เมื่อเห็นว่าพรพันวาไม่ใช่หญิงสาวที่ตนจะรังแกได้ง่ายๆ เรญาจึงถอยกลับไปก่อนเพื่อที่จะวางแผนทำทุกอย่างอย่างรอบคอบ
ธาดายิ้มอย่างโล่งใจเมื่อภรรยาของตนสามารถจัดการสถานการณ์ตรงหน้าได้ดีกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้
“วันนี้ผมไม่เข้าบริษัทนะ” เขาบอกเธอขณะที่ภรรยาสาวกำลังหย่อนก้นนั่งลงที่โซฟาในห้องนั่งเล่น
“ค่ะ แต่ว่าวันนี้ฉันจะไปที่บริษัทของพ่อ มีรถคันไหนที่ฉันสามารถใช้ได้บ้างคะ” เธอถามเขาแล้วมองสายตาที่เป็นเชิงตำหนิของอีกฝ่าย ก่อนจะลดท่าทีลงแล้วมองสายตาคมกริบที่จับจ้องมา
“หยกอยากไปช่วยงานที่บริษัทของคุณพ่อคุณแม่น่ะค่ะ นายหัวมีรถคันไหนที่ให้หยกยืมใช้ได้บ้างคะ” เธอเปลี่ยนสรรพนามเรียกตัวเองแล้วยิ้มหวานให้สามี
“รถในบ้านหลังนี้คุณมีสิทธิ์ใช้ทุกคัน ยกเว้นคันสีฟ้าที่ผมไม่ให้ใครแตะ” เขาบอกเธอแล้วเริ่มพิจารณาอีกฝ่าย เขาเดาความคิดของหญิงสาวตรงหน้าไม่ออกเลยจริงๆ
“ผมไปด้วย”
“คะ?”
“แต่งงานกันวันแรก จะปล่อยให้เมียไปทำงาน คนอื่นจะมองผมยังไง อีกอย่างสิ่งที่คุณพูดก็ฟังเข้าท่านะ ผมจะไปคุยกับพ่อแม่ของคุณให้คุณมาทำงานเป็นผู้ช่วยผม” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนเธอไม่กล้าขัด
“งั้นหยกไม่ไปก็ได้ค่ะ คุณโทรบอกพวกท่านเลยก็ได้ แล้วเราก็ไปที่บริษัทของคุณเลยจะได้ไม่เสียเวลาดีกว่าไหมคะ” เธอโน้มน้าวด้วยรอยยิ้มหวาน ไม่อยากให้เขาไปที่บริษัทของครอบครัว
หญิงสาวกังวลว่าการไปเยือนของธาดาอาจทำให้เกิดความอึดอัดของพ่อแม่และพี่ชายของเธอ พงษ์พันธ์ต่อต้านวิธีพยุงธุรกิจโดยการส่งเธอให้แต่งงานกับธาดาและไม่มาเหยียบในงานแต่งงานเลยด้วยซ้ำ
เขาหรี่ตามองเธอที่เปลี่ยนใจกะทันหันแล้วยักไหล่เล็กน้อยด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ตามธรรมชาติ
“ตามนั้นก็ได้” เขาเห็นด้วยกับความคิดของเธอ แล้วกดโทรศัพท์โทรหาบิดาของอีกฝ่าย พูดขอให้เธอไปทำงานเพื่อเรียนรู้งานกับเขาด้วยเหตุผลที่ว่า ทำงานกับบริษัทตัวเองพนักงานอาจจะเกรงใจ เขาจึงจะเป็นคนสอนงานให้เธอด้วยตนเอง ทำให้พ่อแม่ของพรพันวายินดีเป็นอย่างยิ่ง
“หยกเป็นภรรยาคุณ เป็นนายหญิงของคนที่นั่น มันจะไม่ต่างกันเหรอคะ” เธอถามด้วยความสงสัย
“ที่นั่นคุณจะอยู่เหนือทุกคน แต่อย่าลืมว่าคุณก็เป็นรองผมอยู่ดี ผมไม่ตามใจให้คุณเสียคนแน่ ที่รัก” เขาลงท้ายด้วยสรรพนามที่ยียวนเล็กน้อย ตั้งใจจะทำให้เธอขุ่นเคืองหัวใจ
หญิงสาวใบหน้าแดงซ่านแล้วเม้มปากแน่น แสร้งทำเป็นไม่พอใจกลบเกลื่อนความตื่นเต้นในใจ
แค่ไม่กี่วันที่รู้จักกัน เธอรู้สึกหลายอย่างกับผู้ชายคนนี้เหลือเกิน ที่เขาบอกว่าความใกล้ชิดเป็นบ่อเกิดของความรู้สึกต่างๆ เห็นทีว่าจะจริง
‘บ้าจริง มาพูดให้เขินอะไรตอนนี้ อย่าออกอาการนะหยก อย่าออกอาการ’ หญิงสาวเตือนสติตัวเอง
แต่คำว่าที่รักที่เขาแกล้งเรียก เสน่ห์และใบหน้าที่หล่อเหลาคมเข้ม กับความใกล้ชิดเมื่อเช้านี้ มันทำให้เธออดใจไหวเสียเมื่อไหร่กันเล่า
ทางด้านเรญาที่กลับไปถึงบ้านที่อยู่จังหวัดที่ติดกัน เธอลงทุนขับรถไปกลับสองชั่วโมงเพื่อไปเจอหน้าเขา และกลับมาพร้อมกับความผิดหวัง
“กรี๊ด!!” หญิงสาวเข้าไปถึงห้องนั่งเล่นที่มีบิดานั่งไขว่ห้างอ่านนิตยสารอยู่ ก็ตะเบ็งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างเอาแต่ใจจนนายหัวเอกชัยต้องวางหนังสือในมือลงพร้อมกับมองหน้าลูกสาวคนเดียวของตน
“ไปโดนตัวไหนมาอีกล่ะ” คำถามประชดประชันนั้นทำให้เรญามองบิดาตาขวางอย่างคนที่ถูกขัดใจ
“เรย์ไปหานายหัวธาดามาค่ะ เขาแต่งงานจริงๆ ด้วย กับนังเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนั้น” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ นั่งกระแทกก้นลงไปที่โซฟายาวข้างๆ บิดา
มือทั้งสองกำแน่นบนตักด้วยความแค้นตามประสาคนที่ถูกตามใจทุกเรื่องตั้งแต่เด็ก พอไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการจิตใจก็ร้อนรุ่มดั่งถูกไฟเผา
นายหัวเอกชัยได้ยินก็อดโมโหไม่ได้ เขารู้ว่าเรญาชอบพอธาดาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาเองก็ตั้งใจจะเสนอให้เขาแต่งงานกับเรญาเพื่อสานสัมพันธ์ทางธุรกิจและทำให้ความฝันของลูกสาวเป็นจริง แต่อีกฝ่ายกลับชิงแต่งงานตัดหน้าไปก่อน
“แสดงว่าที่เขาลือกันว่านายหัวธาดาแต่งงานกับลูกสาวเจ้าของบริษัทส่งออกผลไม้ก็น่าจะเป็นเรื่องจริง” ชายวัยห้าสิบแปดพูดไปพลางพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
“ถ้าเขาแต่งงานไปแล้ว งั้นเราก็แค่เปลี่ยนแผนใหม่ในการหาทางร่วมมือกับเขา” นายหัวเอกชัยพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“ไม่ต้องเปลี่ยนแผนหรอกค่ะคุณพ่อ เรย์ไม่ยอมแพ้หรอก ผู้ชายอยากมีเมียคนเดียวเสียเมื่อไหร่กัน เรย์จะทำทุกอย่างให้เป็นเมียของนายหัวธาดา แล้วเขี่ยนังเมียเด็กนั่นทิ้งไป” หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง แววตานั้นดูน่ากลัวจนเอกชัยไม่กล้าขัดใจ
ตั้งแต่มารดาเธอจากไปตั้งแต่เด็ก เขาจะมีภรรยาใหม่มาเพื่อช่วยดูแลเธอ เรญาก็กรีดร้องอาละวาดอย่างน่ากลัวและทำร้ายตัวเอง เขาจึงครองตัวเป็นโสดแล้วหาความสุขนอกบ้านชั่วครั้งชั่วคราวแทน
และเพราะพฤติกรรมที่ทำร้ายตัวเองของลูกสาว ทำให้เขาต้องเลี้ยงเธออย่างตามใจ เรญาถึงได้มีนิสัยเอาแต่ใจและไม่ยอมคนแบบนี้
“อย่าใจร้อน อย่าทำอะไรวู่วาม คิดจะทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง” เขาเตือนสติลูกสาวทางอ้อม
“เรย์ยังไม่ลงมืออะไรตอนนี้หรอกค่ะ เรย์จะสืบข้อมูลของเด็กนั่นก่อน รู้เขารู้เรารบกี่ครั้งอย่างไรก็ชนะ เรย์จะไม่ยอมเสียนายหัวธาดาให้เด็กเมื่อวานซืนคนนั้นแน่ การแต่งงานนี้มันต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลัง เรย์ต้องรู้ให้ได้”
เมื่อเห็นว่าเรญาเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ นายหัวเอกชัยจึงได้แต่นิ่งเงียบ เพราะเขายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งขัดก็ยิ่งทำให้แผนการเสีย สู้อยู่นิ่งๆ คอยช่วยเหลืออยู่ข้างหลังจะดีกว่า
“แล้วแต่ลูกนะ จะให้พ่อช่วยอะไรก็บอก”
“เรย์ให้คุณพ่อช่วยแน่ค่ะ ไม่ต้องห่วง” หญิงสาวพูดแล้วยกยิ้มที่ริมฝีปากด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ แววตามองตรงไปข้างหน้าแล้วจินตนาการถึงแผนการที่เธอวางเอาไว้
เอกชัยได้แต่มองอย่างห่วงใย เขาไม่อยากยอมรับว่าลูกสาวมีปัญหาเกี่ยวกับภาวะทางอารมณ์ เป็นโรคจิตเภทอย่างหนึ่งที่ไม่เคยได้รับการรักษาอย่างจริงจัง
ในตอนนั้นเรญาไม่ยอมรับการรักษาตั้งแต่แรก และตัวเขาเองก็ไม่อยากให้ใครนินทาเธอในทางเสียหาย เพราะในสมัยก่อนการปรึกษาจิตแพทย์ถูกมองไม่ดีนัก
แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกว่าตนเองอาจคิดผิด เพราะดูท่าทางที่อารมณ์แปรปรวนของเธอตั้งแต่รู้ว่าธาดาแต่งงาน อาการเอาแต่ใจนี้ก็เริ่มแย่ลง และดูแววตาคู่นั้นของเธอน่ากลัวจนเขาแอบหวั่นใจไม่ได้
************************