ตอนที่ 9
และแล้วการแสดงก็จบลงด้วยดี ในเวลา สิบเก้านาฬิกาของวัน วันนี้เจียวอิงรู้สึกว่าโลกได้หมุนเร็วขึ้นอีกหนึ่งวัน และพรุ่งนี้เธอจะต้องไปหาที่อยู่แล้ว จะได้หางานทำให้มั่นคงเสียที แต่ว่า...เธอจะไปหาที่พักแถวไหนดี ในย่านเมืองหลวงมีแต่ราคาสูงลิบลิ่ว แม้ว่าจะเช่าอยู่ แต่ก็แพงน่าดู อีกอย่างละครเรื่องหน้า ก็ยังไม่มีใครทาบทามมาเลยก็ว่าได้ เรื่องนี้ทำให้เธอคิดหนัก
ชายหนุ่มคนหนึ่งขันอาสาเลี้ยงปิดกล้อง เขาเดินเข้ามาในกองถ่ายละคร ทำให้ลู่เจียวอิงตกใจ แต่เขาแสดงตัวออกมา ก็ยิ่งทำให้เธอเครียดหนัก เธอกับเขาเสแสร้งแกล้งเป็นคนไม่รู้จักกัน รถตู้สามคันนำนักแสดงมาคลับแห่งหนึ่ง
“ใหญ่มาก ๆ เลยค่ะ” เธอไม่เคยมาสถานที่แบบนี้ก็ว่าได้ เลยตื่นตาตื่นใจเป็นไหน ๆ รุ่นพี่ผู้กำกับยกยิ้มขึ้นมา ยกมือยีผมของรุ่นน้องด้วยความรักใครเอ็นดู
“อย่ามัวแต่ตื่นเต้นเข้าไปข้างในเถอะ” เขากล่าวขึ้น และไม่ได้จับมือของเธออีกด้วย ทุกคนต่างก็มองมายังผู้กำกับและนักแสดงดาวร้ายสายยั่ว แต่ละคนเหยียดยิ้มส่งสายตาเชิงตำหนิเข้าให้ ลู่เจียวอิงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น วันนี้เธอจะดื่มให้เมา หวังว่าจะทำให้ลืมเรื่องเศร้าที่สุดในชีวิตลงไป
“รุ่นพี่เข้าไปก่อนเถอะค่ะ” เจียวอิงกล่าวขึ้นมา วันนี้มีนักแสดงทั้งหมดมาร่วมงานเลี้ยงปิดกล้อง ทุกคนต่างก็สนุกสนานเฮฮา มีเสียงหัวเราะ และเสียงพูดคุยกันดังอึกทึกครึกโครม รวมทั้งยังมีเสียงดนตรีอีกด้วย ที่นี่ดีกว่าผับที่เธอไปวันนั้นอีก
“ทำไมมานั่งคนเดียวตรงนี้ล่ะ” หยางเฉินเห็นเป้าหมาย แม้ว่าไม่อยากพูดคุยกับเธอ แต่...เขาจะต้องทำให้ยัยนางร้ายดาวยั่วจดทะเบียนกับเขาให้ได้ คนถูกถามในมือถือแก้วเครื่องดื่มสีอำพันเอาไว้ เธอดื่มไปแล้วก่อนหน้านี้สามแก้ว และนี่เป็นแก้วที่สี่
เจียวอิงเงยหน้าขึ้นมอง “อ้อนายนั่นเอง” เธอพูดขึ้นมา แย้มยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตบมือลงที่ว่างข้าง ๆ ของเธอให้เขา “นั่งสิ” เธอพูดขึ้นมา น้ำเสียงยาย ๆ บ่งบอกว่าเธอกำลังมึนเมาได้ที่ ผู้ชายมือขวาของมารดาเดินมาพร้อมกับแก้วเครื่องดื่ม
“คุณชายไม่ชนแก้วกับเธอหน่อยหรือคะ” เธอซ่อนความร้ายเอาไว้ด้วยใบหน้าราบเรียบ ชายหนุ่มรับแก้วนั้นมา จากนั้นเขามองหญิงสาวที่ดูเหมือนตั้งสติตนเองไม่อยู่
“คุณชนแก้วกันหน่อยไหม” ชายหนุ่มยกแก้วเครื่องดื่มสีอำพัน แต่ดูเหมือนว่าในแก้วที่เขาถือไว้จะมีบางอย่างร้ายแรงซ่อนอยู่
“ได้สิ” เธอยิ้มหวานดวงตาคู่งามหวานเยิ้มทีเดียว เธอเริ่มตั้งสติไม่อยู่แค่นั้น เหล่าชายร่างกายกำยำราว ๆ เกือบสิบคนยืนห้อมล้อมคนทั้งคู่เอาไว้ ปกกันไม่ให้ใครต่อใครถ่ายรูปเอาไปลงข่าวได้ และนั่นก็อาจจะทำให้ผู้หญิงที่เขารักต้องเสียใจ
“ทำไมมันร้อนอย่างนี้นะ” จู่ ๆ ชายหนุ่มกล่าวขึ้นมาใบหน้าของเขาเห่อแดงก่ำ รู้สึกภายในร้อนรุ่มอย่างแปลกประหลาด อาการคล้ายกับวันนั้นที่เกิดเรื่อง เหล่านักแสดงทั้งหลายต่างทยอยกลับไปหมดแล้ว ในสถานที่แห่งนี้เป็นคลับหรู และยังเป็นสถานที่ส่วนตัวของตระกูลจ้าวอีกด้วย
“คุณชายคงจะป่วยแน่ ๆ เลยค่ะ ฉันว่ารีบขึ้นไปข้างบนห้องดีกว่าเดี๋ยวฉันจะเรียกหมอมาให้นะคะ” เธอกล่าวขึ้น เหล่าชายบึกบึนนั้นหิ้วปีกเจ้านายให้ลุกขึ้นมา
