“แล้วได้บอกใครรึเปล่าว่าได้งานพิเศษ”
“ไม่นะคะ” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“กับเพื่อนสนิทก็ไม่ได้บอกเลยเหรอ”
“ไม่เลยค่ะ” ฉันก็ยังส่ายหน้าปฏิเสธอีกครั้งเพราะแม้แต่เพื่อนรักอย่างพรีมฉันก็ไม่ได้บอกจริง ๆ
“ทำไมล่ะ ปกติไม่เม้าท์กับเพื่อนเหรอ”
“ไม่นะคะ งานแบบนี้จะไปบอกใครทำไมคะ บอกไม่ได้หรอกค่ะไม่มีใครเชื่อหรอกว่าแค่มาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าของบ้านเฉย ๆ ยิ่งกับเพื่อนสนิทนี่ยิ่งบอกไม่ได้เลยเพื่อนปิ๊งด่าแน่ที่มาอยุ่บ้านผู้ชายที่เพิ่งรู้จัก ทำไมอยู่ดี ๆ ก็ถามเหรอคะ” ตอนแรกก็เฉย ๆ กับคำถามแต่พอถามซ้ำ ๆ ก็อยากรู้จริง ๆ นะ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?
“ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่ห่วงชื่อเสียงเรา ไม่อยากให้เราเสียหาย” เขา...ห่วงฉันเหรอคะ
“อ่อ ถ้าเรื่องนั้นพี่พฤกษ์ไม่ต้องห่วงเลยค่ะปิ๊งไม่ได้บอกใครเลยแม้แต่คนเดียว ขนาดเพื่อนที่สนิทที่สุดยังไม่รู้เลยค่ะ” ^^
“อื้ม ดีแล้ว ไม่ต้องบอกใครแบบนี้ล่ะดีที่สุด มันดีกับตัวเรา อย่าไว้ใจใครเพราะคนที่เสียหายมันคือเราคนเดียวเข้าใจไหม”
“ค่ะ ปิ๊งไม่บอกใครหรอก ขอบคุณที่พี่พฤกษ์ห่วงปิ๊งนะคะ” ^^
“ครับ”
พี่เขาน่ารักจัง แต่มันคงดีกว่านี้ถ้าฉันไม่ดันรู้สึกว่าความจริงแล้วเขาแค่กำลังกลัวว่าเรื่องที่ฉันมาอยู่ในบ้านเขาจะรู้ถึงหูคนอื่นมากกว่าที่เขาจะห่วงชื่อเสียงของฉันจริง ๆ ...
-เวลาต่อมา-
ติ๊ง!
Z-nice : ดื้อ
“...”
Z-nice : ว่างไหม
???
Ping Ping : ว่า
Z-nice : ว่างไหมไง
Ping Ping : มีไรล่ะ
Z-nice : ตอบก่อน
Ping Ping : ก็ว่าง ทำไมเหรอ
จะโทรหามั้งคะเลยส่งข้อความมาถามก่อน สงสัยวันนี้ว่างไม่ก็พักกองนาน แต่ปกติก็ไม่เคยสั่งข้อความถามนะ ไม่รู้ว่ามีอะไรรึเปล่า
Z-nice : ไปกินข้าวกัน
Ping Ping : ฮะ?
Z-nice : กินข้าวกันไง
Ping Ping : วันนี้เหรอ
Z-nice : ตอนนี้เลยครับ
Ping Ping : จริง?
Z-nice : รออยู่หน้าคณะแล้วไม่จริงมั้ง
“...” ฮะ!
ฉันที่ยืนมองหน้าจอโทรศัพท์ถึงกับต้องรีบเงยหน้ามองไปหน้าคณะแล้วฉันก็เห็นรถของซีไนซ์จริง ๆ จำได้เพราะเขาเคยถ่ายรูปส่งให้ดู
Ping Ping : มาได้ไง
Z-nice : มาเซอ์ไพรส์ไง มาเร็วไปกินข้าวเที่ยงกัน
Ping Ping : ปฏิเสธได้ไหมเนี่ย
Z-nice : จะใจร้ายกับคนที่เพิ่งเลิกกองแล้วตรงมาหาเธอเลยได้ลงเหรอ
Ping Ping : ได้สิ
ฉันตอบแต่ก็กดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วเดินไปที่รถของซีไนซ์ถึงแม้จะมีข้อความจากเขาดังต่อก็ตาม ดีนะที่ฟิลม์มืดสนิทไม่งั้นคนเห็นแน่ว่านักแสดงชื่อดังมารับนักศึกษาโนเนมท่านหนึ่งถึงหน้าคณะแน่นอน
ก๊อก ๆๆ
ฉันเคาะกระจกรถแล้วเปิดประตูขึ้นมานั่งบนรถ นี่เป็นครั้งแรกที่จะไปกินข้าวกันสองต่อสองหลังจากที่คุย ๆ กันมาพักใหญ่ ครั้งแรกด้วยที่ขึ้นรถเขาแต่พอเห็นหน้าซีไนซ์ฉันกลับไม่ตื่นเต้นอะไรเลย ก็แค่ดีใจที่ได้เจอ...เพื่อน
เฮ้อ~ นี่ฉันชอบพี่พฤกษ์มากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่และมากขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ...
