Z-nice : เธอโอเครึเปล่า?
OoO
ฉิบหายแล้ว!!!
ตั้งแต่ตอนนั้นผ่านมาเกือบสองชั่วโมงครึ่งแล้วที่ฉันไม่ได้ตอบซีไนซ์และข้อความนี้ก็แค่ข้อความล่าสุดแต่จริง ๆ แล้วมันมาก่อนหน้านี้อีกหลายข้อความ! เป็นสิบ ๆ ข้อความเลยด้วยซ้ำ
ฉันลืมเขาไปเลย ลืมไปเลยจริง ๆ ลืมจนถึงขั้นเดินออกจากครัวเพราะพี่พฤกษ์ไม่ให้เป็นลูกมือแล้วไปยืนรดน้ำต้นไม้อย่างสบายใจ
...ขอโทษนะซี เราลืมนายได้ยังไงก็ไม่รู้ทั้งที่นายอุส่าห์ตั้งใจจะส่งขนมมาให้เราแท้ ๆ T^T
Ping Ping : เราขอโทษนะเมื่อกี้โทรศัพท์แบตหมดเราหาที่ชาร์จไม่เจอ
ฉันส่งข้อความกลับไปแต่เขายังไม่อ่าน อาจจะกำลังเข้าฉากอยู่มั้งคะ
เฮ้อ~ ช่วงนี้แกคงต้องโกหกคนรอบข้างเยอะมากแน่ ๆ เลยปิ๊ง กว่างานนี้จะจบคงโกหกจนจมูกยาวกว่าพินอคคิโอเลยมั้ง T^T
-สามวันต่อมา-
...ซ้าย (-.-ll)
...ขวา (ll-.-)
ปลอดภัย...
ปัง!
“ฟู่ว~”
กว่าจะลงจากรถได้ในแต่ละวันนะปิ๊งรัก ลำบากลำบนยากเย็นแสนเข็นจริง ๆ -_-! แต่จะไม่ขับรถมาก็ไม่ได้ในซอยคนรวยมันเดินทางลำบาก
“ปิ๊ง!”
“ว้าย!”
“ฮ่า ๆๆ ตกใจอะไร” เสียงคนที่มาจ๊ะเอ๋ฉันหัวเราะร่วนแต่ฉันหน้าซีดสิคะ เพิ่งลงจากรถได้ไม่ถึงนาทีเอง
“เอ่อ...” จะตอบเพื่อนคนนี้ว่ายังไงดีให้เมคเซ้นส์ว่าเพราะเหตุใดปิ๊งรักคนนี้ถึงขับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ราคาเกือบหกล้านมาเรียนทั้งที่ระดับฐานะของปิ๊งรักที่เพื่อน ๆ รู้จักกันดีแค่นั่งแท็กซี่มายังหรูเลย T^T
“แล้วนี่มาทำอะไรแถวนี้”
“คือ...”
“อย่าบอกนะว่าไปแอบถอยรถมา” เพื่อนถามต่อ เพื่อนคนนี้ชื่อไรอันค่ะ เป็นลูกครึ่งที่หล่อมาก ที่บ้านฐานะดีจัดเป็นหนุ่มฮอตของคณะเลยล่ะ เราเรียนคณะเดียวกันแต่คนละเอก สนิทกันไหมก็ตามประสาเพื่อนนั่นล่ะค่ะ พอไรอันถามฉันก็เริ่มไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเมื่อกี้นายนี่เห็นไหมว่าฉันเพิ่งลงจากรถหรู
“นายเพิ่งมาเหรอ” คิดไม่ออกว่าจะตอบอะไรดีขอถามก่อนแล้วกัน
“อื้ม กำลังจะไปกินข้าวแต่หันมาเห็นเธอยืนอยู่ตรงนี้ก่อนเลยเข้ามาทักทาย
“อ่อ พอดีเรา...เราตามมาดูรถน่ะ ตอนเข้ามามีรถปาดหน้าเลยตามมาดูเผื่อเจอเจ้าของ” ฟู่ว์~ ในที่สุดก็คิดคำโกหกได้ ก็หวังว่าไรอันจะเชื่อนะคะ ^^!
