ตอนที่ 3
จิรพิมนตร์เริ่มใจเสีย มันคงไม่ปล่อยเธอไปง่าย ๆ แน่ พอไปถึงมันก็รีบกระชากเสื้อของเธอออกจนกระดุมขาดกระเด็น มันรีบจับร่างเธอให้นอนลงกับพื้นหญ้าและพลางใช้มีดจี้บังคับเธออยู่ตลอดเวลา ก่อนจะตามลงมาคร่อมร่างของเธอเอาไว้เพื่อไม่ให้จิรพิมนตร์มีโอกาสหนี จากนั้นจึงพยายามซุกไซ้ลำคอขาวของเธออย่างหื่นกระหาย หญิงสาวดิ้นรนและพยายามส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ มันรีบเอามือปิดปากเธอเอาไว้ ก่อนจะใช้มีดที่มีเอามาขู่เธอ
“ถ้ามึงร้องอีกทีเดียว กูจะกรีดหน้าสวย ๆ ของมึงซะ” มันขู่รีบขู่และเอามีดมาแนบไว้กับแก้มของหญิงสาว เธอกลัวว่ามันจะเผลอกรีดหน้าสวย ๆ ของเธอ จึงรีบพูดขอร้อง
“เอามีดออกเถอะ ฉันยอมแล้ว” เธอบอกมันเสียงสั่น
“อย่าได้คิดตุกติกแล้วก็ร้องอีกล่ะ คราวนี้กูแทงจริง ๆ ด้วย” มันคาดโทษเสร็จ ก็รีบซุกไซ้ใบหน้าของมันไปทั่วร่างกายของเธออย่างกระหายหื่น มันคร่อมร่างเธอและกำลังจะปลดบาร์เซียร์ของเธอออก แต่ทันใดนั้นก็มีชายร่างสูงที่เดินตามหาเธออยู่ พอเขาเห็นเธอกำลังถูกลวนลามก็รีบตรงเข้าไปช่วยทันที
“ซู่วว!!!” เขาส่งสัญญาณให้หญิงสาวที่เห็นเขาแล้วอย่าเพิ่งส่งเสียง พอย่องมาจนถึง เขาก็รีบสะกิดมันทางด้านหลัง
“เฮ่ย!!”
พอมันรู้ตัวเขาก็รีบกระชากร่างของมันที่กำลังคร่อมร่างของหญิงสาวอยู่ ออกมาทันที ก่อนจะตรงเข้าไปสาวหมัดใส่จนหน้าหงาย ชายหื่นกามคนนั้นไม่ทันได้ตั้งตัว มันรีบก้มลงไปคว้ามีดที่วางไว้ตรงพื้น แล้วหันมาต่อสู้กับเขา แต่ก็สู้ไม่ได้เพราะชั้นเชิงต่างกันมาก ไม่นานมันก็นอนร้องโอดครวญอยู่กับพื้น
“พ่อแม่ไม่เคยสั่งสอนรึไง ว่าเป็นลูกผู้ชายเค้าห้ามรังแกผู้หญิง” พูดจบเขาก็กระทืบไปที่ยอดอกอย่างแรง เขาไม่คิดจะทำให้มันถึงตายแค่เป็นการสั่งสอนเท่านั้น ก่อนจะพลิกร่างของมันให้นอนคว่ำหน้าแล้วรัดข้อมือของมันด้วยเข็มขัดที่ดึงออกมาจากเอว จากนั้นจึงควานหาตามตัวแล้วล้วงเอาเงินจากกระเป๋ากางเกงของมันมาคืนให้หญิงสาวที่กำลังนั่งตกใจอยู่ ชายหนุ่มรีบถอดเสื้อสูทคลุมร่างให้เธอ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เขาถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่มาช่วย” หญิงสาวรีบยกมือไหว้และตอบเขาด้วยความซาบซึ้ง
“ไม่เป็นไรครับ..ไม่เป็นไร คุณปลอดภัยแล้ว” เขารีบประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้นมา ก่อนจะก้มลงไปเก็บกระเป๋าสะพายของเธอที่ล่วงอยู่ตรงบริเวณใกล้ ๆ ขึ้นมา
