“โอเค...ขอบคุณมากเลยนะเดย์ ว่าแต่นี่มันก็เย็นมากแล้วจะหมดเวลาเฝ้าไข้ใกล้จะกลับหรือยังล่ะ”
“ที่ถามนี่ก็คงจะเหงาใช่ไหมนางกระต่าย” แดนสรรลุกขึ้นและเดินเข้ามาหามัสลินที่จัดเสื้อผ้าของเธอให้เรียบร้อยหลังจากที่ยายหนูกินนมจนอิ่มและดูเหมือนว่าจะหลับไปแล้วยังขยับตัวได้ลำบากเพราะยังเจ็บแผลผ่าตัด ฉะนั้นแล้วแดนสรรจึงเป็นคนช่วยยกแม่หนูกระต่ายน้อยขึ้นและวางไว้ในรถเข็นเด็กที่อยู่ข้าง ๆ เตียงของเพื่อนสนิทเขาก้มลงดูแม่หนูน้อยตัวเล็กและยิ้มกริ่ม
“โอ๊ย! ลูกแกนี่มันน่ารักน่าชังจริง ๆ เลยนะแล้วก็จ้ำม่ำดูสิแขนขาแน่นเป็นปล้อง ๆ เลย เนี่ยสงสัยคงได้รับ DNA หล่อสวยมาจากพ่อแม่ โตขึ้นละแกเอ้ยน่าจะส่งประกวดนางงามได้เลยนะเนี่ย”
“รับแค่ความสวยของฉันไปเท่านั้นก็พอไม่ต้องพูดถึงพ่อของลูกกระต่ายหรอกเขาก็ให้แค่น้ำเชื้อ แต่ไม่ได้ช่วยดูแลและไม่ได้ให้จิตวิญญาณกับลูกกระต่ายของฉันซะเมื่อไหร่”
“ลิน...แกนี่ก็เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกันนะแล้วแบบนี้ถ้าเกิดเข้ามาขอคืนดีแกจะยอมคืนดีกับเขาไหม”
บทที่ 6
“ความเป็นไปได้แค่ 0 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นแหละเดย์ มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาทิ้งฉันตั้งแต่ที่เขาไม่ต้องการภาระผูกพันและการที่เข้ามาทำคลอดให้ฉันมันก็เป็นเรื่องที่บังเอิญมาก ๆ”
“ถ้าทางพุทธท่านว่ามันเป็นเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรเป็นเรื่องบาปบุญคุณโทษที่แกกับผู้ชายคนนั้นทำร่วมกันมาแต่ถ้าเป็นฉันก็ดีใจจะแย่ได้ทำบุญร่วมชาติกับผู้ชายหล่อถึงขนาดนั้น นี่นะถ้าฉันเป็นแกน่ะแล้วคุณหมอหัสวีร์มาขอคืนดีฉันก็จะบอกเลยว่า ยินดีค่ะยินดีที่จะตอบรับการขอคืนดีของคุณหมอนะคะ”
“อย่าระริกระรี้ได้ไหมเดย์ แกต้องแสดงตัวว่าเป็นเพื่อนของฉันและเป็นผู้ชายที่ดีกับฉันมากที่สุดในตอนนี้รู้ไหม”
มัสลินพูดจบแดนสรรก็นิ่วหน้า “หมายความว่ายังไงวะ นี่แกจะไม่ให้ฉันแสดงธาตุแท้ของฉันให้ผู้ชายเห็นอย่างนั้นเหรอ?”