“คุณลู่ฉันรบกวนคุณหน่อยนะคะ คนพวกนี้มือหยาบทำงานไม่ได้ความ งั้นฉันของไหว้วานคุณลู่สักครู่นะคะ” เธอเจ้าเล่ห์กว่าใครต่อใคร ไม่เช่นนั้นเธอจะทำงานกับเจ้านายได้หรือ
ลู่เจียวอิงใบหน้าแดงก่ำเต็มไปด้วยความมึนเมาไม่แพ้กัน สติสัมปชัญญะของเธอไม่เต็มสักเท่าไหร่ เธอก็ถูกประคองให้เดินตามชายหนุ่มไปอีกด้วย แม้จะขัดขืนเล็กน้อยแต่ทว่าเรี่ยวแรงเพียงแค่มดตัวเล็ก ๆ จะไปสู้คนตัวโต ๆ กล้ามใหญ่ ๆ ได้อย่างไรกัน ทั้งสองถูกนำมาวางอยู่บนเตียงนอนทั้งคู่
จากนั้นคนทั้งหลายต่างก็เดินจ้ำออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว สตรีคนเมื่อครู่รีบหยิบโทรศัพท์คู่ใจขึ้นมาทันใด ใบหน้าของเธอคลี่ยิ้มบางเบาเท่านั้น ต่อสายถึงเจ้านายทันที “คุณผู้หญิงจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ”
หญิงสาวสูงวัยรับสายจากคนสนิทด้วยสีหน้ามีความสุข ชายหนุ่มทั้งสามจดจ้องตาลุกวาวมาทางเดียวกันนั่นก็คือ สตรีที่ทรงมีอำนาจสูงสุดในบ้านหลังนี้ แต่เห็นจะมีเพียงแค่คนหนึ่งเท่านั้นกระมังทำท่าหวาดกลัวจนตัวสั่น เขายังครุ่นคิดว่าพี่ใหญ่คงต้องจัดการได้เก่งกาจแน่ ๆ แต่ที่ไหนได้ถูกมารดาเล่นงานเข้าให้อีกเช่นเคย
คนที่น่าเห็นใจไม่ใช่พี่ใหญ่
แต่เป็นว่าที่พี่สะใภ้ต่างหาก!
อยากรู้จริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดีนักหนา ทำให้คุณแม่ยังสาวแถมสวยสะพรั่งอยากได้เป็นลูกสะใภ้จนตัวสั่นแบบนี้ แล้วเปลี่ยนจากพี่ชายมาเป็นเขาล่ะ มิซวยกว่านี้หรอกหรือ รอยย่นตรงหน้าผากเป็นสามขีดทำให้แสดงว่ากำลังมีเรื่องครุ่นคิดหนัก จนมารดาอดไม่ไหวดีดหน้าผากลูกชายเข้าให้อย่างจัง
“ลูกชายแม่ไม่ต้องคิดมาก ประเดี๋ยวพอถึงเนื้อคู่ของลูกชาย แม่จะจัดให้หนักกว่านี้” เธอยิ้มเล็กน้อยขบขันเจ้าลูกชายตัวดี เมื่อวานก็เป็นเด็กดีไม่เที่ยวเตร่ วันนี้ยังอยู่บ้านอีกด้วยสงสัยคงกลัวถูกจับคู่แน่ ๆ
แต่...ไม่มีทาง!
จ้าวจื่อเทาคือคนถัดไป!
“คุณแม่ฮะ เรื่องของผมรอทีหลังพี่ใหญ่ก็ได้ ผมยังไม่รีบสละโสดตอนนี้” ชายหนุ่มกล่าวขึ้น เขาเป็นเพลย์บอยอันดับหนึ่ง คลาสโนว่ายังต้องก้มหัวให้ รถไฟกี่ขบวนสับรางได้แบบคล่องแคล่วว่องไวนัก แต่รับมือกับมารดาไม่ทีไรจะต้องพ่ายแพ้ทุกครั้งก็ว่าได้
“เอาเป็นว่าแม่มีตัวเลือกอยู่ในใจ แต่ก็ขอลองดูอีกสักปีก็แล้วกัน ดีไหม? แม่ให้โอกาสใช้ชีวิตโสด ๆ ของแกไป แต่ห้ามพลาดพลั้งทำใครท้องขึ้นมาก่อนล่ะ ไม่อย่างนั้นจะตัดออกจากกองมรดก” คำพูดแกมข่มขู่เล็กน้อย มีหรือจ้าวอวี้เจินจะใจดีกับลูก ๆ เด็ก ๆ พวกนี้จะต้องให้แม่เล่นบทโหด ไม่อย่างนั้นยังคงดื้อด้านเอาแต่ใจ
“ผมเห็นว่าคุณแม่ลำบากขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นห่างออกไปอีกสักสองปีก็ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รีบ” ลูกชายคนเล็กหวงแหนชีวิตหนุ่มโสดเป็นที่สุด ขนาดซุปตาร์ตัวพ่อยังรีบสละโสด แต่เขาเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลจ้าวผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศนี้ก็ว่าได้ แล้วทำไมเขาจะต้องรีบหาบ่วงมาผูกคอเอาไว้ด้วยล่ะ