เวลาผ่านล่วงเลยมากว่าหนึ่งปีที่กรวลัยใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ เธอชดใช้ความผิดพลาดที่ตัวเองก่อ อดทนกับความโดดเดี่ยว ความยากลำบาก ทนนอนเบียดเสียดรวมกันกับเพื่อนนักโทษไม่ว่าจะหน้าหนาวหรือร้อนก็ต้องข่มตานอนให้หลับ อีกทั้งมีพวกตั้งตนเป็นใหญ่คอยกลั่นแกล้งเธอโดยตลอดแม้จะอยากจะตอบโต้สักแค่ไหนแต่เมื่อนึกถึงใบหน้าเศร้าหมองของพ่อแม่ เธอต้องก้มหน้ายอมขอโทษมันตลอดเพื่อให้ข้ามวัน ต้องทานอาหารที่ทางเรือนจำจัดให้เพื่อการอยู่รอด เพราะพ่อแม่เธอไม่ได้ร่ำรวยพอที่จะส่งเงินมาให้เธอซื้อกินของที่ถูกปาก แค่ท่านมาเยี่ยมเดือนละครั้งเธอก็ดีใจมากโขแล้ว กำไลว่างจากกิจกรรมฝึกงานวิชาชีพมาขลุกอยู่ในห้องสมุดเป็นส่วนใหญ่ใช้ปากกาและสมุดบันทึกเป็นเพื่อนแก้เหงา
และข่าวที่ดีที่สุดในการเป็นนักโทษหญิงชั้นเยี่ยม คือเธอได้รับการลดโทษและออกมาใช้ชีวิตอิสระในวันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้แล้วสินะ
ที่เธอจะได้ออกมาใช้ชีวิตอิสระเสียที
“ฉันจะทำทุกวันให้มีความสุขที่สุด”
พึ่บบ
เธอปิดสมุดบันทึกเสียงดัง
..ลาแล้วนะ สมุดบันทึกชีวิตการเป็นอยู่ในแต่ละวัน
แน่นอนว่า หนึ่งวันของที่นี่กับโลกภายนอก เธอรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหมือนกับว่าเธออยู่มาเป็นสิบๆปี
เธอแจ้งข่าวดีให้สายป่านทราบตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว โดยไม่บอกพ่อแม่เพราะเธอต้องการจะเซอร์ไพรส์พวกท่านกะว่าจะเข้าไปสวมกอดตอนที่ท่านก้มหน้าเก็บองุ่นให้ดีใจกันไปเลย สัญญาว่าจะถางหญ้า เก็บองุ่น และช่วยงานเอกสารคุณสายธารอย่างขยันขันแข็งมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า
“นังกำไลจะได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว”
ริมฝีปากซีดเซียวคลี่ยิ้มออกมาด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง
..................
ณ ไร่ชัชวาลย์
ใบหน้าดุดันปนเหี่ยวนั่งจิบไวน์องุ่นแดง เท้าไขว่ห้างเอ่ยเสียงเรียบปนแค้นขณะออกคำสั่งแก่ลูกน้องสองคน
“พรุ่งนี้มันจะออกจากคุก พวกมึงเตรียมดักยิงอีเด็กนั่น
..อย่าให้พลาดล่ะ”
“ครับนาย”
ชัชวาลย์ที่เพิ่งกลับจากเที่ยวผับในเมืองด้วยสติไม่เต็มร้อย เขาแอบย่องเข้าบ้านและได้ล่วงรู้ถึงแผนการของผู้เป็นพ่อที่ต้องการแก้แค้นให้กับน้ำชาผู้เป็นพี่สาวของเขา โดยการลอบยิงกรวลัย สาวชาวไร่ที่เขาเคยสะดุดตาและหลงรักหล่อนตั้งแต่แรกเห็นที่งานวัดเมื่อหลายปีก่อน แต่หล่อนดันหักหน้าเขาโดยการเดินหนีลูกชายเสี่ยใหญ่ที่อุตส่าห์เดินมาขอเบอร์โทรหล่อน นับจากนั้นเขาก็ได้แต่แอบมองเธออยู่ห่างๆไม่กล้าเข้าหาเธออีกเพราะกลัวจะเสียฟอร์ม
“กำไล!"
ชัชวาลย์เบิกตากว้าง สร่างเมาในทันทีที่ทราบว่าหล่อนจะต้องมาตายด้วยน้ำมือของพ่อ
.................................................
รองเท้าแตะสีดำก้าวเท้าผ่านธรณีประตู ใบหน้าเรียวเล็กเงยหน้าขึ้นมองแสงแดดแห่งเช้าวันใหม่ที่สดใสนอกรั้วเรือนจำพร้อมสูดอากาศอันแสนจะบริสุทธิ์ ร่างผอมสวมกางเกงยีนส์ขายาวพับส่วนชายกับเสื้อยืดสีขาวเดินไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อโทรไปหาสายป่านหลังจากยืนรอเพื่อนอยู่พักหนึ่ง
“ฮัลโหล ป่าน ไม่ต้องมารับนะ เดี๋ยวฉันจะกลับเอง”
“ไม่ ฉันจะไปรับแกเอง โทษทีที่ฉันสายเพราะยุ่งกับเด็กๆอยู่”
“อืม ไม่เป็นไร รถสองแถวกำลังมาพอดี แค่นี้นะ ไม่ต้องมาหรอก”
กำไลปดเพื่อนรักแล้วรีบวางสายเดินตัวปลิวอยู่ข้างทาง รู้ว่าสายป่านกำลังยุ่งกับลูกชายคนเล็กไม่กล้าจะรบกวนเพื่อนสาวนัก ลำพังแค่ดูแลพ่อแม่เธอและแอบให้เงินอยู่ตลอดก็เกรงใจจะแย่แล้ว เธอมองผู้คนและรถที่สัญจรผ่านไปมาอย่างมีความสุข รู้สึกโล่งอกโล่งใจอย่างประหลาด ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะชวนพ่อแม่ไปทำบุญกรวดน้ำให้กับคุณโฉมฉายและคุณน้ำชาผู้ล่วงลับ แม้เธอจะเก็บงำความลับเรื่องที่เกิด โดยสาเหตุมาจากไอ้โจรที่ฉกกระเป๋าผู้หญิงจนๆอย่างเธอ ด้วยเงินเดือนที่เธอเก็บหอมรอมริบได้หลายหมื่น เธอตั้งใจจะนำเงินจำนวนนั้นไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่ฝันต้องสลายด้วยขโมยที่ดึงกระเป๋าเธอเพียงไม่กี่วินาที เธอรีบวิ่งข้ามถนนเพื่อตามมันโดยไม่คิดชีวิต หนำซ้ำยังทำให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนและสูญเสียจนถึงแก่ความตาย เหตุผลการวิ่งตามเงินของเธอกับการคร่าชีวิต2คน เธอรู้ว่ามันไม่ควรจะเอ่ยออกมาแก้ตัวนักหรอก ยังไงเสีย เธอก็ผิดทั้งขึ้นทั้งล่อง..
“เห้อ”
หล่อนถอนหายใจพรืดใหญ่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นอีกจนได้ แม้จะบอกใจให้ลืมๆไปแล้วนึกถึงอนาคตเข้าไว้
เอี๊ยดดดด
เสียงรถยนต์หรูคันสีดำแถมติดฟิล์มดำทึบรอบคันจอดขวางทางเดินของเธอจนหญิงสาวต้องชะงักฝีเท้า อีกเพียงไม่กี่ก้าวคงได้เฉี่ยวเธอแล้ว
เมื่อเห็นทีท่าไม่ดี หล่อนรีบเอี้ยวหลังกลับเตรียมวิ่งแต่ไม่ทันเท่าชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ทั้งสองที่สวมโม่งแล้วลากดึงเธอเข้าไปนั่งในรถอย่างรวดเร็ว
“ชะ ช่วยด้วย”