แต่อำนาจของกำปั้น ยังไงก็ไม่มีทางเอาชนะอำนาจของเงินตราได้จริงหรอก วันนี้ชกต่อยชนะแล้วไง พรุ่งนี้ที่ไปของพวกเขาอาจเป็นการโดนขุดประวัติแบบถอนรากถอนโคนแล้วเน่าตายอยู่ในคุกก็ได้
แม้ใจจะโกรธ แต่ปากก็ต้องยิ้มออกมา และค้อมตัวก้มต่ำอย่างนอบน้อมอยู่อย่างนั้น
“ครับเสี่ย... เอาไว้คราวหน้าถ้าไม่อยากมาทวงหนี้เอง เรียกใช้พวกผมได้นะครับ นี่นามบัตรผมครับ”
เตวิชไม่สนใจกระดาษแผ่นเล็กที่หัวหน้านักเลงส่งมาให้ เขาเดินผ่านชายร่างใหญ่ตรงไปที่ประตูบ้าน ก่อนจะหันไปมองคนพวกนั้นเป็นเชิงไล่
“กลับก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
เมื่อชายทั้งห้าเดินห่างออกไปแม้จะด้วยสีหน้าไม่พอใจ เตวิชก็ไม่สน เขาหันกลับมามองประตู แล้วยกมือขึ้นเคาะเสียงดัง
แต่ก็เงียบ... ไม่มีใครมาเปิด
ชายหนุ่มจับลูกบิดประตูเขย่า ก็พบว่าถูกล็อกจากทางด้านใน เตวิชสบถด้วยความหงุดหงิดรำคาญ ก่อนจะเดินไปตรงหน้าต่างที่แตก แล้วเอื้อมมือเข้าไปปลดล็อกหน้าต่าง
ครืด!
“กรี๊ด!”
สิ้นเสียงหน้าต่างถูกเลื่อนเปิด ก็มีเสียงผู้หญิงกรีดร้องจากด้านในตัวบ้าน เตวิชชะงักเล็กน้อย จิตใต้สำนึกฝั่งดีพยายามร้องบอกว่าที่เขากำลังทำมันผิดกฎหมาย เป็นการบุกรุกยามวิกาล
แต่จิตใต้สำนึกอีกฝั่งก็ตะโกนออกมาว่าช่างแม่ง! คนบ้านนี้ขโมยของเขาได้ ชายหนุ่มก็จะเข้าไปเอาของของเขาคืนตอนไหนก็ได้เหมือนกัน!!
ดังนั้นร่างสูงจึงปีนเข้าไปในบ้านหลังเล็กอย่างง่ายดาย และตอนที่เขากำลังหาปุ่มเปิดไฟ เตวิชก็ได้ยินเสียงฝีเท้าย่องมาอย่างแผ่วเบาจากทางด้านหลัง
ชายหนุ่มหันไปมอง เห็นเป็นเงาร่างของคนตัวเล็กกำลังใช้สองมือยกอะไรบางอย่างขึ้นเหนือศีรษะ และกำลังจะฟาดใส่เขา!
สัญชาตญาณทำให้เตวิชยกมือขึ้นรับทันที ก่อนจะกระชากไม้ตียุงไฟฟ้าออกมาจากมือน้อย เมื่อเธอหันหลังเหมือนจะหนี ชายหนุ่มก็หรี่ตาลง แล้วกระชากข้อมือบอบบางจนร่างแน่งน้อยเซมาชนอกเขา
“ว้าย!”
ณจันทร์ร้องอุทานด้วยความตกใจ เนื้อตัวของสาวน้อยสั่นเทาไปหมด เพราะคิดว่าเขาคือพวกนักเลงทวงหนี้นั่น! แต่ต่อให้เขาไม่ใช่พวกนั้น คนที่จู่ๆ ก็ปีนเข้าบ้านคนอื่นในยามวิกาลแบบนี้ ยังไงก็ไม่ใช่คนดีแน่
“ปล่อยนะ ช่วยด้วย! อื้อ!”
