“อื้อ~ พี่พฤกษ์~”
“อืม~ พี่ไม่เคยคิดทะลึ่งอยากทำแบบนี้กับเราเลย~”
“แต่ครั้งนี้พี่ไม่ไหว~ ขอพี่นะ~ นมเราหวานมากเลยรู้ไหม...น้องพรีม~”
จ๊วบ~
“...” ทั้งที่เขาก้มหน้าลงแล้วประกบริมฝีปากดูดหน้าอกฉันต่อทันทีที่พูดจบแต่ฉันกลับนิ่งจนแทบแข็งเป็นหิน
“น้องพรีม~”
เขาคุยกับฉันแต่...ไม่ใช่ฉัน เขาพูดชื่อคนอื่นที่ชื่อเหมือนเพื่อนฉันแต่ฉันไม่รู้ว่าเธอคนนั้นเป็นใครแต่ที่รู้คือฉันกำลัง...สมเพชตัวเอง
จ๊วบ~
“อืม~ น้องพรีม~”
“...”
ผลัก!
ฉันใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเขาที่กำลังเผลอออกจากนั้นก็ขยับตัวออกจากรถให้เร็วที่สุดถึงจะทุลักทุเลมากจนสภาพตัวเองยังเปลือยหน้าอกอยู่ก็ตาม
“อืม~ พรีม~” เสียงคนเมาดังอ้อแอ้ขึ้นฉันที่ลงจากรถได้สำเร็จและกำลังรีบดึงเสื้อให้เข้าที่เข้าทางได้ยินเข้าน้ำตาก็ไหลออกมาทันที
มันไหลง่าย ๆ ด้วยความรู้สึกหลากหลายจนไม่อยากอธิบายว่าตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกยังไงบ้าง
“อืม~”
“...ฮึก!” ฉันรีบดึงเสื้อลงแล้วหันหลังให้เขาจากนั้นก็เปิดประตูพาตัวเองเข้าไปอยู่ในบ้านทันที
...สมเพชตัวเองดีนะปิ๊งรัก เคลิ้มไปกับสัมผัสของผู้ชายที่ไม่ได้เป็นอะไรกันง่าย ๆ แถมเขายังไม่ได้รู้สึกอะไรกับแกแม้แต่นิดเดียว เขาแค่เมาจนมองเห็นแกเป็นคนอื่น
“ฮึก! ฮื่อ ๆๆ” ฉันไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้ขนาดนี้ได้ยังไง น้ำตาของฉันไหลไม่หยุดต่อให้จะมาถึงห้องนอนชั่วคราวของตัวเองแล้วก็ตาม
น้องพรีม คนนั้นของเขาต้องสวยน่ารักแค่ไหนกันนะถึงทำให้ผู้ชายอย่างพี่พฤกษ์เพ้อถึงได้ขนาดนี้ แต่คงสวยและน่ารักมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ คงเป็นคนที่สวยและน่ารักจนฉันไม่สามารถเทียบได้เลย...
-วันต่อมา-
“...” แค่จับลูกบิดประตูเพราะต้องออกไปข้างนอกมือฉันก็ชื้นเหงื่อ ใจเต้นแรงขาเองก็สั่นขึ้นมา
ถ้าเจอหน้ากันระหว่างเราจะเป็นยังไง เราสองคนจะมองหน้ากันติดจะพูดคุยกันได้อย่างสนิทใจจริง ๆ เหรอนเมื่อร่องรอยที่เขาทำเอาไว้กับร่างกายของฉันยังชัดเจน
คอฉันแดงหลายจุดหาข้อมูลดูว่ากี่วันจะหายพอได้คำตอบก็ท้อใจไปเลย ไม่ได้กลัวใครเห็นหรอกเพราะใช้รองพื้นปกปิดแล้วแต่ตอนที่อาบน้ำหรือส่องกระจกคนเดียวรอยที่เขาทำไว้มันตอกย้ำความรู้สึกของฉันต่างหากล่ะ
ความรู้สึกที่เพิ่งรู้วันที่ได้ยินชื่อผู้หญิงอีกคนหลุดออกจากปากเขา ความรู้สึกที่ว่าฉัน...ไม่ได้ชอบเขาแบบพี่ชายเลยสักนิด
“...เฮ้อ~” ฉันไม่ควรรู้สึกแบบนั้นกับเขาเลย ทั้งที่ฉันกับซีไนซ์ก็ยังส่งข้อความคุยกันอยู่เรื่อย ๆ ทุกครั้งที่มีเวลาซีไนซ์จะโทรหาถึงจะไม่ได้คุยกันนานก็ตาม ไม่ควรเลยปิ๊ง...
