ตอนที่ 8
ขณะเดียวกันผู้มีอำนาจเด็ดขาดในบ้านตระกูลจ้าว เธอยืนอยู่หน้ากระจก กำลังปลดต่างหูลงเก็บในกล่องเครื่องเพชร แต่ทว่ามีวงแขนกว้างของสามีสวมกอดที่เอวของหล่อน ซบใบหน้าลงมาเกยบนไหล่ของภรรยาอย่างน่าเอ็นดู
“มีอะไรคะ หรือว่าอยากช่วยลูกชาย แต่บอกไว้ก่อนเลยว่าฉันเลือกแม่หนูเจียวอิงเป็นสะใภ้ ส่วนซูหลินฉันไม่ยอมเด็ดขาด” เธอถูกสามีจับให้หันหน้ามาคุยกัน เมื่อเห็นสายตาไม่ยินยอมแบบนั้น ก็ทำให้เขาต้องล้มเลิกความคิดจะพูดอะไรต่อจากนี้
“ผมก็แค่...” ชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นมา อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขแต่ความรักที่เขามีต่อภรรยาไม่เคยจืดจาง อยู่กินกันมาตั้งสามสิบกว่าปี เขายังคงรักภรรยาเหมือนเดิมทุกวัน
“คุณคะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ เมื่อถูกฝ่ามือของสามีค่อย ๆ รูดซิปด้านหลังลงอย่างช้า ๆ “หนูเจียวอิงน่าสงสารมาก ๆ แม่เลี้ยงเธอโหดร้ายที่สุด ไม่รู้ว่ากลับบ้านไปจะต้องถูกคนบ้านนั้นทำอะไรบ้าง” ตามจริงเธอพอทราบเรื่องของเด็กสาวคนนั้นคร่าว ๆ
เธอได้เล่นละครก็เพราะว่าตระกูลจ้าวเป็นผู้ร่วมลงทุน เลยจัดให้ทดสอบบทนักแสดง แต่ฝีมือของเด็กสาวก้าวกระโดดจริง ๆ ไม่โดดเด่นเหมือนนางเอก แต่ได้บทนางร้ายมานับว่าไม่เลว ส่วนข่าวลือต่าง ๆ นั่นมันก็เป็นเพียงแค่การสร้างกระแสของขึ้นมา เนื้อแท้ของเด็กคนนั้นเป็นเช่นไรมีหรือคนอย่างจ้าวอวี้เจินจะไม่รู้ หากไม่ดีพอ ไม่ได้มาเป็นสะใภ้บ้านตระกูลจ้าวหรอก
“ถ้าคุณว่าดีผมก็ไม่ขัดข้องอะไร ก็แล้วแต่คุณต้องการ เรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้ ผมกังวลก็เพียงแค่ลูกชายบ้านนั้นมากกว่ากลัวจะมาก่อกวนลูกของเรา”
แววตาเหี้ยมโหดของจ้าวอวี้เจินและน้ำเสียงแข็งกร้าวกล่าวขึ้นมาทันใด “ก็ให้มันลองดูสิคะ ฉันจะจัดการถอนรากถอนโคนมันให้หมดทั้งตระกูล”
ท้องฟ้ายังคงมืดสนิทอยู่ ลู่เจียวอิงตื่นแต่เช้าตรู่ เวลาตีสี่ของวันใหม่ เธอจัดการเก็บของใช้ส่วนตัวแค่บางอย่างเอาไว้ จากนั้นจึงเดินไปส่วนห้องครัวของบ้านหลังใหญ่ หุงข้าวและทำอาหารเอาไว้ให้กับคนในบ้านหลังนี้ เมื่อคืนเธอไม่ได้กินอะไรรองท้องเสียด้วยซ้ำไป
เมื่อทำกับข้าวเสร็จแล้ว เธอจึงได้ตักข้าวหนึ่งจานและกับข้าวอีกหนึ่งอย่างนั่งกินมันอย่างเงียบ ๆ และรวดเร็วเธอจะต้องทำเวลา เมื่อเห็นนาฬิกาบ่งบอกว่าตอนนี้ตีห้าสิบนาที ความเร่งรีบของเธอจึงทำให้วางจานที่กินข้าวเอาไว้ในซิงค์ โดยไม่ได้ล้างทันที กลัวว่าจะไม่ทัน กับข้าวที่เธอทำเอาไว้ บรรจุอยู่ในภาชนะลวดลายงดงาม และเพียงแค่อุ่นก็ถือว่าตั้งโต๊ะให้คุณ ๆ ทั้งหลายได้
เจียวอิงรีบวิ่งกลับมาอาบน้ำสระผมเพียงไม่ถึงสิบนาที เธอสวมชุดเสื้อยืดกางเกงผ้าขายาวพร้อมกับหมวกสวมรองเท้าผ้าใบคู่เก่า ๆ และยังมีหมวกอำพรางใบหน้าได้ดีด้วย เธอรีบเร่งวิ่งออกไปทันใด ประตูเล็ก ๆ เปิดออกมาพร้อมกับลอกอย่างเรียบร้อย โชคดีที่บ้านไม่ห่างกับถนนใหญ่มากนัก เดินเพียงแค่ห้านาทีก็ถึงแล้ว
เธอโบกแท็กซี่คันหนึ่ง บอกจุดหมายปลายทางเรียบร้อย ระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงสถานที่ถ่ายละคร เธอรีบทักทายทุกคนเป็นไปอย่างนอบน้อม ใบหน้าของเธอแม้จะมีรอยฝ่ามือจนทำให้ช่างแต่งหน้าหงุดหงิด จะต้องลบรอยช้ำ ๆ นี่นานไปนิด
วันนี้เจียวอิงไม่ค่อยมีสมาธิสักเท่าไหร่ แม้ว่าจะอ่านบทมาอย่างดีแล้วก็ตาม เธอก็ยังพลาดจนสามเทคผ่านไป ทำให้นักแสดงนางเอกของเรื่องหงุดหงิดต้องวีนใส่เธอทันที “นี่เธอแสดงมากี่เรื่องแล้ว บทแค่นี้ยังทำไมยังจำไม่ได้” แม่นางเอกคนดังกล่าวตำหนิเธอต่อหน้าทุกคน
เจียวอิงหน้าชาพลางก้มหน้าและโค้งศีรษะลงเล็กน้อย “ขอโทษค่ะ” เธอกล่าวสั้น ๆ ผู้กำกับเห็นใจเธอเหมือนกันและเอ็นดูเด็กสาวคนนี้ด้วย จึงบอกว่าให้พักสักสิบนาที เขาเดินมาหาเธอทันทีเมื่อเห็นว่านางร้ายของเรื่องได้นั่งลงเก้าอี้ ทุกคนต่างก็ไม่สนใจเธอเพราะต้องมีสมาธิในบทของตัวเอง
“เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมวันนี้แสดงได้ไม่ดีเลย เธอเดินไม่ปกติเลยนะ” เขาเป็นคนช่างสังเกต เขาเป็นผู้กำกับชื่อดังก็ว่าได้ การที่เขามาสนใจนักแสดงไร้สังกัดทำให้เป็นข่าวอยู่เสมอ
“ฉันไม่เป็นอะไรคะรุ่นพี่” เธอพูดกับเขาพลางคลี่ยิ้มบางเบา แต่ก็มีเรื่องไม่สบายใจจริง ๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นหุ้นส่วนร่วมลงทุนในละครเรื่องนี้เขามาดูงานด้วย ยังทอดสายตามองจากที่ไกล ๆ พบเห็นหญิงสาวที่จะต้องทำอย่างไรก็ได้ให้เธอจดทะเบียนกับเขาเร็วที่สุด
“วันนี้มีเลี้ยงปิดกล้องไปด้วยกันไหม” ผู้กำกับถามขึ้น เขาเป็นรุ่นพี่ในมหาลัยเดียวกัน นึกไม่ถึงว่าจะได้บังเอิญพบกันอีกครั้ง จนทำให้มีข่าวลือเสียหาย ช่างไฟก็เป็นเพื่อนอีกคณะ ดังนั้นเองก็มักจะมีข่าวฉาว ๆ ของนางร้ายปล่อยออกไปทุกครั้ง
“ก็ดีค่ะ เดี๋ยวฉันจะต้องรีบจำบท รุ่นพี่ไปทำงานต่อเถอะค่ะ ไม่งั้นคนอื่นก็จะนินทาเอาอีก” เธอไล่เขาทางอ้อมไม่อย่างนั้นใครต่อใครได้นินทาเธออีกแน่ ๆ คนพวกนี้ไม่รู้อะไรบ้างเลย ไม่เคยถามอีกด้วย ต่างก็พากันลงข่าวส่งเดช ทำให้ชื่อเสียงของเธอเสียหายไปมาก
“คนพวกนี้ก็น่าเบื่อจริง ๆ ไม่รู้อะไรก็พากันเขียนไปเรื่อยเปื่อย” เขากล่าวขึ้นมา
“ช่างพวกเขาเถอะค่ะ ยังไงฉันก็ได้ประโยชน์” เธอส่งยิ้มหวานให้รุ่นพี่ แต่ใครบางคนคิดว่าเธอกำลังยั่วผู้กำกับ
“แต่เธอเสียหายมากกว่าได้อีกนะ” เขาย้อนเข้าให้ ไม่เห็นมันจะดีตรงไหน
“อย่างน้อยคนก็รู้จักชื่อฉันแล้วนี่คะ รุ่นพี่ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันยังไม่สนใจข่าวพวกนั้นไป ไปเถอะค่ะ” เธอคลี่ยิ้มบางเบา ในมือยังมีกระดาษถือเอาไว้ ใบหน้าสะสวยถูกตกแต่งด้วยช่างแต่งหน้าฝีมือดี แม้ว่าจะต้องกลบรอยช้ำที่แก้มก็ตามที ช่างแต่งหน้าก็เอาอยู่
“แล้วว่าไง จะไปหรือเปล่า” คำถามที่ครั้งแรกเขาถามขึ้นมา อยากรู้ว่ารุ่นน้องจะไปด้วยกันหรือไม่ เพราะมักจะเห็นเธอทำหน้าเศร้าเหมือนคนเบื่อโลก
“ไปค่ะ” เธอยิ้มกล่าวตอบน้ำเสียงสดใสขึ้นมาจากที่เมื่อครู่หดหู่มาก ๆ กับการแสดงของเธอ นับว่าเธอโชคดีมีรุ่นพี่ในนี้ตั้งสามคน เธอจึงไม่เหงาอีกต่อไป แต่เรื่องที่เธอไม่สบายใจ หรือเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวเธอไม่เคยเล่าให้ใครฟังทั้งนั้น