ชายหนุ่มทิ้งไม้ตียุงลงกับพื้น ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากเธอไว้เพราะไม่อยากให้ยัยหัวขโมยนี่โวยวายจนเป็นเรื่องใหญ่ แต่ณจันทร์ก็กัดมือเขา!
เตวิชสะบัดมือด้วยความเจ็บ ตอนนั้นเองที่แว่นตาของสาวน้อยตกลงพื้น แล้วเขาก็เหยียบมันร้าวคารองเท้ามอคคาซินสีดำ สิ้นเสียงแกร่บ! ชายหนุ่มก็เหลือบไปเห็นจุดเรืองแสงสีฟ้าของสวิตช์ไฟอยู่ใกล้ๆ
เขาปล่อยมือจากเอวบางแล้วเอื้อมไปกดเปิดไฟ เมื่อร่างกายเป็นอิสระ ณจันทร์ก็ยกเท้าขึ้นกระแทกเท้าเขา แล้วผลักชายหนุ่มออกเพื่อจะวิ่งหนีไปซ่อนตัวที่ไหนก็ได้ ที่ปลอดภัยกว่าในบ้าน
แต่เขาก็กระชากแขนเธอกลับมาอีกครั้ง!
คราวนี้เพราะไฟสว่าง ดวงตาแดงระเรื่อบวมเป่งของสาวน้อยจึงสบประสานกับเขาพอดี เตวิชมองดวงตาคู่หวานของเธอด้วยความรู้สึกเหมือนถูกสะกด แพขนตางอนยาวมีหยดน้ำติดอยู่ตรงปลาย น่าลูบออกเบาๆ ไหนจะจมูกโด่งเชิด ริมฝีปากอวบอิ่มจิ้มลิ้มน่ารัก แก้มป่องๆ นั่นอีก
น่ารักอย่างกับตุ๊กตา...
ตอนเธอเป็นเด็ก อายุเท่าลูกของหิรัญจะน่ารักขนาดไหนกันนะ ต้องน่าอุ้มมากแน่ๆ
เตวิชเหมือนจะคิดเพ้อๆ ด้วยความเมา ในขณะที่ณจันทร์เงยหน้ามองเขา แม้ว่าแว่นจะหล่นไปแล้ว แต่เพราะใบหน้าของเขาอยู่ใกล้พอที่สายตาสั้นไม่มากของเธอจะมองเห็น ดวงตาดุดันคู่นั้นที่ช่างคุ้นตา โครงหน้าคมคายที่ลืมยาก และเมื่อลองสูดหายใจอีกครั้ง กลิ่นแอลกอฮอล์ก็ปะปนมากับกลิ่นน้ำหอมที่เธอจดจำฝังใจจากในร้านของศรีนวล
“เธอขโมยของของฉัน ขายไปหรือยัง”
ที่จริงเตวิชจะพูดว่า ‘ขโมยโทรศัพท์’ แต่เพราะเขาเมามากจนงงว่าของนั่นเรียกว่าอะไรวะ จึงถามไปแบบนั้น ฝ่ามือของเขากำแขนเธอแน่นขึ้นเพราะกลัวว่าณจันทร์จะหนี จนสาวน้อยหรี่ตาด้วยความเจ็บ
“คุณหมายถึงอะไรคะ”
ถึงแม้จะรู้ว่าเขาไม่ใช่พวกทวงหนี้นอกระบบ แต่ณจันทร์ก็ไม่มั่นใจว่าชายหนุ่มเป็นหนึ่งในเจ้าหนี้ของแม่หรือเปล่า เพราะเท่าที่เธอรู้ เพื่อนแม่หลอกให้เซ็นเอกสารไปเยอะมาก
เขารวยนี่นา เขาอาจจะปล่อยหนี้นอกระบบเหมือนกันก็ได้ แค่เขาเพิ่งจะมาทวงวันนี้ หรืออาจจะจ้างคนอื่นทวงมาตลอด
“นี่ขโมยของเยอะจนจำไม่ได้เลยเหรอ หา!”