ก็ขอภาวนาให้ไม่เจอเถอะนะ
กริ๊ก!
แอด~
ฉันเปิดประตูแล้วยืนอยู่ในห้องเหมือนเดิม พยายามเงี่ยหูฟังว่าข้างนอกมีคนไหมแล้วถ้ามีคนคนนั้นจะอยู่ที่จุดไหนของบ้านได้แต่บ้านมันหลังใหญ่เนอะหูคนไม่ใช่หูหมาด้วยจะไปได้ยินได้ยังไง
ไปเถอะ รีบออกจากบ้านเขาก็พอค่ำ ๆ ไม่ก็ดึก ๆ ค่อยกลับ
กริ๊ก!
“ไงเรา”
เฮือก!!!
O_O
ฉันภาวนาให้ไม่เจอแต่แค่ออกมาแล้วหันกลับไปปิดประตูห้องเสียงเจ้าของบ้านก็ดังขึ้นทันที
มือฉันสั่นมาก ๆ เลยค่ะ ไม่กล้าหันไปมองเขาเลย
“เป็นอะไรรึเปล่า?” น่าจะเพราะฉันไม่หันไปสักทีเขาเลยเอ่ยถามทำให้ฉันรีบส่ายหน้า
“มะ ไม่มีอะไรค่ะ”
“แล้วยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น ลูกบิดเสียเหรอ” ลูกบิดไม่ได้เสีย...ใจหนูต่างหากที่เสีย เสียหายหนักมากด้วย T^T
“...เปล่าค่ะ”
“เปล่าแล้วทำไมไม่หันมาคุยกับพี่ดี ๆ ทำความผิดอะไรไว้รึเปล่า?” เสียงเขาเหมือนจับผิดทำให้ขาฉันสั่นตามมือไปด้วย
การที่ฉันไม่ให้เขาทำอะไรต่อเมื่อคืนเรียกว่าความผิดรึเปล่านะ...
“ปิ๊ง เป็นอะไร” เสียงเขาเริ่มเข้มขึ้นและฉันรู้แล้วว่าไม่มีใครหนีความจริงพ้น
เอาล่ะปิ๊งรัก ฮึบ!
^^
“พอดีประตูมันแน่นค่ะ ปิดยากนิดหน่อยไม่มีอะไร” ฉันหันกลับไปหาเขาแล้วพยายามยิ้ม แล้วก็ได้เห็นว่าเขายังอยู่ในชุดของเมื่อคืนเหมือนจะเพิ่งเดินขึ้นมาด้วยรึเปล่าไม่แน่ใจเหมือนกัน เอาเถอะอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดปิ๊งรัก บางทีเขาอาจจะแค่ขอโทษที่เขาทำทุกอย่างเพราะเมาก็ได้ ถ้าเขาขอโทษแกก็แค่ให้อภัยแล้วบอกให้เราทั้งสองคนลืม ๆ มันไปก็พอแล้ว
“แต่พี่มีนะ”
“...” แต่ไม่ต้องพูดก็ได้นะ
ถึงจะเตรียมใจไว้แล้วแต่ไม่ต้องพูดถึงหรอก ขอร้องล่ะ
ฉันขอร้องในใจเพราะไม่กล้าพูดออกมาสายตาก็มองเขาที่กำลังจ้องฉันไม่วางตาแล้วเขาก็เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างแล้วเดินมาทางฉันช้า ๆ หัวใจจะหยุดเต้นเพราะความเครียดมันเป็นแบบนี้นี่เอง หายใจลำบาก หายใจไม่ทั่วท้องเลยจนกระทั่งเขาพาตัวเองมาหยดตรงหน้าและฉันทำได้แค่ยืนให้ตัวลีบที่สุดโดยอัตโนมัติทั้งที่ปกติไม่เกร็งเวลาอยู่ต่อหน้าเขาเลย
“เมื่อคืน...ทำอะไรไว้?”
