ณ โรงเตี๊ยม
หลงฉีลงจากม้าด้วยท่าทีสง่าโดยไม่ลืมที่จะนำหม่าเสี่ยวหลานลงจากม้าหากแต่วิธีการของเขาเพียงอุ้มลงเท่านั้นเขามิได้ทะนุถนอมเลยแม้แต่น้อย ไม่รอให้หญิงร่างบางยืนให้มั่นคงเสียก่อนก็ถูกปล่อยมือเสียแล้ว ส่งผลให้นางล้มลงไปกองกับพื้น หลงฉีไม่คิดแม้แต่จะเหลียวมองผู้หญิงตรงหน้าทำเพียงมองผ่านหางตา กลับหันไปบอกกับผู้ใต้บังคับบัญชา
“พานางไปห้องข้าและชุดใหม่ให้นางเปลี่ยนด้วย” หลังสั่งการหลงฉีสาวเท้าเข้าไปยังโรงเตี๊ยมและเข้าไปยังห้องหนึ่งซึ่งมีนายทหารคนสำคัญของตนรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
“รายงานมา”
“เรียนท่านอ๋อง กองกำลังของฝ่ายแม่ทัพโยว่ตีกองโจรสำเร็จแล้วขอรับไม่มีเรื่องน่าเป็นห่วงตอนนี้กำลังกลับไปยังค่ายขอรับ” นายกองเฟิ่งฉือรายงานความคืบหน้าแก่ผู้บังคับบัญชากองทัพอย่างชายตรงหน้าเพราะศึกครั้งนี้เสียเวลารั้งไว้นานหลายเดือน แม้จะเป็นกองโจรทว่าทำเลที่ตั้งก็สามารถทำให้เสียพลทหารไปมาก
“อืมดี...จบศึกคราวนี้ ข้าจะตอบแทนพวกเจ้าอย่างงาม พรุ่งนี้เตรียมตัวเดินทัพกลับค่าย”
“ขอรับท่านอ๋อง” เฟิ่งฉือน้อมรับคำสั่ง
“ข้าจะกลับห้องแล้ว สั่งคนเตรียมน้ำด้วย” หลังจากพูดจบ หลงฉีก็เดินออกจากห้องและตรงไปยังห้องพัก ตอนที่เขามาถึงห้องพักหม่าเสี่ยวหลานได้ชำระล้างตัวพร้อมเปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว นางนั่งขดตัวยังซอกมุมหนึ่งของห้อง เมื่อได้ยินฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้และเปิดประตู นางสะดุ้งเฮือกและภาพคนตายได้ปรากฎยิ่งขดตัวแน่น ร่างทั้งร่างสั่นระริกด้วยความตื่นกลัวยิ่งเขาจ้องมองมาทางนาง ยิ่งสร้างความผวาให้นางไม่น้อย สายตานั้นจับจ้องไปยังบุคคลที่กำลังเดินเข้ามาใกล้นางอยู่ทุกขณะ
บรรยากาศในห้องเงียบจนน่ากลัว เสี่ยวหลานได้ยินแม้เสียงหัวใจของตนเองที่เต้นรัว เขาไม่พูด นางไม่พูดมีเพียงสายตาที่จ้องเหมือนเห็นเหยื่ออันโอชะเช่นนางนั่งอยู่เพียงเอื้อม นางจ้องอีกฝ่ายกลับด้วยแววตาหวาดหวั่นราวเจอเจอพญามัจจุราชไม่รู้ว่าเขาจะคว้าดาบมาฟันแทงนางเมื่อใด ดวงตากลมโตของนางทอประกายแวววาว น้ำตาที่คลอเบ้าบ่งบอกถึงอารมณ์ของอีกฝ่ายไม่น้อย
“เรียนท่านอ๋อง ข้าน้อยขอเข้าไปเตรียมน้ำขอรับ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นเพื่อกลืนความน่าสะพรึงของบรรยากาศภายในเพียงชั่วขณะ พลทหารนายหนึ่งรีบเติมน้ำอย่างรวดเร็ว เพราะเห็นท่าทีของบุคคลตรงหน้าแล้วช่างทำให้น่าอึดอัดยิ่ง เขาเองยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นดูสีหน้าผู้เป็นนายได้แต่รีบๆ ทำงานโดยเทน้ำร้อนใส่อ่างมื่อสร็จจึงรีบสาวเท้าออกปิดประตูตามหลัง