เตวิชเริ่มขึ้นเสียงด้วยความโมโห แต่ผลคือสาวน้อยตรงหน้าเขาน้ำตาตกเผาะ ร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
ไม่ไหว ณจันทร์ทนไม่ไหวแล้ว...
ตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่องกับแม่ สาวน้อยก็เอาแต่เฝ้าแม่อยู่ที่โรงพยาบาลทุกวัน มีบ้างที่กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเอาของใช้จำเป็นไปโรงพยาบาล วันนี้เธอก็เอาผ้ากลับมาซัก แล้วเจอพวกทวงหนี้นอกระบบมาล้อมบ้านตั้งแต่ตอนเย็น จนออกไปไม่ได้
คนแถวนี้ก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของเธอกับแม่ เพราะกลัวว่าจะเดือดร้อนไปด้วย
ไม่มีใครช่วยเธอเลย ไม่มี!!
ถึงแม้จะรู้ว่าควรจะช่วยเหลือตัวเองให้ได้ แต่ณจันทร์ก็เป็นแค่เด็กสาวตัวเล็กๆ จะมีแรงไปสู้รบตบมือกับพวกนักเลงทวงหนี้ได้ยังไง...
พอตกดึก ณจันทร์ที่รอให้พวกนักเลงกลับไป ก็ได้ยินพวกมันคุยกันว่าจะงัดบ้านเข้ามาข่มขืนเธอที่อยู่บ้านคนเดียว สาวน้อยหวาดกลัวจนรู้สึกเหมือนจะตายในทุกวินาที
แล้วผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ยังจะมาเอาอะไรจากเธออีก เธอไม่มีอะไรจะให้ใครแล้ว ไม่มีแล้ว!
“หนูไม่มีอะไรจะคืนให้คุณ ออกไปซะที ไม่อย่างนั้นหนูจะโทรแจ้งตำรวจ!”
“ด้วยโทรศัพท์ของฉันน่ะเหรอ?”
ในที่สุดเตวิชก็คิดออกว่าของสิ่งนั้นเรียกว่าอะไร แต่ณจันทร์ก็ยังไม่เก็ตอยู่ดี เธอจะใช้โทรศัพท์ของเขาโทรเรียกตำรวจทำไม
นี่เขาเมาหรือเขาเพี้ยนกันแน่เนี่ย!
หลังจากคิดว่า ‘แม่นี่น่ารัก’ สลับกับหงุดหงิดที่เธอไม่คืนโทรศัพท์เขามาหรือบอกว่าขายให้ใครไปแล้วหรือยังสักที ชายหนุ่มก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าเสื้อยืดที่เธอสวม มันเป็นแบบมีกระดุมตรงอกเสื้อสองเม็ด
แล้วตอนนี้กระดุมก็หลุดทั้งหมด น่าจะจากที่โรมรันกันเมื่อครู่นี้ เผยให้เห็นเนินอกเบียดชิด ขาวอวบ นวลเนียน...
“อ๊ะ!”
ณจันทร์อุทานด้วยความตกใจเมื่อเธอเพิ่งรับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่แข็งและใหญ่เหมือนสากหิน! ที่จู่ๆ ก็กระทุ้งตรงท้องน้อยของเธออย่างป่าเถื่อน หัวใจสาวน้อยหล่นวูบเมื่อคิดว่าเขาพกปืนมาด้วย
แต่แล้วความที่เป็นเด็กหัวไว ณจันทร์ก็คิดขึ้นมาได้ว่าไม่มีใครเขาใส่ด้ามปืนไว้ตรงนั้น...
ตรงกลางกายของชายหนุ่มฉกรรจ์ จุดที่ใกล้กับเป้ากางเกง!