ตอนที่ 5

1427 คำ
หลังจากกลับมาจากบ้านร้าง มู่ฟ่านปิงกินข้าวเช้ากับพี่ชายของเธอแล้วเข้าห้องนอนพักผ่อนเพราะเธอรู้สึกเหมือนจะไม่สบาย พี่ชายเอายาให้น้องสาวกินวันนี้คงต้องขาดงานเพราะมันจำเป็น ถ้าเถ้าแก่ไล่ออกคงต้องหางานใหม่ทำเพราะเขาเองก็ไม่สามารถทิ้งน้องสาวเอาไว้คนเดียวได้เพราะเธอเจอเรื่องเลวร้ายมากมายในคืนเดียว มู่หยางนั่งคิดเขามีกันกับน้องสาวสองคนตั้งแต่พ่อแม่เสียชีวิตไปสองพี่น้องดิ้นรนเอาตัวรอดมาโดยตลอด มู่หยางนั่งคิดคนเดียวเรื่อยเปื่อยและคอยมองเข้าไปประตูห้องที่น้องสาวนอนพักอยู่ เขาจึงตัดสินใจเดินไปที่หลังบ้านเอาอาหารไปให้ไก่และรดน้ำผักที่หลังบ้านแทนน้องสาวทุกอย่าง ที่ดินทำบ้านที่พ่อกับแม่ทิ้งเอาไว้ให้แบ่งออกเป็นที่บ้านสองหมู่ อีกสี่หมู่พ่อกับแม่ก็ล้อมรั้วเอาไว้ให้อย่างดีที่ติดกับที่ดินของบ้านแต่สองพี่น้องใช้เพียงพื้นที่หลังบ้านปลูกผักเอาไว้กิน นอกนั้นเป็นผลไม้ที่พ่อแม่ปลูกทิ้งเอาไว้ให้ก่อนที่ท่านทั้งสองจะเสียชีวิตไป เวลาวันหยุดสองพี่น้องจะช่วยกันตัดหญ้าอยู่เป็นประจำวันนี้รอบบ่ายมู่หยางจึงคิดจะเข้าไปตัดหญ้าเสียหน่อยไหนๆก็หยุดงานแล้ว มู่ฟ่านปิงเข้าห้องนอนหลับเป็นตายด้วยความเหนื่อยหล้า แม้มื้อเที่ยงเธอก็ไม่ตื่นขึ้นมากินเพราะตอนเช้าเธอกินไปเยอะมากพอนอนไปสักพักก็ฝันเห็นเจ้าของร่างเดิมมาลาและฝากให้ช่วยดูแลพี่ชายใหญ่ด้วยและบอกว่า "เราสองคนคือคนๆเดียวกันแต่อยู่คนละภพหมดเวลาของฉันแล้ว ต่อไปเป็นเธอนะพีระดาที่ต้องรักษาสิ่งที่พ่อแม่สร้างเอาไว้ให้นำความรู้ที่ติดตัวของเธอมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ร่างกายของเราอ่อนแอส่วนเธอแข็งแรงทุกอย่าง ฉันจะไปรออยู่กับพ่อแม่ก่อนนะฝากพี่ใหญ่ด้วย" พูดจบร่างของมู่ฟ่านปิงก็ยิ้มให้พีระดาก่อนจะค่อยๆเลือนหายไป ทำไมต้องเป็นเราที่ตายแค่เหนื่อยที่ต้องไปทำงานนอกสถาณที่ติดกันหลายสิบวัน พีระดาเป็นนักออกแบบเครื่องประดับของบริษัทของพ่อแม่ตัวเองตั้งแต่ที่พวกท่านเสียชีวิตมาหลายปี ออกแบบให้กับบริษัทของตัวเองเธอมีคนงานที่ไว้ใจให้ดูแลและขายตามห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง การออกแบบที่ทันสมัยและเข้าถึงกลุ่มเด็กวัยรุ่นทำให้แบรนด์ของเธอติดตลาดตีตลาดได้ตรงกลุ่มเป้าหมายขายในออนไลน์อีก เรียกเธอได้ว่าสาวสวยร่ำรวยเป็นอย่างมาก ปีนี้เธออายุแค่ยี่สิบแปดที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยมีเงินในธนาคารเป็นร้อยๆล้านและชอบทำบุญแต่ยังโสดไม่มีเวลาให้กับคนรักจนเขาหนีไปแต่งงานหมดแล้ว นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปสักพัก "ขนาดในชีวิตของร่างเดิมเพียงแค่สิบแปดปีเต็มจะแต่งงานในอีกไม่กี่เดือนที่จะถึง เหอะคนสมัยนี้เขาแต่งงานกันเร็วมิน่าลูกถึงโตทันใช้ยังไม่เห็นโลกภายนอกเลยต้องมาอยู่บ้านเลี้ยงลูกอยู่บ้าน หมดกันชีวิตที่เริดหรูของเรา แล้วเราตายแล้วก็ไม่มีอะไรติดตัวมาอีกนอกจากความทรงจำของตัวเอง นี้พวกท่านจะไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือใครจะคิดว่านิยายที่เคยอ่านไปหน่อยหนึ่งที่นางร้ายตายตั้งแต่เริ่มเรื่องพออ่านถึงตอนที่นางร้ายตายไอ้เราก็โยนทิ้งทันทีจึงไม่รู้เนื้อเรื่องของนิยายว่าเดินเรื่องไปต่อเช่นไร แต่เราดันมาตายแล้วยังเข้าร่างนางร้ายนี้อีก ข้าไม่ยอมนะพวกท่านช่างไมยุติธรรมต่อวิญญาณของสาวสวยอย่างพีระดาคนนี้บ้างเลย เงินในบัญชีของหนูและสมบัติมากมายยังไม่ได้ใช้เลยนะคะท่านยม!!!" พีระดาร้องตะโกนโวายวายในความฝันของตัวเอง "เอาละนังหนูไม่ต้องบ่นข้ามากนักหรอก สมบัติเงินทองของหนู ฉันใส่มันเข้าไปไว้ในมิติให้เธอหมดแล้วแต่มันเป็นของยุคนี้ อะไรที่เธอเคยซื้อบริจาคทุกอย่างมันก็มาในมิติของเองหมดแล้ว เอาละข้ามาบอกเธอแค่นี้ละข้าไปก่อน " พอเสียงท่านยมเงียบสักพักก็ดังขึ้นอีก " อืมเกือบลืมดูปานรูปพระจันท์ที่หลังแขนของเอ็งนังหนูนั้นคือสื่อกลางของสมบัติมิติ ของในมิติเอาออกมาใช้ไม่มีวันหมดไม่เน่าเสียและข้ายังใจดีให้เจ้าพาคนที่ไว้ใจเข้าไปได้นะและไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยหรือความลับจะมีเพียงเธอคนเดียวที่มองเห็นและเข้าได้ ถ้าเอ็งไม่อณุญาตใครก็เข้าออกไม่ได้ เอาละถึงเวลาที่เราต้องไปแล้วใช้ชีวิตให้มีความสุขจนกว่าจะสิ้นอายุไขของร่างนี้ ตอนนี้พวกเจ้าหลอมรวมกันแล้ว" ท่านยมบอกเธอก่อนจะเสียงจะหายวับไปเรียกก็ไม่ออกมาอีกพีระดาตื่นขึ้นมาเหงื่อไหลเต็มหน้า พอตั้งสติได้เธอจึงลองมองหาปานรูปพระจันท์และก็มีจริงๆด้วยเพียงแค่คิดเข้าออกตามที่ท่านยมบอกพีระดาก็เข้ามาในมิติของตัวเอง "โอ๊ะแม่จ้าสมบัติของเราจาพภพเดิมเต็มไปหมด" สมบัติส่วนตัวของเธอมีเยอะมาก ทั้งคอนโดหรูของตัวเองที่มีทุกสิ่งทุกอย่างสามห้องนอน หนึ่งห้องทำงาน แม้แต่ห้องออกกำลังกายก็มี มันก็คือบ้านหลังใหญ่ดีๆนี้เอง เพราะเธอซื้อยกชั้นแลกกับความแพงหูฉี่ แต่สำหรับพีระดาชิลๆเพราะสมบัติของแม่กับพ่อเยอะมากเพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวสมบัติมากมายจึงตกเป็นของเธอเพียงคนเดียวที่พวกท่านสร้างเอาไว้ให้ก่อนที่จะเสียไ เพราะเครื่องบินตกตอนไปดูงานที่ต่างประเทศตอนที่เธอพึ่งจะเรียนจบใหม่ จึงต้องออกมาดูแลต่อจากพ่อกับแม่จนประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย พอสำรวจจนพอใจแล้วจัดการอาบน้ำกินข้าวจนอิ่มแล้วจึงออกมาจากในมิติ เรื่องนี้ค่อยบอกพี่ชายทีหลังก็แล้วกันนี้เรานอนยันค่ำเลยนะเนี้ย ออกไปทำอาหารให้พี่ชายกินรอบเย็นดีกว่า มู่ฟ่านปิงคิดก่อนจะเดินออกมาจากในห้องนอนเกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว ส่วนมู่หยางที่กินตอนบ่ายและแบ่งให้น้องสาวเออาไว้ตอนที่เขาเคาะห้องเรียกน้องมากินข้าวเธอบอกไม่หิวจะออกมากินเองและไม่ต้องห่วงเธอ เธอไม่คิดสั้นอย่างแน่นอนแต่อยากนอนพักเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนเลย โดนไอ้บ้าเสิ่นเฉินซานรังแกทั้งคืนตื่นมายังปากหมาด่าให้เราอีก เธอคิดด้วยความโกรธตอนเข้าห้องไปนอนพักในห้องของตัวเอง ส่วนมู่หยางเดินออกจากตัวบ้านเปิดประตูไปก็ได้ยินเสียงเรียกจากหน้าบ้านจึงเดินไปดูเห็นเสิ่นเฉินซานยืนอยู่หน้าบ้านและเอาอาหารมาให้มู่ฟ่านปิงกับยา ถามหาน้องสาวของเขาเป็นอย่างไรบ้างเขาจึงบอกว่าเธอขอนอนพักเพราะเหนื่อยและขอบใจชายหนุ่มไป เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้วและชายหนุ่มก็ขอโทษเขาแล้ว ติดที่น้องสาวของเขายังโกรธมาก มู่หยางรับเอาอาหารเข้าไปไว้ในตู้กับข้าวให้น้องสาว ส่วนเสิ่นเฉินซานที่ยืนอยู่หน้าบ้านถามอะไรมู่หยางไปเรื่อยเพื่อผูกมิตร "จะทำอะไรต่อหรือ" ชายหนุ่มจึงตอบไปว่า "จะตัดหญ้าที่สวนผลไม้เพราะไม่ได้ไปทำงานจะอยู่เป็นเพื่อนฟ่านปิงทั้งวัน" มู่หยางตอบเสิ่นเฉินซานชายหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงขอไปช่วยงานพี่ชายของมูฟ่านปิงด้วย มู่หยางก็ไม่ขัด "อยากช่วยก็ตามมา" สองหนุ่มจึงลงมือตัดหญ้าจนค่ำมืดทั้งสองคน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม