บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้าในมื้อแรกของการเป็นนายหญิงที่บ้านเศวตวิชัยชาญ พรพันวาวางตัวให้เป็นปกติเหมือนบ้านของตัวเอง และให้เกียรตินายหัวธาดาอย่างที่ควรทำ
“นายหัวจะรับไข่ลวกกี่ฟองดีคะ” แม่บ้านอวบอ้วนผิวคล้ำตามฉบับคนใต้ถามด้วยภาษาไทยภาคกลางแต่สำเนียงทองแดง
คนถูกถามลังเลไปครู่หนึ่งก่อนจะชูนิ้วขึ้นมาถึงสามนิ้ว แล้วหันมามองเธอ “หยกล่ะจะเอากี่ฟอง”
น้ำเสียงเขาฟังดูรักใคร่เอ็นดูเธอ แล้วยังสรรพนามที่เรียกชื่อเล่นอย่างสนิทสนมนั้นอีก พรพันวาจึงต้องยิ้มตอบเขาตามมารยาท “หยกไม่รับค่ะนายหัว ขอบคุณนะคะ”
“นายหญิงไม่กินไม่ได้นะคะ ขาจะสั่นเอา” สำเนียงทองแดงที่พูดออกมาตามซื่อด้วยความหวังดี ทำเอานายหญิงวัยยี่สิบสองถึงกับสำลักข้าวต้ม แล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน
“แข” ธาดาเรียกชื่อแม่บ้านของเขาเพื่อปรามคำพูดจา ไม่ได้ต่อว่าเพราะเห็นว่าเป็นคนเก่าแก่ที่อยู่มานานแล้ว
แสงแขได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มแห้ง ก่อนจะถอยไปยืนรอรับใช้อยู่ที่ด้านหลัง แล้วไม่พูดอะไรรบกวนการรับประทานอาหารของทั้งคู่อีก
เสียงฝีเท้าที่เดินฉับๆ เข้ามาอย่างรีบเร่งทำให้ธาดาเงยหน้าขึ้น ลูกน้องของเขาในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงสีดำที่ดูสุภาพเหมือนกันกับลูกน้องคนอื่นๆ ในบ้าน ยกเว้นว่าชายคนนี้มีเข็มกลัดติดหน้าอก
“นายครับ คุณเรญามา เธอบีบแตรไม่หยุดจะเข้ามาในบ้านให้ได้” ณรงค์หัวหน้าบอดีการ์ดรายงานด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล
พรพันวายังไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ ก็แค่ผู้หญิงที่มาติดพันเขาทำไมต้องเป็นกังวลกันขนาดนั้น นายหัวเอกชัยมีอิทธิพลก็จริงแต่ก็อยู่คนละพื้นที่และไม่น่าจะมีอำนาจมากกว่าเขาแท้ๆ
“ให้เธอเข้ามา” ธาดาตัดสินใจตัดปัญหา แล้วมองหน้าภรรยาของตนแล้วส่งสัญญาณว่าเตรียมตัวให้พร้อม
ทั้งสองกินข้าวต้มทะเลตรงหน้าต่อ สักพักเรญาก็มาถึงแล้วเดินไปนั่งที่ด้านซ้ายมือของธาดา พร้อมกับมองหน้าพรพันวาด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจ
“มีข่าวลือว่านายหัวแต่งงาน จริงหรือเปล่าคะ”
คำถามนั้นเต็มไปด้วยน้ำเสียงที่เอาแต่ใจ ทั้งๆ ที่ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน
“คุณเรญาครับ นี่หยกภรรยาของผม” เขาแนะนำเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปทางภรรยาสาว
“หยกครับ นี่คุณเรญา ลูกสาวนายหัวเอกชัย” น้ำเสียงที่อบอุ่นและนุ่มนวลต่างออกไปอย่างชัดเจน ทำให้แขกผู้มาเยือนถึงกับกำหมัดแน่นและทำตาแข็งกร้าวใส่ภรรยาเจ้าของบ้าน
“สวัสดีค่ะคุณเรญา” พรพันวาเริ่มรู้สึกถึงความ ‘แรง’ ของหญิงสาวตรงหน้า
เธอเข้าใจธาดาแล้วและไม่โทษที่เขาพูดถึงเธอลับหลัง เพราะเท่าที่ดูผู้หญิงตรงหน้าก็แรงอย่างที่เขาพูดเอาไว้จริงๆ
“จะไม่ชวนเรย์กินข้าวด้วยกันก่อนเหรอคะ”
น้ำเสียงนั้นเปลี่ยนเป็นออดอ้อนแล้วทำสายตาขอความเห็นใจจากธาดาที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ
“แขจ๊ะ ตักข้าวต้มให้คุณเรญาเพิ่มอีกที่ แล้วก็ขอไข่ลวกให้ฉันเพิ่มสองฟองนะจ๊ะ” พรพันวาหันไปบอกแม่บ้านวัยสามสิบ
“ได้ค่ะนายหญิง” แสงแขรีบทำตามที่บอก
สายตาของเรญามองมาอย่างไม่พอใจ หลังการเข้าหอแล้วขอเพิ่มไข่ลวก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการเข้าหอเมื่อคืนหนักหน่วงแค่ไหน
“นายหัวจะเพิ่มไข่ลวกไหมคะ สามฟองพอหรือเปล่า” พรพันวาถามสามีด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย แสดงบทบาทภรรยาสาวที่รักใคร่กันอย่างแนบเนียน
“พอแล้วครับหยก คุณน่ารักกับผมมาก” เขาพูดแล้วมองภรรยาด้วยแววตาที่อ่อนโยน
เรญารู้สึกเหมือนเธอเป็นอากาศธาตุ ริมฝีปากแดงเรื่อเม้มแน่น แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจ ความร้อนรุ่มในหัวใจตอนนี้แผดเผาจนอกเธอแทบจะระเบิดออกมา
“คุณเรญารับไข่ลวกด้วยไหมคะ” แสงแขถามเผื่อว่าแขกต้องการบ้าง
“ไม่เอา!” หญิงสาวพูดเสียงดังอย่างไม่รักษามารยาท
พรพันวาเข้าใจแล้วว่าทำไมธาดาจึงไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ ไม่รู้ว่าเป็นไบโพล่า โรคจิต หรือเป็นโรคคุณหนูเอาแต่ใจ
‘หรือโรคบ้าผู้ชาย เขาแต่งงานแล้วยังจะมาวอแวอีก’ หญิงสาวอดคิดหมั่นไส้ไม่ได้ มองสีหน้าของธาดาตอนนี้ก็คงอึดอัดกับแขกคนนี้ไม่น้อย
“รีบกินสิคะ วันนี้เรายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะแยะ” เธอเตือนสามีแล้วยิ้มให้เขา พร้อมกับตอกไข่ลวกที่แสงแขนำมาให้ใส่ข้าวต้มแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย
“นายหัวจะเข้าไปบริษัทไหมคะ ฉันอยากจะคุยธุระด้วย เรื่องเส้นทางการเดินรถที่จะวิ่งร่วมกัน” เรญาเอาข้ออ้างเรื่องงานมาพูด เพื่อหาทางอยู่กับเขาเป็นการส่วนตัว
“เข้าตามปกติค่ะ ถึงจะแต่งงานแล้วแต่เราก็ไม่ได้หยุดงาน และวันนี้ฉันเองก็จะเข้าไปดูงานที่ด้วย” พรพันวาพูดเจื้อยแจ้วตอบแทนสามีทั้งหมด ยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้แก่สาวสวยวัยสามสิบต้นๆ ตรงหน้า
ธาดารู้สึกว่าภรรยาสาวคนนี้ไหวพริบดีมาก แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็เล่นบทเมียเด็กได้สมบทบาท แล้วยังคำพูดคำจาที่ทำเอาเรญาพูดไม่ออกอีก ทำให้เขาพอใจไม่น้อย
แขกผู้มาเยือนข่มอารมณ์พยายามไม่ตอบโต้ แม้จะหลุดเหวี่ยงวีนกับสาวใช้ไปบ้างแต่ก็เก็บอาการไม่ทำแบบนั้นกับพรพันวา ทั้งๆ ที่อยากตรงเข้าไปบีบคอระหงขาวเนียนให้เป็นรอยช้ำเต็มที
ธาดามีบริษัทเดินรถขนส่งผู้โดยสารเส้นทางหลักในภาคใต้ที่เป็นเจ้าของสัมปทานการเดินรถ และเป็นเจ้าของบริษัทขนส่งสินค้าเอกชนรายใหญ่
พ่อเธอเองก็ได้รับอนุญาตจากเจ้าของสัมปทานจากเขาให้เดินรถในเส้นทางสายหลักร่วมกัน แต่จะดีกว่านี้หากได้ร่วมเกี่ยวดองกับเขา ได้รวมธุรกิจเข้าไว้ด้วยกันเพื่อเสริมความยิ่งใหญ่
และเธอก็จะได้สามีที่ทรงอำนาจที่สุดด้วย
แต่ตอนนี้ทุกอย่างพังทลายลงเพราะหญิงสาวหน้าใสที่นั่งอยู่ตรงหน้า หากไม่มีพรพันวาสักคนธาดาอย่างไรก็ต้องแต่งงานกับตนแน่
“งั้นนายหัวจะว่างคุยกับฉันตอนไหนคะ ต้องนัดเอาไว้หรือเปล่า” เธอเขี่ยข้าวต้มไปมาไม่ยอมตักกินเสียที เอาแต่มองจ้องที่ธาดาแล้วแจกรอยยิ้มหวานให้แก่เขา
ธาดาไม่อยากพูดไม่ดีกับอีกฝ่าย เขาพยายามรักษามารยาทให้มากที่สุด และดูเหมือนพรพันวาจะรู้ทันความคิดของเขาจึงเป็นฝ่ายออกตัวพูดแทนอีกครั้ง
“ถ้าคุณเรญาจะคุยเรื่องงานจริงๆ ละก็นัดเอาไว้เลยค่ะ หยกเองก็จะได้เรียนรู้งานจากนายหัวและคุณเรญาไปในตัวเลย แต่วันนี้ยังก่อนนะคะ หยกอยากเรียนรู้งานก่อน” เธอหันไปบอกสามีในตอนท้าย
“ยังไงก็ได้ครับ ผมแล้วแต่หยกเลย” น้ำเสียงนั้นแสดงความเอ็นดูต่อภรรยา
เรญาได้แต่เข่นเขี้ยวอย่างขัดใจ ไม่เคยเห็นธาดาเป็นแบบนี้มาก่อน อย่างน้อยแต่ก่อนเขาก็ยังพูดคุยกับเธอบ้าง แต่พอมีผู้หญิงคนนี้เข้ามาก็เหมือนว่าจะให้ความสำคัญกับเธอน้อยลง
ความริษยาของหญิงสาวบดบังหัวใจ แต่งงานไปแล้วทำไมล่ะ เธอไม่สนใจหรอก แต่งงานได้ก็เลิกได้เหมือนกัน!
************************