ตึก ๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงหัวใจฉันมันเต้นรัว มันดังกว่าเมื่อคืนอีกมั้งและปากของฉันก็เผลอเม้มเข้าหากันก่อนที่จะหลบสายตาเขา
“พี่พฤกษ์...” คอแห้งมากเลย แห้งผากไปหมดแล้วก็อยากจะหมดสติไปตอนนี้เลย ไม่อยากรับรู้ไม่อยากได้ยินอะไรจากเขาแม้แต่คำเดียว
“เรา...ทิ้งพี่แล้วหนีมานอนคนเดียวได้ยังไง” เสียงเขาค่อนข้างดุแต่คำพูดที่เอ่ยออกมาทำฉันอึ้งไปเลย
“...คะ?” ล้อเล่นรึเปล่า จะถามเรื่องนี้เหรอ?
“เราทิ้งพี่ไว้ในรถคนเดียวทั้งคืนได้ยังไงตัวแสบ”
“...” เสียงดุเหมือนเดิมแต่พูดจบเขาก็กระตุกยิ้มบาง ๆ คล้ายว่าการแกล้งดุของเขามันจบลงแล้ว
“ว่าไง ทิ้งให้พี่นอนบนรถแล้วหนีขึ้นมานอนสบายในบ้านคนเดียวได้ยังไง หักเงินเดือนดีไหม”เงินเดือน? จริงสิ เป็นลูกจ้างที่เขาจ้างมาอยู่เป็นเพื่อนไม่ได้เป็นอย่างอื่นนี่นา แม้แต่น้องสาวยังเป็นไม่ได้เลย
“ก็พี่พฤกษ์เมามาก ปิ๊งพยายามจะลากลงจากรถแล้วพี่พฤกษ์ก็ไม่ยอมลงนี่คะ” เก่งมากปิ๊ง อีกนิดนึงจะเป็นธรรมชาติแล้ว อีกแค่นิดเดียวสู้ ๆ
“หึ ๆๆ พี่ไม่รู้ว่าเมาหนักขนาดนั้นได้ยังไง โทษทีนะไม่ได้ดื่มนาน มีเรื่องเครียด ๆ ด้วยเลยเผลอดื่มไม่ดูตัวเอง" คนตรงหน้ายังเป็นพี่พฤกษ์คนเดิมที่น่ารักอบอุ่นกับเพื่อนร่วมบ้านอย่างฉัน เขาดูจำเหตุการณ์น่าอายเมื่อคืนไม่ได้เลย เขายังเป็นพี่พฤกษ์คนเดิมคนที่น่ารักจนกว่าจะรู้ตัวเขาก็ยึดพื้นที่ในหัวใจของฉันไปเกินครึ่งแล้ว
ฉันพยายามปั้นหน้ายิ้มให้เหมือนปกติ เขาจำไม่ได้ก็ดีแล้วจะได้ไม่ต้องอึดอัดใจ ฉันเองก็ต้องพยายามลืมเหมือนกันเหตุการณ์นั้นจะได้ไม่ทำร้ายตัวเอง แล้วหลังจากนี้ก็โฟกัสที่งานของตัวเองซะปิ๊ง อยู่บ้านเป็นเพื่อนเขาให้ครบสามเดือน สนใจเงินเดือนของแกซะเพราะอีกกี่สิบปีก็ไม่รู้ถึงจะหาเงินในแต่ละเดือนได้เยอะขนาดนี้
“ค่ะ เครียดเรื่องงานเหรอคะ” ^^ เพราะพยายามที่จะเป็นปกติก็เลยถามออกไปเหมือนถามตามมารยาท แต่อันที่จริงก็อยากรู้นะว่าเขาเครียดเรื่องอะไรเพราะฉัน...เป็นห่วง พอถูกถามพี่พฤกษ์ก็ยิ้มบาง ๆ
“เปล่าหรอก...อกหักเฉย ๆ”
“คะ?” เขา...เขาอกหักเหรอ ฉันมองหน้าคนตอบคำถามที่ตอนนี้ก็ยังมีรอยยิ้มบาง ๆ
“หึ ๆๆๆ ช่างมันเถอะ จะไปเรียนแล้วใช่ไหมขับรถดี ๆ ล่ะ พี่จะไปอาบน้ำก่อน”
“ค่ะ” ฉันตอบได้แค่นี้เจ้าของบ้านก็เดินไปที่ห้องของเขาเลย
