานพี่ฟารันก็ให้ซินยืมเสื้อ” คนตัวเล็กคลี่ยิ้มหวาน “ถ้างั้นเดี๋ยวซินไปหยิบมาให้นะ”
“อือ…” ฟารันส่งเสียงครางตอบแล้วก้าวเดินผ่านหน้าหญิงสาวไปที่ห้องพัก มือหนาหยิบกระเป๋าผ้ามาถือแล้วสัมผัสรหัสผ่าน แต่เมื่อได้ยินเสียงลิฟต์ปิดลงจึงเบือนใบหน้าไปมองครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง
ร่างสูงเดินไปวางของลงบนโต๊ะหน้าโซฟาตัวยาวแล้วคว้าบุหรี่ราคาแพงออกไปจุดสูบที่ระเบียงห้องพัก เป็นจังหวะที่เสียงการแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี เขาจึงหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงพลางพ่นควันบุหรี่ให้ลอยคละคลุ้ง
LINE… สันติไม่ใช่ทางออก (4)
Siena : เรื่องที่พวกมึงบอกให้กูไปสืบ รู้แล้ว
Siena : น้องซินเนียร์โสด
Justin : สืบจากไหน?
Siena : สมาย เพื่อนน้อง
Siena : พวกมึงมีแผนชั่วร้ายอะไร คิดจะทำอะไร?
Saint : (ส่งรูป)
Saint : คืนนี้ไปแดกเหล้าล้างแผลหน่อยดีไหม
Siena : ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาอีกแล้ว?
Justin : (ส่งรูป)
Justin : ไอ้ไวท์มันลงสตอรี่แผล แสดงว่า?
Saint : เออ มันมาดักหาเรื่องตอนที่กูกับไอ้ฟารันไปร้านเฮียกันต์
Siena : มิตรไม่มีแต่ศัตรูมีเป็นพัน (อิโมจิกุมขมับ)
Faran : เรื่องนั้น มั่นใจแค่ไหน @Siena
Saint : ไอ้นี่ก็สนใจเรื่องเดียว วนอยู่แค่กับน้องและคณะบริหาร
Siena : เพื่อนน้องบอกโสดก็โสดไหม ถ้าไม่มั่นใจก็ไปถามน้องเอง
Siena : สรุปพวกมึงจะทำอะไร?
Siena : กูไม่เชื่อว่าคนอย่างไอ้ฟารันจะจีบน้อง มึงมีแผนอะไร จะบอกหรือให้กูโทรฟ้องพ่อมึงว่ามึงไปมีเรื่องมาอีกแล้ว? @Faran
เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากเก็บโทรศัพท์ใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกงเช่นเดิมในขณะที่ริมฝีปากยังพ่นควันบุหรี่ออกมา