“อ้าวเหรอ แล้วเธอเป็นอะไรรึเปล่า เจอรถคันนั้นไหม” เชื่อเหรอ? โอเคโล่งแล้วค่ะ เฮ้อ~
“ไม่เห็นหรอก เราเดินตามไม่ทัน ถ้างั้นเราไปก่อนนะ”
“ไปด้วยกันสิ” ^^ ไรอันยิ้มชวนแล้วก็เดินมากับฉันเลย พอเดินมาด้วยกันคนก็เริ่มมองแค่มีคนเห็นก็เกิดความรู้สึกเกร็งแล้วค่ะ เดินมาจากลานจอดรถกันสองต่อสองจะคิดว่ามาด้วยกันรึเปล่าเนี่ย ปกติฉันจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งไงคะเพราะไม่อยากให้คนเห็นว่าเดินมาจากลานจอดแต่วันนี้จะอ้อมก็ไม่ได้ด้วยสิเดี๋ยวไรอันงงว่าอ้อมเพื่ออะไร สงสัยว่าต้องเอารถไปจอดลานจอดอื่นที่ไกลกว่านี้แล้วล่ะเพราะที่นี่มันอันตรายต่อการพบเห็นเกินไป
“เสาร์อาทิตย์ไปไหนมา ทำงานเหมือนเดิมรึเปล่า” ระหว่างเดินไรอันก็ชวนฉันคุย
“อื้ม ทำงานเหมือนเดิม”
“ขยันจัง ทำงานตัวเป็นเกลียวขนาดนี้เอาเงินไปเก็บที่ไหนเหรอปิ๊ง”
“ก็เอาไปเก็บที่เจ้าของหอ แล้วก็เจ้าของกิจการต่าง ๆ ไง”
“ฮ่า ๆๆ เธอนี่ตลกดีนะปิ๊ง แล้วนี่กินข้าวยังไปกินข้าวกันไหม”
“ฮะ? อ๋อ เรากินมาแล้วน่ะ” ฉันบอกไรอันแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เมื่อเช้าว่าจะลงมาหาขนมปังกินรองท้องเพราะตื่นมาทำกับข้าวไม่ไหวเมื่อคืนกว่าจะเสร็จงานก็เกือบตีสองแต่ดันเจออาหารเช้าจากพี่พฤกษ์วางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับพี่เขาที่นั่งจิบกาแฟและอ่านข่าวผ่านแท็บเล็ต
“จะไปเรียนแล้วเหรอ”
“ค่ะ”
“กินข้าวก่อนสิพี่ทำไว้ให้ ทันไหมถ้าไม่ทันเอาใส่กล่องไปกินบนรถตอนติดไฟแดงก็ได้”
“ทำให้หนูเหรอคะ?”
“อื้ม เมื่อคืนกลับดึกไม่ใช่เหรอ คิดว่าคงเหนื่อยพี่เลยทำข้าวเช้าไว้ให้”
“...”
“ตกลงกินทันรึเปล่าถ้าไม่ทันเดี๋ยวเอาไปห่อให้”
“...ทันค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ครับ”
จังหวะนั้นฉันน้ำตาแทบล่วงเลย นานแล้วที่ไม่มีใครดูแลฉันแบบนี้ ฉันดูแลตัวเองปากกัดตีนถีบมาตลอดพอเจออาหารเช้าจากใครสักคนที่ใจดีกับฉันมาก ๆ ฉันก็ทั้งกลืนข้าวทั้งกลืนก้อนสะอื้นด้วยความดีใจลงไปพร้อมกัน
...พี่พฤกษ์เป็นพี่ชายอบอุ่นใจดีแถมยังน่ารักที่สุดในโลกเลย ^^
ฉันบอกไรอันแล้วก็ขอตัวไปอีกทางเพราะอยากเข้าห้องน้ำ แยกกันตรงหน้าตึกคณะเลยดีกว่าเดี๋ยวคนเข้าใจผิดหาว่ากิ๊กกันถึงแม้ว่าสายตาของไรอันในเช้าวันนี้จะหวานเป็นพิเศษก็ตาม อย่าว่าหลงตัวเองเลยนะคะแต่แค่ซีไนซ์ปิ๊งรักยังไม่มีเวลาจะได้คุยกันเลยเพราะฉะนั้นหยุดสายตาของนายไว้เลยไรอัน เราจะไม่ยอมคุยหลายคนเด็ดขาดต่อให้เราจะสวยในระดับที่น่าจะเลือกได้มาก ๆ ก็ตาม อิอิ
...ว่าแต่วันนี้ฉันจะทำอะไรให้พี่พฤกษ์กินมื้อเย็นดีน้า~
^^
-สามอาทิตย์ต่อมา-
ฉันขับรถเข้ามาในบ้านพอเห็นรถคันที่พี่พฤกษ์ขับออกไปเมื่อเช้าจอดอยู่ที่โรงจอดรถหัวใจของเด็กตัวเล็ก ๆ คนนี้ก็เบิกบานทันที กินข้าวเย็นคนเดียวมาสามวันแล้วเพราะพี่เขากลับดึกทุกวันเลยแต่วันนี้กลับเร็วปิ๊งรักคนนี้เลยไม่ต้องกินข้าวเหงา ๆ คนเดียวอีก ^o^
“พี่พฤกษ์~” ฉันรีบปรี่เข้าบ้านพอเห็นแผ่นหลังของพี่เขาฉันก็รีบส่งเสียงทักทายเพราะตลอดสามอาทิตย์ที่ผ่านมาเราสองคนสนิทกันมากขึ้น ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าจากคนแปลกหน้าสองคนในวันนั้นจะมาอยู่ร่วมบ้านและสนิทกันเหมือนเป็นพี่ชายกับน้องสาวได้เร็วขนาดนี้ส่วนพี่พฤกษ์คนดีที่ยืนหันหลังมือกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ก็หันมามองแล้วยิ้มทักทายทันที
“หึ ๆๆ ไงเรา อารมณ์ดีมาเลยนะ” พี่เขาทักทายแต่ฉันไม่ได้สนใจคำถามเพราะท่าทางที่มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าส่วนอีกข้างก็ถือขวดไวน์มันดูดีมาก~
“รู้สึกเหมือนวันนี้จะได้กินอาหารอร่อยค่ะก็เลยอารมณ์ดี” ^^ ฉันพูดออกไปพี่เขาก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย
“เหรอ? แต่พี่รู้สึกเหมือนวันนี้...พ่อครัวจะขี้เกียจ”
“อ้าว...” แอบผิดหวังเลยค่ะ คิดถึงอาหารฝีมือพี่เขาถึงจะเพิ่งไม่ได้กินแค่สามวันก็ตามเถอะ แต่อาหารพี่พฤกษ์มันอร่อยจริง ๆ นะคะ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ทำอาหารอร่อยมาก~ พอพี่เขาเห็นสีหน้าฉันก็มีรอยยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มขำบาง ๆ แต่เอ็นดูสุด ๆ ไปเลย คือ...ฉันรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ นะคะ
“หึ ๆๆ อย่าทำหน้าเป็นหมาหงอยแบบนั้น วันนี้พ่อครัวขี้เกียจทำจริง ๆ ออกไปกินข้าวข้างนอกกันดีกว่า”
OoO
“ได้เหรอคะ!” ฉันตื่นเต้นนะเนี่ย
“ทำไมจะไม่ได้” หน้าพี่เขาดูงงไปเลยที่ฉันตื่นเต้นและถามขนาดนี้
“ก็เผื่อพี่จะไม่อยากให้ใครเห็นว่าไปกินข้าวกับหนูไง ก็พี่แค่จ้างให้หนูมาอยู่เป็นเพื่อนใช่ไหมล่ะคะ” ฉันตอบซื่อ ๆ ตามความจริงแต่หน้าพี่พฤกษ์ก็ดุออกมาเลย
“ไร้สาระ ไปเปลี่ยนชุดก่อนไปเดี๋ยวคนหาว่าพี่เลี้ยงเด็ก”
“ฮ่า ๆๆ โอเคค่า” ฉันรีบรับคำแล้วเดินกึ่งวิ่งขึ้นห้องไปทันที นาน ๆ ทีได้ออกไปกินข้าวร้านอาหารฉันก็ตื่นเต้นสิดีนะที่พอมีชุดสวยเพราะแอบไปช็อปปิ้งมา ไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ ตั้งนานแล้วพอมีเงินเลยแอบแบ่งไปซื้อบ้างให้รางวัลตัวเองแต่ไม่ได้เยอะหรอกนะคะมีแค่สามสี่ชุดเองราคาก็ไม่ถึงพันบาทหรอก ไม่กล้าซื้อแพงกว่านี้เงินค่าจ้างที่พี่เขาให้มาเก็บไว้เป็นทุนในอนาคตของตัวเองดีกว่า
-เวลาต่อมา-
“เลี้ยวซ้ายข้างหน้าก็ถึงแล้ว” ฉันหักพวงมาลัยตามที่พี่เขาบอก พอดีว่าพี่พฤกษ์ดื่มไวน์ก่อนปิ๊งรักจะถึงบ้านไปหลายแก้วแล้วค่ะ พี่เขายังไม่เมานะแต่ไม่เสี่ยงดีกว่า ไม่ใช่แค่ชีวิตเราที่เสี่ยงแต่คนอื่นบนท้องถนนก็เสี่ยงไปด้วยฉันเลยอาสาขับเองซึ่งร้านที่พี่เขาชวนมาก็ไกลเลย ออกมาแถบชานเมืองเลยค่ะมาถึงก็หนึ่งทุ่มพอดี แต่พอเห็นร้านฉันก็ว้าวมาก เป็นสวนอาหารบรรยากาศดีสุด ๆ ไปเลย คุ้น ๆ ด้วยนะเหมือนเคยเห็น น่าจะเป็นร้านดังที่เคยเห็นในยูทูปมั้งคะเพราะคุ้นมากเลย
“ร้านสวยจัง” ฉันจอดรถแล้วมองผ่านกระจกเข้าไปที่ตัวร้าน เห็นแค่ข้างนอกก็รู้แล้วว่าข้างในต้องสวยมากแน่นอน
“ชอบเหรอ”
“ค่ะ เห็นข้างนอกก็ชอบแล้วค่ะ”
“อื้ม ผู้หญิงชอบร้านสวย ๆ แบบนี้ทุกคนเลยสินะ”
“คะ?” พี่เขาพูดลอย ๆ แต่ฉันได้ยินชัดเจน ไม่แน่ใจว่าพี่พฤกษ์ถามฉันรึเปล่าเลยเปล่งเสียงด้วยความสงสัยและมองหน้าเขา
“ไม่มีอะไรครับ เข้าไปกินข้าวกันดีกว่า พี่ว่าคนขับรถของพี่ต้องหิวมากแล้วแน่ ๆ ไม่รู้โมโหหิวรึยัง”
“ฮ่า ๆๆ เกือบจะโมโหแล้วค่ะเพราะร้านของพี่พฤกษ์ไกลมาก~ ดีนะร้านสวยเลยอารมณ์ดีมาก~ แต่หิวมากเลยค่ะเดี๋ยวจะสั่งให้ล้นโต๊ะถลุงเจ้ามือให้หนักเลยคอยดู”
“หึ ๆๆ ตามสบายเลยพี่เชื่อว่าเรากินหมด เพราะปิ๊งรักกินจุ”
“งื้อ~ ไม่ได้กินจุซะหน่อย” ฉันเผลอแสดงอาการงอแงออกมาทันทีพี่เขาเลยยิ้มเอ็นดูออกมา