เขาอกหักเหรอ? จากคนนั้นเหรอคะ จากผู้หญิงที่ชื่อ พรีม แถมเขายังเรียกผู้หญิงคนนั้นได้น่ารักทะนุถนอมน่าดู น้องพรีม ต้องรู้สึกรักและเอ็นดูแค่ไหนกันนะถึงเรียกแบบนี้
“...เฮ้อ~ หนูก็อกหักตามพี่แล้วล่ะพี่พฤกษ์” ฉันมองไปที่ประตูห้องนอนของเจ้าของบ้าน ประตูปิดสนิทไปแล้วล่ะ เขาเดินไปแล้วก็เข้าห้องโดยที่ไม่ได้หันมามองฉันที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ในฐานะเพื่อนร่วมบ้านเลยแม้แต่นิดเดียว
นี่แกหวังอะไรเหรอปิ๊งรัก แกชอบเขาเร็วไปแล้วก็ชอบเขามากเกินไปรึเปล่าตอนนี้แกถึงได้แอบรู้สึกผิดหวังที่เขา...จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้
-หลายวันต่อมา-
“ปิ๊งร้าก~”
“ว่า~”
“เพื่อนอยากดูหนังเรื่องนี้มาก~”
“สามีล่ะ”
“ไม่มีค่ะ มีแต่คู่หมั้น อิอิ”
“หมั่นไส้มาก~” ฉันเบ้ปากนิดหน่อยและกรอกตามองบนเล็กน้อยให้กับคำพูดของเพื่อน แต่ก็แค่แกล้งทำนะคะความจริงแล้วฉันยินดีกับเพื่อนรักคนนี้จะตายที่มีคนรักที่ดี ชีวิตของเพื่อนรักของฉันอย่างพรีรตาเรียกได้ว่าเป็นซินเดอเรล่าที่เพอร์เฟ็คยิ่งกว่าในเทพนิยายซะอีก
“ฮ่า ๆๆ ว่าแต่ปิ๊งสนใจจะไปดูกับเรารึเปล่า ไปน้า~ เรารู้ว่าปิ๊งก็ชอบเรื่องนี้เหมือนกัน เนี่ยเราขอสปอนเซอร์จากพี่เพลิงมาแล้ว”
“ระดับคุณพรีมต้องขอสปอนเซอร์จากคุณสาด้วยเหรอคะ” เฮ้อ~ เมื่อไหร่ความรู้สึกโหว่ง ๆ ในใจเวลาเรียกชื่อเพื่อนจะหายไปสักทีนะ ทุกครั้งที่เรียกชื่อเพื่อนรักเหตุการณ์วันนั้นจะต้องฉายซ้ำ ๆ ในหัวของฉันตลอด ไม่รู้ทำไมต้องชื่อเหมือนกันด้วยรู้สึกแย่เป็นบ้าเลย รู้สึกผิดกับเพื่อนด้วยที่เวลาเรียกชื่อเพื่อนแล้วฉันเป็นต้องรู้สึกแปลก ๆ จนไม่อยากคุยกับเพื่อนอยู่หลายครั้ง
“ขอสิ ถ้าไม่ขอจากพี่เพลิงเดี๋ยวปิ๊งไม่ไปเพราะปิ๊งไม่ยอมให้เราเลี้ยงแน่ ๆ ไปน้า~ อยากไปดูเรื่องนี้กับปิ๊งจริง ๆ” ยัยเพื่อนรักของฉันทำหน้าอ้อนทำให้ฉันเผลอยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้าตกลงซึ่งการตกลงของฉนก็ทำให้ พรีม ยิ้มอารมณ์ดีมีความสุขมาก ๆ ยิ้มออกมาจากตาจนสายตาเป็นประกายเลยค่ะ
น่ารักตลอดเลยยัยพรีม
ว่าแต่คนชื่อพรีมนี่น่ารักทุกคนเลยรึเปล่านะ แต่คงจะน่ารักทุกคนแน่เลยใช่ไหมคะไม่งั้นพี่เขาคงไม่เพ้อถึงจนมองหน้าฉันเป็นเธอคนนั้นแล้วก็ล่วงเกินฉันด้วยสัมผัสที่เต็มไปด้วยความรักความอ่อนโยนขนาดนั้นหรอก
อิจฉาจัง...อยากชื่อพรีมเนอะ หรือไม่ก็...อยากเป็นผู้หญิงคนนั้นไปเลย