“เดย์...ถ้าแกรักและหวังดีกับฉันแกก็ต้องคอยปกป้องฉันสิเรื่องอะไรจะให้คนอื่นก้าวเข้ามาในวัฏจักรชีวิตของฉันทั้งที่ฉันไม่เต็มใจ ฉันไม่รู้หรอกว่าพี่วีร์เขากำลังคิดอะไรแต่ฉันไม่ต้องการที่จะกลับไปคืนดีกับเขาอีกแล้ว”
“แต่ที่แกพูดเมื่อกี้เหมือนกับว่าก็อยากจะให้ฉันแสดงตัวเป็นแฟนกันอย่างนั้นแหละ”
“ใช่...ถูกต้องเลยเดย์ แกต้องทำตัวเป็นผู้ชาย เป็นแมนเต็มร้อยแล้วก็แสดงเหมือนกับว่าเป็นห่วงฉัน และรักฉัน ฉันอยากจะให้พี่วีร์เห็นว่าฉันก็มีผู้ชายคนใหม่ที่รักและใส่ใจฉันมากกว่าเขา”
“คิดแล้วขนลุกชะมัด แล้วนี่ฉันต้องทำตามที่แกขอร้องอย่างนั้นเหรอ”
“มาถึงขนาดนี้แล้วแกต้องช่วยฉันนะเดย์ ถ้าแกไม่ช่วยฉันก็แสดงว่าการไม่ได้รักเพื่อนจริง”
“เหมือนขู่เลยว่ะ...เออ ๆ...ก็ได้ อะไรกันเนี่ย นี่ฉันต้องพลาดรักจากผู้ชายสุดหล่อและเก่งอย่างหมอหัสวีร์เหรอเนี่ย” แดนสรรทำหน้าง้ำ แต่สำหรับมัสลินแล้วมันเป็นเรื่องปกติเหลือเกินสำหรับเธอและเพื่อนสนิทที่พูดคุยกันได้ทุกเรื่องเธอรู้ดีว่าแดนสรรค์ก็บ่นไปอย่างนั้น แต่เมื่อถึงเวลาเขาก็ช่วยเหลือเธอทุกครั้งหลังจากนั้นอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแดนสรรก็กลับออกไปเหลือเพียงแต่เธอกับลูกน้อยในห้องเพียงสองคน หลังจากนั้นไม่นานนางพยาบาลก็เข้ามาดูอาการและสอบถามซึ่งมัสลินก็ให้ข้อมูลว่าเธอเจ็บแค่แผลแต่ไม่ได้มีอาการอย่างอื่นนอกจากจะเจ็บที่หน้าอกเพราะเจ้าตัวเล็กกินนมเธอทั้งวันจนกระทั่งน้ำนมไหลออกมานั่นแหละถึงได้อิ่มและหลับไปและเมื่อนางพยาบาลกลับออกไปจากห้องนั้นแล้วเธอก็ยังนอนลืมตามองลูกสาวตัวน้อยที่นอนแบะขาท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูอยู่ในรถเข็นเด็กข้างๆ เตียงของเธอ มัสลินฝีนขยับตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งหลังจากที่เริ่มรู้สึกว่าร่างกายของเธอกำลังฟื้นตัวทีละน้อย เธอยังมีอาการเจ็บแผลผ่าตัดหลังจากได้กินยาแล้วก็รู้สึกว่าหายเจ็บจากที่แผลผ่าซึ่งมัสลินก็เข้าใจว่านั่นเป็นอาการข้างเคียงที่เป็นปกติเธอไม่ได้มีอาการอื่นใดนอกจากนี้ และในขณะนั้นท้องฟ้าที่เบื้องนอกหน้าต่างก็เปลี่ยนเป็นสีเทาหม่น เวลากลางคืนคืบคลานเข้ามาและใจหนึ่งเธอกลับประหวัดคิดไปว่าหัสวีร์อาจจะไม่กลับเข้ามาในห้องนี้อีกแล้วถึงแม้เขาจะพูดก่อนออกไปว่าจะมาติดตามดูอาการของเธอในตอนเย็นแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของเขาแต่อย่างใดนอกจากนางพยาบาลที่เข้ามาสอบถามอาการและตรวจดูความเรียบร้อยก็เท่านั้น มัสลินได้แต่นั่งทอดถอนใจ นับแต่นี้ต่อไปชีวิตของเธอเหมือนการเริ่มต้นใหม่ไม่มีอะไรเหมือนเดิม ถึงแม้ต่อหน้าแดนสรรปากของเธอจะปฏิเสธว่าไม่ต้องการกลับไปคืนดีกับหัสวีร์เพราะเธอเองก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แต่ลึก ๆ ในใจก็ยังคงคิดถึงเขาอยู่ไม่เสื่อมคลาย เธอมองเห็นแววตาของคุณหมอหนุ่มที่จ้องมองลูกและเธอหลังการผ่าตัดคลอดผ่านไปหากแต่ไม่อยากบอกให้ตัวเองดีใจว่าเขาตื่นเต้นมากแค่ไหนที่ได้เห็นหน้าลูก เขาคงไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นหรอก