“อย่าทำหน้าตกใจแบบนั้นสิคะ อลิซพูดเล่น”
เธอยิ้มกริ่ม รู้สึกเอ็นดูชายหนุ่มที่กำลังแสดงสีหน้าตกใจ ประหนึ่งเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
“...” อินทิวานิ่งไปชั่วครู่หลังจากได้ฟังคำเฉลย บอกตามตรงเขาตกใจมาก ใจดวงโตถึงกับตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“แต่ถ้าพี่อินตกลง อลิซก็ตกลงนะคะ ไม่ติดค่ะ” แววตาของเธอบ่งบอกว่าไม่ได้พูดเล่น
“แต่ผมติด”
ชายหนุ่มปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดทำให้หญิงสาวหน้างอ
“รีบปฏิเสธเชียวนะคะ ระวังเกลียดสิ่งไหนจะได้สิ่งนั้น”
“ผมไม่ได้เกลียดคุณหนูอลิซ”
อลิซนิ่งไปสิบวินาทีหลังจากได้ยินคำตอบของผู้ชายที่แอบชอบ เขาบอกว่าไม่ได้เกลียดเธอนั่นก็หมายความว่า เขารักเธออย่างนั้นหรือ แต่ปากยังไม่ทันได้อ้าถาม หูก็ได้ยินเสียงเรียกมาจากทางด้านหลัง
เธอจึงหันไปดูพบว่าคนที่มาเรียกคือ อาเรส น้องชายของเจ้าสาวซึ่งมีความสนิทสนมกับตนเองพอสมควร และมีดีกรีความหล่อไม่แพ้
อินทิวา ฐานะทางการเงินก็ไม่เป็นสองรองใคร เรียนจบจากเมืองนอกอีกต่างหาก ปัจจุบันเขาทำงานเป็นประธานบริษัทที่สืบทอดจากคุณเอริคซึ่งวางมือไปได้หลายปีแล้ว
อาเรสถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของอินทิวา แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือ ฝ่ายหญิงเห็นเขาเป็นเพียงเพื่อนเท่านั้น
“อาเรส มีอะไรเหรอ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาหาตนเอง
“ผมไม่เห็นอลิซในงานเลยออกมาตาม” เขาพูดตามตรง เพราะไม่เห็นเธออยู่ในงานเลยออกมาดู แต่เห็นยืนอยู่กับอินทิวาก็อดเจ็บตรงหัวใจไม่ได้ กี่ปี ๆ ในสายตาของอลิซก็มีเพียงอินทิวา ทั้งที่อินทิวาไม่เคยสนใจเธอเลยเป็นเขามากกว่าที่สนใจ
“แล้วนั่นใครเดินตามหลังมาด้วย สวยเชียว แฟนเหรอ”
อลิซกระซิบถามด้วยความที่เธอไม่ค่อยได้เจอเลขาของอาเรสจึงไม่รู้จัก ‘ขนมหวาน’ เลขาคู่ปรับของชายหนุ่ม เลขาที่รู้ทันไปหมดทุกเรื่อง
ขนมหวานเดินตามเจ้านายออกมาด้วยแต่ไม่ได้เข้ามาอยู่ในวงสนทนา เธอเลือกที่จะยืนรอเจ้านายอยู่ห่าง ๆ เพราะอาเรสดื่มไปหลายแก้ว เธอกลัวเขาจะเมา ด้วยความเป็นเลขาจึงต้องดูแลความปลอดภัย เดี๋ยวจะมีสาว ๆ หิ้วปีกไปไหนต่อไหนเดือดร้อนเธออีก
“บ้า ใครจะเอาเลขาตัวเองมาเป็นแฟน สมภารไม่กินไก่วัด”
อาเรสส่ายหน้าพรืดไม่เอาเด็ดขาด นั่นลูกน้องใครเขาจะเอามาทำเมีย
“ก็ไม่แน่นะครับคุณอาเรส ถ้าไก่วัดมันน่ากิน สมภารก็อาจจะทนไม่ไหว”
อินทิวามองขนมหวานก่อนจะเบนสายตากลับมามองอาเรสแล้วยิ้มตรงมุมปาก ผู้หญิงที่ชื่อขนมหวานใช่ว่าจะขี้เหร่แค่ดูจืดชืดไปหน่อย แต่ถ้าได้แต่งตัวดี ๆ ต้องสวยมากแน่ ๆ
“ไม่ใช่ผมแน่นอนครับ เราเข้าไปในงานกันเถอะครับอลิซ เจ้าสาวกำลังจะโยนดอกไม้แล้ว”
“อลิซอยากรู้จักเธอ เรียกมาหน่อยสิ”
“คุณขนมหวานเชิญทางนี้หน่อยครับ”
ชายหนุ่มหันไปเรียกเลขาของตนเองที่ยืนอยู่ห่าง ๆ วันนี้เธอใส่ชุดมิดชิดก็จริงแต่ดูดีไม่น้อย ก็มีแต่เจ้านายเท่านั้นแหละที่มองไม่เห็นความสวย
“ไม่ทราบว่า เจ้านายมีอะไรให้ฉันรับใช้หรือคะ”
ขนมหวานถามก่อนจะเบนสายตาไปมองอินทิวากับอลิซที่กำลังมองมา
“คุณอลิซต้องการรู้จัก” เขาผายมือไปทางอลิซ
“สวัสดีค่ะคุณอลิซ ดิฉันชื่อขนมหวานค่ะ เป็นเลขาของคุณอาเรส”
“สวัสดีค่ะคุณขนมหวาน ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ส่วนผู้ชายคนนี้ชื่อ
อินทิวา เป็นรองประธานบริษัท MDK Group”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณอินทิวา”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณขนมหวาน”
หลังจากแนะนำตัวกันเสร็จอาเรสก็เร่งเร้าให้อลิซเดินเข้าไปในงานพร้อมตนเอง แต่ดูเหมือนอินทิวาจะไม่ค่อยพอใจจึงทำตัวเป็นเด็กเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างทั้งสองคน ก่อนจะคว้าข้อมือคุณหนูอลิซแล้วเดินแกมวิ่งไปทางลิฟต์แก้วพร้อมกับกระซิบบอกเธอว่า เราต้องรีบแล้ว ช่อดอกไม้กำลังจะถูกโยน
อาเรสกำลังจะก้าวตามอลิซกับอินทิวาแต่ยังพอมีน้ำใจเหลือบไปมองเลขาสาวที่เดินตามหลังมาด้วยสีหน้าซีดเซียวจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้จึงตัดสินใจหยุดเดิน แล้วหมุนตัวกลับไปดูอาการของขนมหวานที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีสักเท่าไร
เมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์ที่ปราศจากอาเรส ดูเหมือนอินทิวาจะมีความสุขไม่น้อย บนใบหน้าถึงได้ปรากฏรอยยิ้มอย่างไม่รู้ตัว ในขณะที่มือของเขายังประสานอยู่กับมือของเธอ
อลิซเหลือบมองใบหน้าของอินทิวาก่อนจะก้มลงมองมือที่กำลังโดนกุม ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกกับความใกล้ชิดที่ฝ่ายชายมอบให้อย่างลืมตัว
หากเป็นไปได้เธออยากหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้ เวลาที่มีแต่เราสองคน แต่ความจริงก็คือความจริงเมื่อชายหนุ่มได้สติก็รีบปล่อยมือเรียวทันทีพร้อมกับเอ่ยขอโทษอย่างสุภาพบุรุษที่บังอาจแตะต้องตัวเธอ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูลิฟต์เปิดออก เขาจึงก้าวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“พี่อิน อ้าว ไปไม่รอเลย” อลิซกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่ทันจึงทำปากยื่นปากงอใส่คนตัวโตที่เดินเข้าไปในงานแบบไม่รอเธอ
‘ใช่สิเธอหมดประโยชน์แล้วนี่ เขาก็เลยไม่สนใจ คอยดูนะเธอจะต้องเอาคืนเขาให้ได้’
หญิงสาวคิดในขณะจ้ำเท้าเร็ว ๆ เพื่อให้เดินทันชายหนุ่ม ก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อเขาหยุดเดินกะทันหันทำให้เธอชนเข้ากับแผ่นหลังอย่างแรง เกือบจะล้มลงบนพื้นแต่ดีที่อินทิวาเข้ามาประคองเอวคอดไว้ได้เสียก่อน
ภาพของสองหนุ่มสาวคล้ายพระนางในซีรีส์เกาหลีก็ไม่ปานทำให้คนทั้งงานหันมามองเป็นตาเดียว รวมถึงพ่อแม่ของอลิซด้วย
“เจ็บตรงไหนไหมครับ” เขาถามด้วยความห่วงใยแต่ยังโอบกอดเธอไว้เหมือนเดิม
“ไม่ค่ะ ปะ...ปล่อยอลิซได้แล้ว คนมอง” เธอบอกเขาก่อนจะมองไปรอบตัวด้วยความอาย ทุกสายตาที่จับจ้องมาทำให้หญิงสาวทำตัวไม่ถูก รู้สึกเก้อเขินอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แก้มทั้งสองข้างจึงแดงระเรื่อโดยไม่ต้องปัดบลัชออนเพิ่ม
“ขอโทษครับ” ชายหนุ่มปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระพร้อมกับเอ่ยขอโทษที่กอดเอวเธอนานไปหน่อย แถมยังกอดต่อหน้าคนหลายร้อยคนอีกต่างหาก
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวขอบคุณชายหนุ่มเบา ๆ เมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระ
หลังจากสำรวจแล้วว่าเธอปลอดภัยดีเขาจึงเดินเลี่ยงไปหา
หลาน ๆ ส่วนอลิซก็เดินเลี่ยงไปหาพ่อแม่ของตนเอง จากนั้นงานโยนดอกไม้ก็ได้เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางความตื่นเต้นของคนโสดทั้งหลาย
และแล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อดอกไม้ช่องามตกลงมาอยู่ในมือของคุณหนูอลิซราวกับว่าเทวดาจงใจ แขกเหรื่อภายในงานจึงแซวเธอยกใหญ่ว่าจะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป
“ยินดีด้วยนะคะน้องอลิซ ได้ดอกไม้ไปแล้วได้แต่งแน่นอน”
“แต่งกับใครคะพี่รีน่า อลิซโสดค่ะ”
สองสาวหัวเราะคิกแซวกันไปแซวกันมา เมื่องานเสร็จสิ้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านของตนเอง อลิซเดินทางมากับบิดามารดาจึงโดนซักถามเรื่องของอินทิวาไม่น้อย