“ระวังหน่อยนะครับ กลางค่ำกลางคืนไปไหนคนเดียวมันอันตรายครับ” เขายื่นเงินทั้งหมดคืนให้เธอพร้อมกระเป๋าสะพาย
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” หญิงสาวเก็บเงินเข้ากระเป๋าแล้วกำลังจะเดินตามเขาออกมาจากตรงนั้น แต่เธอก็ถามถึงชายคนดังกล่าวที่สลบไป เจตนิพัทธ์จึงบอกว่าชายคนนั้นยังไม่ตายให้ปล่อยเขาเอาไว้ตรงนี้..เดี๋ยวก็คงฟื้น หญิงสาวจึงเดินตามเขาออกมาจากบริเวณนั้น เธอกล่าวขอบคุณเขาอีกครั้งเพราะคิดว่าเขาคงไม่ได้ยินเสียงของเธอในตอนแรก
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีช่วยคุณ อันที่จริงผมจะช่วยคุณตั้งแต่ที่คุณอยู่ในนั่นแล้ว”
“เหรอคะ”
“ผมถามหน่อยสิ คนที่คุณมาหา..เค้าเป็นอะไรกับคุณ”
“คู่หมั้นค่ะ” หญิงสาวตอบตามความเป็นจริง
“คู่หมั้น!!!!” เขาเสียงสูงและถามด้วยความตกใจ เพราะเห็นชายคนนั้นเขามีหญิงสาวข้างกายอยู่แล้ว
“ค่ะ เค้าเป็นคู่หมั้นฉัน”
“แล้วคุณปล่อยให้คู่หมั้นมากับผู้หญิงคนอื่นได้อย่างไรกันครับ” เขาถามด้วยความแปลกใจ
“เรื่องมันยาวค่ะ เอาไว้ถ้ามีโอกาสฉันจะเล่าให้คุณฟังก็แล้วกันนะคะ”
“ครับ” เขาเห็นเธอมีสีหน้าเครียดทันทีเมื่อถามถึงเรื่องคู่หมั้น จึงไม่อยากจะซักไซ้ไล่เลียงเธอ ซึ่งเขาสืบเองก็ไม่น่าจะยากอะไร เพราะรู้จักคู่หมั้นของเธอ..ว่าเขาเป็นลูกชายคนเดียวของรัฐมนตรีทวีป
“ผมเจตนิพัทธ์ เรียกผมว่าเจต เฉย ๆ ก็ได้” ชายหนุ่มแนะนำตัว หญิงสาวยิ้มกว้างแล้วเอ่ยเต็ม
“จิรพิมนต์ค่ะ เรียกฉันว่ามนต์เฉย ๆ ก็ได้” เขาเห็นว่าเธอเริ่มผ่อนคลายบ้างแล้ว ก่อนถามเธอเรื่องคู่หมั้นอีกครั้ง ระหว่างที่เดินมาด้วยกัน
“คุณคงมาที่นี่เพื่อจัดการกับคู่หมั้นที่นอกใจใช่มั้ยครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ..ฉันตั้งใจจะมารับเค้า แต่เผอิญว่าเราเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
“แสดงว่าคุณไม่ได้มาที่นี่ด้วยสาเหตุที่เขานอกใจคุณ”
“ค่ะ...ไม่ใช่เลย”
“แปลกดีนะครับ ถ้าเค้าไม่ได้รักคุณ แถมยังนอกใจแบบนี้ ทำไมคุณไม่ถอนหมั้นกับเขาล่ะ”
“ก็อย่างที่ฉันบอกคุณนั่นแหละค่ะ ว่าเรื่องของฉันมันยาว ช่างเค้าเถอะค่ะ ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ” หญิงสาวทำท่าจะคืนเสื้อให้ชายหนุ่มก่อนที่เขาจะรีบบอกว่าให้เธอใส่เอาไว้ เพราะว่าถ้าเธอถอดคืนเขา เธอจะต้องโป๊แน่ ๆ