“แต่ก็กินไม่เคยเหลือ กินแทบไม่ต้องล้างจาน”
-*-
“หึ ๆๆ พี่ล้อเล่นน่า ไปกินข้าวกันดีกว่าร้านนี้อร่อย”
“พี่พฤกษ์มากินบ่อยเหรอคะ”
“เปล่า พี่ไม่เคยมาหรอก”
“อ้าว แล้วรู้ได้ไงคะว่าอร่อย” ฉันถามพี่พฤกษ์ก็ยิ้มบาง ๆ แต่ทำไมฉันรู้สึกว่ารอยยิ้มพี่เขามันดูแปลก ๆ เหมือนพี่เขาแอบเศร้ายังไงก็ไม่รั้
“คนรู้จักของพี่มากินแล้วเขาบอกมาว่ามันอร่อยมาก เขาแนะนำให้พี่มาก็เลยลองพาเรามากิน”คิดไปเองแหละ พี่พฤกษ์จะเศร้าทำไม เนี่ยก็ตอบปกติ
“อ่อ โอเคค่ะ ถ้างั้นไปกินข้าวกันดีกว่าค่ะ” ^^ ฉันทำท่าทางขึงขังลงจากรถเลยทำให้พี่พฤกษ์หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่เราจะเดินเข้าร้านและนั่งกินข้าวกันสองคนท่ามกลางบรรยากาศที่ดีมากของสวนอาหารริมน้ำที่มีดนตรีคลอเบา ๆ อาหารอร่อยมากเลยค่ะมาไกลด้วยเลยนั่งเล่นกันชิล ๆ ไม่รีบกลับพร้อมกับคุยกันไปด้วยพี่เขาขอดื่มเพราะเหนื่อยจากงานด้วยเลยเพลิน นั่งไปนั่งมาดื่มไปดื่มมาก็เกือบเที่ยงคืนถึงเวลาร้านปิดพอดีและพี่พฤกษ์ก็...เมา
“พี่พฤกษ์ไหวไหม” ฉันถามเขาหลังจากที่พี่พนักงานผู้ชายช่วยพยุงเขามาขึ้นรถเรียบร้อย
“อื้ม~ พี่ไหว~” เสียงเขาตอบแต่ก็นั่งหลับตา ท่าทางจะไม่ไหวหรอกฉันเลยต้องโน้มตัวและเอื้อมมือไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้เขา
“...XXX~”
“คะ?” มือฉันที่กำลังจะกดเข็มขัดลงไปตรงตัวล็อคชะงักไปทันที เมื่อกี้พี่เขาเรียกฉันว่าอะไรนะ? ฉันไม่ได้ตั้งใจฟังเลยฟังไม่ถนัดอีกอย่างเขาเมาด้วยเสียงเลยทั้งเบาทั้งอ้อแอ้แต่รู้แค่ว่าไม่ได้เอ่ยคำว่า ปิ๊ง พอเปล่งเสียงด้วยความสงสัยถามออกไปพี่พฤกษ์ก็ไม่ตอบอะไรนอกจากมองหน้าฉันแล้วเอื้อมมือมาวางบนหัวช้า ๆ
“พี่พฤกษ์เป็นอะไรคะ” ฉันถามเพราะไม่เข้าใจแต่พี่เขาไม่ตอบ เขาเอาแต่มองฉันก่อนที่มือเขาจะลูบหัวฉันช้า ๆ
“...” มันเป็นความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกตอนที่โดนลูบหัว ฉันรู้สึกเหมือนคนที่ลูบหัวฉันเขากำลังลูบมันด้วยความรู้สึก...โหยหา
“พี่พฤกษ์ พี่พฤกษ์โอเครึ... / ไม่โอเค~” ยังถามไม่จบพี่เขาก็พูดแทรกซะก่อน
“อือ หนูก็ว่างั้นแหละ ถ้างั้นพี่นอนเลยค่ะถึงบ้านเดี๋ยวหนู... / พี่ชอบเรา~”
“...อะ อะไรนะคะ?” ฉันนิ่งอึ้งไปชั่วขณะกับสิ่งที่ได้ยิน ทำอะไรไม่ถูกจนกระทั่งมือที่ลูบหัวขยับไปจับที่ต้นคอของฉันไว้และเจ้าของมือก็เอาแต่จ้องมาที่หน้าของฉัน
“พี่ชอบเรา~ พี่หยุดชอบเราไม่ได้เลย~”
“พี่...”
“อืม~ / อื้อ~”