เมื่อน้ำเตรียมเสร็จ หลงฉีเดินเข้าไปยังหลังฉากกั้นปลดเปลื้องอาภรณ์ของตน เพื่อเตรียมจะเข้าไปแช่ยังอ่างน้ำที่ทหารเพิ่งนำมา เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเวลานี้เขาต้องการอะไรมากเป็นพิเศษ เขาจึงเดินตรงไปหาหญิงที่นำมาด้วยและฉุดกระชากแขนนางขึ้นจากมุมห้อง
“ขัดหลังให้ข้า ข้าจะอาบน้ำ” หลงฉี กล่าว
“ข้า...ข้าไม่เคย...” เสี่ยวหลานเอ่ยยังไม่ทันจบ หลงฉีได้ดึงมือนางไปปรนนิบัติยังฉากด้านใน นางต้องเดินตามแรงดึง เขาถอดอาภรณ์ของเขาอย่างรวดเร็วและก้าวลงไปยังอ่าง เมื่อเห็นว่าตนแช่น้ำได้สักพักยังไม่เห็นว่านางจะมีทีท่าเข้ามาปรนนิบัติตน เขาก็เอ่ยขึ้นเสียงแข็ง
“เจ้ามีหลายชีวิตหรือ ถึงกล้าขัดใจข้า”
“เอ่อ...” นางกล่าวอย่างเสียงสั่นเทา แต่ด้วยความกลัว นางก็เดินตรงเข้ามายังอ่างและนำสบู่มาถูที่หลังของหลงฉี หล่อนทำด้วยมือที่แผ่วเบาเพราะยังไม่กล้าแม้จะออกแรง แต่การกระทำนี้ของนางนี้เรียกลมหายใจของหลงฉีให้ร้อนผ่าว เพราะการรั้งอยู่ในกองทัพที่มีแต่บุรุษและมิได้ปลดปล่อยก็นับว่าเป็นเรื่องที่ชวนหงุดหงิด และนี่นางมาทำเช่นนี้ไม่เท่ากับล่อลวงให้รู้สึก...มือน้อยๆ ยังถูไถแผงอกอย่างเบามือจนอดที่จะคิดไปไกลไม่ได้
“เจ้าอยากตายนักใช่หรือไม่?” เขากล่าวใช้สายตาจับจ้องไปยังใบหน้าที่งดงามของนาง นางยังคงกลัวจึงไม่ได้ตอบทว่าอากัปกริยาที่แสดงออกทางใบหน้าล้วนเป็นคำตอบที่ดีเพราะน้ำตาเริ่มคลอด้วยกลัวคนตรงหน้าจะยกฝ่ามือขึ้นมาบีบคอตัวเอง
“มาโกนหนวดให้ข้า” หลงฉีเห็นท่าทางเช่นนั้นก็นึกตำหนิในใจ ทำราวกับเขาจะฆ่าจะแกง เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ดีแต่ก็ไม่ได้จะคิดลงมือฆ่าใครง่ายๆ โดยเฉพาะสตรี เมื่อเห็นว่าแรงขัดตัวของนางสร้างความปั่นป่วนยังเลือดในกายจึงเปลี่ยนเป็นใช้งานอย่างอื่นอีกครั้ง
นางได้ยินเช่นนั้นก็ทำตามที่เขาบอก ผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อ นางโกนหนวดให้เขาจนเสร็จ ใบหน้าของเขากลับมาเกลี้ยงเกลาอีกครั้งไม่เหี้ยมเกรียมเหมือนก่อนที่นางเจอกันครั้งแรก เขาลุกขึ้นออกจากอ่างน้ำด้วยร่างอันเปลือยเปล่า เพื่อไปสวมอาภรณ์เตรียมนอน เสี่ยวหลานที่โกนหนวดให้เขาเสร็จเรียบร้อยเห็นเขาลุกจากอ่าง นางจึงรีบหันหลังออกจากบริเวณนั้นกลับไปซุกตัวที่มุมห้องด้วยใบหน้าแดงก่ำ เพราะได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น