ซีไนซ์ยิ้มทักทายฉันด้วยสีหน้าดีใจสุด ๆ ไปเลยค่ะ อาการของเขาบอกให้รู้ว่าเขาดีใจที่ได้เจอกันแค่ไหนในขณะที่ฉันก็ดีใจแต่มันไม่ได้ว้าวอะไร
เฮ้อ~
ทั้งที่การคบกับนักแสดงชื่อดังอย่างซีไนซ์ที่เป็นเรื่องที่ยากมากแท้ ๆ แต่ฉันดันไม่สนใจเลย และต่อให้การคบกับซีไนซ์จะเป็นเรื่องที่ยากแต่ดันง่ายกว่าการได้หัวใจพี่พฤกษ์มาฉันก็ยังไม่คิดจะเอาเขามาดามใจอยู่ดี สงสัยต้องบอกซีไนซ์แล้วล่ะว่าฉันรู้สึกยังไงจะได้ไม่เสียเวลากันทั้งคู่
“อยากกินไรดี” เราทักทายกันตามประสาแล้วซีไนซ์ก็ถามขึ้น
“กินไรก็ได้ที่คนในร้านจำหน้านายไม่ได้”
“แย่เลย ไอ้เราก็หล่อจนคนจำได้ทั่วบ้านทั่วเมืองด้วยสิ”
“ฮ่า ๆๆ หลงตัวเองมาก~”
“ไม่หลงตัวเองหรอกเพราะขนาดเธอก็ยังเคยชมว่าเราหล่อ” ^^
“ชิส์~” -*-
“ฮ่า ๆๆ หิวมากไหม ถ้ายังไม่เท่าไหร่จะพาไปกินร้านนึงแต่อยู่ไกลหน่อยนะ รับรองอร่อย ไม่เป็นข่าวด้วย”
“อื้ม ได้สิ ขอแค่ไม่หลอกเราไปเรียกค่าไถ่ก็พอ” ^^
“ฮ่า ๆๆ จะให้เรียกค่าไถ่จากใครครับคุณ”
“คุณหญิงแม่ไงคะเพราะว่าความจริงแล้วเราเป็นลูกประธานบริษัท”
“ฮ่า ๆๆ โอเคครับถ้างั้นขออนุญาตพาคุณหนูไปเรียกค่าไถ่ก่อนนะ” ซีไนซ์ทำฉันหลุดขำก่อนจะตอบตกลงทั้งที่ยังกลั้นขำ
“อื้อ” ฉันพยักหน้ารับแล้วเราสองคนก็เดินทางไปที่ร้านอาหารที่ซีไนซ์บอก
-เวลาต่อมา-
“ถึงแล้วครับคุณหนูปิ๊งรัก”
“ไหนบอกว่าไกล?” นี่อยู่ในเมืองเลยค่ะ ย่านธุรกิจด้วยซ้ำนั่งรถยังไม่ทันตูดอุ่นเลยน่าจะนั่งรถมาแค่ 20 นาทีเองมั้งขนาดรถติดยังใช้เวลาไม่นานเลย แกล้งหลอกกันชัด ๆ -_- แล้วดูหน้านายนี่ มีความสุขมากเลยสิซีไนซ์ที่ได้แกล้งกัน
“ก็อยากรู้ว่าเธอยินดีจะไปไหนไกล ๆ กับเรารึเปล่าแค่นั้นเอง” ซีไนซ์พูดจบก็ยิ้มบาง ๆ แต่รอยยิ้มของเขาใครอ่านความรู้สึกไม่ออกก็บ้าแล้ว และที่สำคัญสายตาของเขาทำให้ฉันทำหน้าไม่ถูกกันเลยทีเดียว
ไม่ได้เขินนะแต่อึดอัดต่างหาก อึดอัดไม่อยากทำให้ซีไนซ์คิดอะไรต่อทั้งที่ฉันถอยหลังกลับไปอยู่ที่จุดสตาร์ทแล้ว
“ก็...นายอุตส่าห์มีน้ำใจอยากพาไปกิน ไกลก็ต้องไปใช่ไหมล่ะ ขอแค่เป็นที่ที่นายจะไม่เป็นข่าวด้วยถ้าไกลก็โอเค” ฉันตอบดีไหมนะ ต้องตอบไม่ค่อยดีแน่ ๆ เลยเพราะฉันโกหกไม่เก่ง
“หึ ๆๆ โอเค” ซีไนซ์ยิ้มรับและขำเบา ๆ ก่อนที่เขาจะหันกลับไปเพื่อเปิดประตูรถตัวเอง แค่นี้เลยเหรอ?
“เดี๋ยวก่อนซี”
“อื้อ มีไรเหรอ” ซีไนซ์หันกลับมามองฉันอีกครั้ง
“จะลงไปกินข้าวร้านนี้จริง ๆ เหรอ” ไม่รู้จักร้านหรอกแต่ท่าทางจะดังในหมู่คนรวยแล้วก็แพงน่าดู ลงไปนี่ต้องมีคนรู้จักซีไนซ์เยอะแน่ ๆ
“อื้ม ร้านนี้แหละ อร่อยนะอยากให้เธอลองกิน”
“แต่... / แถวนี้ไม่มีใครสนใจใครหรอก คนดังมากินข้าวใช้ชีวิตปกติกันเยอะมาก ไม่เป็นข่าวหรอกเชื่อเราสิ”
“จริงอ่ะ?” ถึงฉันจะทำงานพิเศษเป็นพวกออแกไนซ์แต่ก็ไม่ค่อยได้คลุกคลีวงในไงคะ ไม่รู้หรอกว่าคนดังเขาใช้ชีวิตกันยังไง
“อื้อ จริง ๆ ไม่งั้นพวกคนดังก็ไม่ได้ใช้ชีวิตปกติกันพอดีน่ะสิ ลงมาเถอะน่าเชื่อเรา อาจจะมีคนรู้จักทักทายเราบ้างแต่ไม่มีใครสนใจว่าเรามากับใครหรอก พวกเราก็อย่าไปสนใจว่าใครมากับใครก็พอ”
“อ่อ โอเค” ได้ยินแบบนี้ก็สบายใจ...มั้งคะ ^^! เอาน่ะลองดูเขาบอกไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไร แต่...ก็ไม่สบายใจอยู่ดี
“ซี” เขากำลังจะลงจากรถอีกครั้งฉันก็เรียกเขาอีกรอบ
“อื้ม มีไรอีกยัยน่ารัก” ซีไนซ์หันกลับมาถามแล้วก็ยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู เอาวะปิ๊ง คุยก่อนดีกว่าเดี๋ยวมันจะไม่สบายใจตอนกินข้าวถึงแม้ว่าคุยแล้วอาจจะไม่ได้ลงไปกินข้าวด้วยกันเลยก็ตาม
“เรา เรามีเรื่องอยากคุย... / ไม่ต้องพูดหรอก”
“ฮะ?” ฉันเผลอเปล่งคำพูดด้วยความงงเพราะซีไนซ์พูดแทรกแล้วก็ทำหน้าเหมือนรู้ทันในขณะที่เขาแค่ยิ้มบาง ๆ
“เรารู้ว่าเธอจะพูดอะไร ไม่ต้องพูดหรอกยัยน่ารัก แค่ดูจากการที่เธอไม่ค่อยตอบข้อความหรือตอบช้ามากก็รู้แล้ว”
“ซี...”
“ความจริงวันนี้เรามีงานนะแต่พอมีเวลาเลยอยากมาเจอเธอ อยากให้แน่ใจว่าเธอรู้สึกเหมือนกันรึเปล่า” เขายังยิ้มแต่สายตาเขาไม่ได้ยิ้มและมันทำให้ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ
“เรา...ขอโทษนะซี” ฉันไม่รู้จะเอ่ยคำไหนนอกจากคำนี้แต่เขาก็ยังยิ้มให้
“ขอโทษทำไม ไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อยยัยน่ารัก ไปกินข้าวกันดีกว่าหิวข้าวแล้ว” อย่าทำเสียงสดใสทั้งที่สายตาของนายมันไม่ได้สดใสตามไดไหมซีไนซ์ ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันรู้ว่านายเก็บซ่อนความรู้สึกแย่ ๆ เอาไว้ตั้งแต่แรกและมันทำให้ฉันรู้สึกผิดมาก ๆ เลย
“เรา...เราควรทำยังไงต่อไปดี” ฉันรู้สึกแย่มากแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อ จะลงไปกินข้าวกับเขาต่อทั้งที่ฉันเพิ่งทำให้เขา อกหัก น่ะเหรอคะ พอโดนถามซีไนว์ก็วางมือลงบนหัวฉันแล้วโคลงเบา ๆ
“ไม่ต้องทำอะไรเลยก็เก็บเราไว้ในชีวิตนี่แหละ ไม่ต้องเก็บไว้พิจารณาหรอกแต่เก็บไว้เป็นเพื่อนก็พอ”
“...” ฉันจะร้องไห้ ทำได้แค่มองหน้าซีไนซ์แล้วเม้มปากจนแน่น ทำไมซีไนซ์ต้องน่ารักแสนดีกับฉันขนาดนี้ แย่จังที่รอบตัวมีผู้ชายที่หล่อ เพอร์เฟ็ค น่ารัก อบอุ่น แสนดีถึงสองคนแต่ฉันดันอยู่ข้างใครไม่ได้เลยสักคน
“เข้าใจไหมยัยน่ารัก ไม่มีอะไรต้องรู้สึกผิด เราเป็นเพื่อนกันได้ ถึงเธอจะไม่ได้ชอบเราแบบนั้นก็อย่าตัดสิทธิ์ไม่ให้เราเป็นเพื่อนกับคนน่ารัก ๆ แบบเธอสิวะ” ^^
-เวลาต่อมา-
“ไงเรา กินข้าวอร่อยไหม” ฉันกลับมาถึงบ้านตอนช่วงเย็น หลังจากกินข้าวกับซีไนซ์เสร็จฉันก็ขอแยกกับเขาแถว ๆ นั้นเพราะรถเริ่มติด กลัวซีไนซ์ไปงานต่อไม่ทันจากนั้นก็นั่งรถเมล์กลับคณะไปเอารถที่เขาให้ยืมใช้แต่สมองมันล้า ๆ ก็เลยนั่งเล่นเงียบ ๆ คนเดียวในรถอยู่พักใหญ่ถึงได้ไปซื้อของกินของใช้เข้าบ้านแล้วกลับบ้าน...หมายถึงบ้านเขานะคะ ^^ และพอมาถึงก็เจอเจ้าของบ้านกำลังเดินลงมาจากชั้นสองพอดี
วันนี้เจอกันสามรอบเลยนะ เช้า กลางวัน แล้วก็เย็น
ใช่ค่ะเราเจอกันตอนกลางวันด้วย ไม่ต้องแปลกใจหรอกก็เจอกันที่ร้านอาหารนั่นแหละ ใครจะไปคิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนั้น แต่พี่เขาไม่ได้ทักฉันหรอกนะคะ เราแค่มองเห็นกันในระยะที่ห่างกันประมาณห้าเมตร สบตากันแล้วก็ต่างฝ่ายต่างสนใจคนที่ไปกินข้าวด้วยประหนึ่งเป็นแค่คนแปลกหน้าที่ได้สบตากันโดยบังเอิญ แต่เขาไปกินข้าวกับเพื่อนผู้ชายอีกสองคนนะคะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพื่อนหรือเปล่าแต่ขอเดาว่าเป็นเพื่อนแล้วกัน
“ค่ะ อร่อยดีค่ะ” ^^ ฉันตอบเจ้าของบ้านด้วยรอยยิ้ม และฉันก็ได้รอยยิ้มกลับมาเหมือนกัน
“อื้ม พี่ก็ว่างั้น ท่าทางจะอร่อยน่าดู” คำพูดเขาคือการแซวรึเปล่านะ พูดแล้วก็ยิ้มอารมณ์ดีน่าดู
“แฟนเราเหรอ? เหมือนจะเป็นดาราใช่ไหม” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรเขาก็ถามต่อเลย แถมยังเดินมาหาด้วย
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่หรอก ซีไนซ์กับหนูเป็นเพื่อนกัน” ฉันยิ้มบาง ๆ ส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมกับบอกออกไป ถึงแม้ว่าจะตอบแบบไหนเรื่องของฉันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่เขาอยู่แล้วแต่ฉันก็อยากบอกนะ อยากบอกให้เขารู้ว่าฉันไม่ได้มีแฟน ไม่ได้เป็นอะไรกับใคร รวมถึง...อยากบอกให้เขารู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับเขาไปเลยด้วยซ้ำ
“หึ ๆๆ ไม่ต้องอายหรอกน่า เป็นแฟนกันก็บอกพี่มาตรง ๆ ไม่ใช่คนอื่นซะหน่อย”
“...” พี่ไม่ใช่คนอื่นซะหน่อย ใช่ค่ะ พี่ไม่ใช่คนอื่นจริง ๆ แต่พี่เป็นนายจ้างของหนู เป็นนายจ้างที่อบอุ่น อ่อนโยน ใจดีมากเกินไป เกินไปซะจนมันทำลายการทำงานของลูกจ้างเลยด้วยซ้ำ
...อึดอัดจังเลย ทำไมตอนนี้ฉันอึดอัดกับความรู้สึกในใจของตัวเองขนาดนี้ก็ไม่รู้ ยิ่งเขาคิดว่าฉันเป็นแฟนกับ คนอื่นฉันก็ยิ่งอึดอัดมาก ๆ
“ไม่ใช่ค่ะ เพื่อนกันจริง ๆ” ฉันยืนยันอีกครั้งพี่เขาก็ยิ้มแล้วทำให้สิ่งที่วันนี้ฉันโดนทำแบบนี้มาแล้วหนึ่งครั้งแต่ครั้งแรกใจฉันไม่ได้เต้นแรงเหมือนครั้งนี้เลย
สัมผัสของเขาแตกต่างจากซีไนซ์มากจริง ๆ แค่มือใหญ่วางลงมาใจฉันก็กระตุกเหมือนโดนไฟช็อตแล้ว พอเขาโคลงหัวฉันเล่นเบา ๆ และส่งรอยยิ้มกับสายตาเอ็นดูมาให้หัวใจฉันก็ยิ่งไม่ปกติเพราะมันมีแต่ความอึดอัดที่อยู่ในใจ แต่จะว่าไปเหมือนพี่พฤกษ์จะดื่มมาพอสมควรนะกลิ่นเหล้าชัดเชียว
“พี่ก็นึกว่าไปแอบมีแฟนซะอีก หรือว่ากำลังดู ๆ กันอยู่รึเปล่า” อย่ายิ้มอบอุ่นได้ไหม ดูสายตาฉันสิ ตอนนี้มันละสายตาจากใบหน้าของเขาไม่ได้เลย
“เปล่าค่ะ หนูไม่ได้ชอบเขา” ฉันตอบเบา ๆ พี่พฤกษ์ก็ยิ่งยิ้มอบอุ่นออกมา
“หึ ๆๆ ที่ปฏิเสธนี่ไม่ได้ชอบจริง ๆ หรือว่าเขิน” เขายังแกล้งไล่ต้อนฉันต่อและฉันก็ส่ายหน้าตอบเบา ๆ
“ไม่ได้ชอบจริง ๆ ค่ะ”
“เขาหล่อขนาดนั้นนี่นะ ไม่ชอบจริง ๆ เหรอ บอกพี่ได้นะปิ๊งเผื่อพี่ให้คำปรึกษาอะไรได้”
“ขอบคุณค่ะแต่หนูไม่ได้ชอบจริง ๆ” ไม่ว่าพี่เขาจะถามยังไงฉันก็ขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่าฉันไม่ได้ชอบซีไนซ์ และเหมือนกับว่ายิ่งโดนถามยิ่งยืนยันมากเท่าไหร่ความอึดอัดในใจของฉันมันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ทำไมมันอึดอัดได้มากขนาดนี้นะปิ๊ง อึดอัดจนแทบระเบิดออกมาแล้ว
“หึ ๆๆ โอเค~ ไม่ชอบก็ไม่ชอบครับ” พี่พฤกษ์โคลงหัวฉันเล่นต่อแต่มันแรงกว่าเดิม สายตาก็ดูเอ็นดูมากขึ้น แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่าฉันไม่ได้ชอบซีไนซ์
ทำไมเหรอ? ทำไมถึงไม่เชื่อว่าฉันไม่ได้ชอบซีไนซ์ ทำไมถึงดูออกตั้งแต่เห็นซีไนซ์ครั้งแรกว่าเขาชอบฉัน แต่ทำไมถึงดูไม่ออกว่าคนอย่างฉันคิดยังไงกับเขา
อึดอัด! ฉัน...
“หนูไม่ได้ชอบเขาจริง ๆ นะพี่พฤกษ์ หนูจะชอบเขาได้ยังไงก็หนู...ชอบพี่มากขนาดนี้”