สาบกุหลาบ ตอนที่ 19

1152 คำ
ตอนที่ 19   ดวงตาคมเข้มมองเหม่อไปยังทิศทางของตลาดที่มองเห็นหลังคาเรือนไม้สองชั้นดำมืดอยู่ไกลๆ หัวใจร้อนรนจนอยากจะถลาออกไปจากเขตบ้านของตัวเอง แม้เสียงเพลงลูกกรุงที่ขับขานจะไพเราะจับใจจนคนฟังอยากจะพาตัวเองล่องลอยไปกับความไพเราะของเสียงนักร้อง แต่สำหรับจิตใจของเขาตอนนี้อยากจะหลีกหนีบรรยากาศงานเลี้ยงนี้เสียให้พ้น เพราะใจประหวัดถึงคนที่รอคอย ป่านนี้เธอคงรอคอยที่เขาไม่ไปหา รอหวังที่เขาจะไปรับ และสิ้นหวังที่เขาไม่ทำตามสัญญา แต่ทั้งหมดนั่นเขาไม่ได้ต้องการเลย ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงเพราะหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีและด้วยหน้าที่ของลูกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ “ตาสน.. แม่รู้เรื่องที่เราไปติดพันลูกสาวเ**กย้งแล้วนะ และหวังว่าลูกคงรู้ว่าแม่ไม่มีทางที่จะรับลูกเ**กเรือเร่อย่างนั้นมาเป็นสะใภ้” คุณนายชื่นมองลูกชายคนเดียวของเธอนิ่ง คำพูดของเธอถือเป็นประกาศิต แม้ว่าตนเองนั้นจะไม่เคยคิดรังเกียจคนต่างชาติต่างภาษา แต่จะให้ยอมรับมาเป็นสะใภ้เธอคงทำใจไม่ได้ เพราะฐานะนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว สะใภ้ที่ต้องการควรจะมาเชิดหน้าชูตาตระกูล มีเงินทองฐานะเท่าเทียมกัน ช่วยส่งช่วยเสริมกิจการตลาดให้ก้าวหน้า “คุณแม่... ทำไมล่ะครับ เราเองก็มีเชื้อจีน ทำไมลูกถึงจะรักกับน้องกุหลาบไม่ได้” “ไม่เกี่ยวว่าเป็นลูกเ**กลูกจีน เพราะน้องเอื้อยก็มีเชื้อจีนเหมือนกัน แต่ที่เกี่ยวก็คือความเหมาะสม เข้าใจมั้ยตาสน ความเหมาะสมที่น้องเอื้อยมีครบทุกอย่าง แต่แม่ดอกกุหลาบที่ลูกหลงใหลนั่นไม่มีสักนิด แม่จะไม่ยอมให้ทรัพย์สินที่ตระกูลของแม่และพ่อของลูกร่วมกันสร้างมาต้องมาถูกคนเรือเร่ล้างผลาญหรอกนะ เงินต้องต่อด้วยเงินเท่านั้น” สิ่งที่แม่ของเขาพูดไม่ต่างจากสายแส้ที่ฟาดลงกลางใจ ปกติแล้วแม่ตามใจเขาทุกอย่างไม่เคยขัดใจไม่ว่าจะเรื่องอะไรทั้งนั้น เพิ่งมีครั้งแรกที่แม่เสียงแข็งขนาดนี้ และ “น้องเอื้อย” ลูกสาวของเพื่อนที่แม่พากลับมาจากเชียงใหม่ด้วยและแนะนำให้ใครต่อใครรับทราบว่าเป็น “คู่หมั้นหมาย” ของเขา ที่พ่อแม่ตกลงกันไว้ตั้งแต่อ้อนแต่ออกก็ทำให้เขาเหมือนน้ำท่วมปาก โดยเฉพาะน้องเอื้อยนั้นก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลยสักนิด เรือนร่างสูงโปร่งดูบอบบางภายใต้เสื้อผ้าสวมใส่ที่ทันสมัยสมกับเป็นนักเรียนนอก ไม่ว่าจะเป็นเส้นผมยาวประบ่าดัดเป็นลอนอ่อนก่อนจะรวบเปิดหน้าผากกลมกลึงไว้เพียงครึ่งศีรษะ หรือจะเป็นชุดเสื้อผ้ารูปคอปาดเผยให้เห็นไหล่นวลเนียน เน้นเอวคอดและกระโปรงที่บานฟูฟ่องยาวเลยหัวเข่าก็ทำให้เธอสง่างามไม่ต่างจากเจ้าหญิงน้อยๆ ที่เคยเห็นในเทพนิยาย แม้ว่าใบหน้านั้นจะไม่ได้สวยหวานปานนางฟ้าเหมือนดั่งเหมยกุ้ย แต่ก็สวยหวานตามแบบฉบับสาวเหนือ คุณสมบัติและรูปสมบัติที่เหมาะสมสำหรับเขาทุกประการทั้งยังช่วยเสริมส่งหน้าที่การทำงานที่แม่ของเขาและพ่อของเธอได้พูดคุยกันไว้เบื้องต้นมันทำให้เขาต้องคิดหนัก “แม่และคุณพ่อของน้องเอื้อยว่าจะลงทุนทำพลาซ่าที่เชียงใหม่ เอาไว้เป็นของขวัญแต่งงานของตาสนกับน้องเอื้อยยังไงล่ะลูก ตบแต่งกันแล้วตาสนจะได้ไปช่วยน้องเอื้อยดูแล ไอ้ตลาดที่เราทำอยู่นี่จะรุ่งเรืองได้อีกกี่ปีกัน ห้างร้านก็เปิดกันให้วุ่นวาย ถนนหนทางก็เริ่มมีมากขึ้น แม่เห็นว่าเราควรจะออกไปหาที่เจริญมากกว่าจะอุดอู้อยู่กับ.. สิ่งล้าสมัยในนั้น” สิ่งล้าสมัยที่แม่ของเขาพูดถึงนั้นไม่ได้หมายถึงเพียงตลาดแน่แต่มันหมายถึงคนในนั้น คนที่ทำให้เขาร้อนใจจนต้องปลีกตัวออกมายืนรับลมอยู่ด้านนอก ทั้งที่อยากจะก้าวยาวๆ ให้พ้นรั้วบ้าน อยากไปให้ห่างจากงานเลี้ยงรับขวัญ “ว่าที่สะใภ้” ที่คุณแม่จัดขึ้นในหมู่ญาติและเพื่อนฝูง “ไม่สนุกหรือคะพี่สน” “เอ่อ.. ไม่จ้ะ พี่แค่ร้อนน่ะเลยอยากออกมารับลมด้านนอก ข้างในคนมันเยอะ พี่ไม่ค่อยชอบงานเลี้ยงงานสังสรรค์เท่าไร” สนหันมองคู่หมั้นกะทันหันของเขา คืนนี้เอื้อยดูสวยกว่าเมื่อช่วงสายที่เขาพบเสียอีก ความสวยงามที่ถูกแต่งแต้มอย่างบรรจงและความหอมจากน้ำหอมฝรั่งเศสชั้นดีโชยมาตามลมให้เขาได้กลิ่นอยู่เสมอ แต่ทำไมนะเขาถึงได้หวนหาความงามตามธรรมชาติสรรสร้าง ความงามที่ไร้การปรุงแต่งใดๆ ไม่ต้องมีเครื่องสำอางราคาแพงเธอก็สวยงามได้ปานนางฟ้า ไม่ต้องมีเสื้อผ้าอาภรณ์ทันสมัยเธอก็งดงามได้อย่างเหมาะสม และไม่ต้องมีน้ำหอมปะปรุงเธอก็หอมเสียจนเขาอยากจะตระกองกอดทั้งวันทั้งคืน “พี่สนคะ.. พี่สน.. พี่สนคะ!” “เอ่อ.. จ้ะ น้องเอื้อยมีอะไรหรือเปล่า” “เอื้อยน่ะไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณแม่ เอ๋ย! คุณป้าให้มาตามพี่สนเข้าไปในงานน่ะค่ะ แต่ดูท่าพี่สนจะไม่อยากเข้าไปเสียแล้ว พี่สนอยากจะเข้าไปในตลาดหรือคะ เอื้อยเห็นยืนมองอยู่ตั้งนาน มีใครรออยู่ที่นั่นหรือเปล่า” ใบหน้าสวยหวานตามแบบฉบับสาวเหนือมองคู่หมั้นหนุ่มที่เธอถูกใจเขาตั้งแต่แรกได้เห็นหน้าของเขาจากรูปถ่ายที่คุณป้าชื่นหยิบยื่นให้ แม้จะรู้ว่าผู้ใหญ่หมั้นหมายกันไว้แต่เธอก็มีสิทธิที่จะปฏิเสธหากไม่พอใจ เพราะครอบครัวก็ไม่ได้สิ้นไร้ถึงขนาดที่ต้องยึดถือข้อสัญญาเก่าๆ ของบรรพบุรุษ แต่เพราะถูกใจเขามากที่สุด จึงได้ตามมาโดยไม่รอช้าเมื่อคุณป้าชื่นเอ่ยชวน และก็หวังว่าความสวยจนเป็นที่เลื่องลือของเธอจะทำให้เขาพอใจเธอเช่นกัน ดังที่คุณพ่อคุณแม่บอกไว้ว่า “เงินต่อเงินถึงจะเหมาะสม” แต่กลับกลายเป็นว่าเธอต้องมารับรู้ว่าเขาติดพันลูกสาวเ**กเรือเร่ในตลาดเสียจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยากจะออกไปหานังดอกไม้นั่นจนร้อนรนไปหมด “ทำไมน้องเอื้อยถึงได้พูดแบบนั้น” วัวสันหลังหวะย่อมกลัวคนจะเห็นบาดแผล เมื่อคู่หมั้นพูดให้คิดสนก็ออกจะหวาดระแวงไม่ได้ “เอื้อยไม่ใช่คนใจแคบนะคะพี่สน” “น้องเอื้อยหมายความว่ายังไง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม