11

2527 คำ
“ปัง ปัง ปัง ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย พาฉันออกไปที พาฉันออกไปที กรี๊ดดดดดดดดดดด” เธอกรีดร้องอีกครั้ง เมื่อจิ้งจกหนึ่งในสองตัวที่ไต่ขึ้นมา ไต่มาตรงขอบประตูห้อง จนร่างสาวผงะหนีแทบไม่ทัน หน้าตาซีดเซียว หวังลึกๆ ว่าเสียงของเธอจะดังไปจนถึงหูของเจ้าของบ้าน แน่นอนกวินภพได้ยินเสียงกรีดร้องนั้น แต่เขาก็ทำนิ่งเฉยดื่มวิสกี้อยู่ตรงบาร์เล็กๆ อย่างสบายใจ ราวกับว่าเสียงหวีดร้อง เสียงร้องขอความช่วยเหลือของเธอนั้น เป็นเสมือนดนตรีอันไพเราะ ส่งเสริมให้รสชาติของวิสกี้เลิศล้ำมากขึ้น เขารอให้เสียงนั้นดังอยู่อีกสักพัก ให้เสียงของเธอเคล้าอารมณ์สุนทรีของเขาอีกสักหน่อย เมื่อรอเวลาจนสมใจแล้ว เขาจึงวางแก้วลงบนบาร์ แล้วเดินไปยังห้องนั้น “ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ฮือ พาฉันออกไปจากที่นี่ที ช่วยด้วย ปัง ปัง ปัง” เธอร้องไปด้วยทุบประตูไปด้วย สลับกับมองจิ้งจกทั้งสามตัว จนประสาทเธอหลอนไปหมดแล้ว น้ำหูน้ำตาไหลพราก “เป็นไร แหกปากซะลั่นบ้าน?” เสียงที่ได้ยิน นำรอยยิ้มเล็กๆ ให้เกิดขึ้นบนใบหน้าของเพลงมีนา เพราะนั่นคือความหวังเดียวที่จะทำให้เธอออกไปจากห้องนี้ได้ “คุณ คุณช่วยฉันด้วยนะ ฉันกลัว ฉันอยู่ในห้องนี้ไม่ได้ ฉันกลัวจิ้งจก ช่วยฉันด้วยนะคะ” เพลงมีนาร้องบอกเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่ข้างนอกห้อง “อยู่ห้องนี้ไม่ได้แล้วจะไปอยู่ห้องไหน ข้างนอกเหรอ...ยิ่งแย่ใหญ่เพราะจิ้งจกเพียบ” เขาไม่ได้แกล้งพูด ตามต่างจังหวัดมักจะมีตุ๊กแก จิ้งจกอาศัยด้วยอยู่เสมอ ซึ่งเขาก็อยู่ร่วมกันกับพวกมันโดยที่ไม่มีเบียดเบียนซึ่งกันและกัน มีตุ๊กแก จิ้งจกอยู่ภายในบ้านด้วยก็ไม่มีอะไรเสียหาย พวกมันยังช่วยกำจัดแมลงต่างๆ ให้อีกด้วย อย่างเช่นยุง เป็นต้น บ้านของเขาก็มีเช่นกัน แต่มีแค่ภายนอกบ้าน ส่วนในบ้านนั้นไม่มี “นอนที่ไหนก็ได้ นะ พาฉันออกไปที ฉันกลัว ฮือ” วินาทีนี้ขอเพียงให้ได้ออกไปจากที่นี่ได้เท่านั้น จะนอนกลางดิน ตากน้ำค้างยังไงเธอไม่สนใจ เธอทนได้แต่ทนนอนร่วมห้องกับจิ้งจกไม่ได้ “อืม...” เขาทำเสียงเหมือนกำลังครุ่นคิด “ถ้าเธออยากจะนอนห้องปลอดจิ้งจกก็ต้องไปนอนห้องฉัน ถ้าไปนอนที่อื่น เธอก็เจอมันทุกที่นั่นแหละ จะนอนห้องฉันหรือเปล่าล่ะ รับรองไม่มีจิ้งจกสักตัว” เขาพูดอย่างมีเลศนัย คนที่ฟังอยู่ด้านในอึ้งไปชั่วครู่ แต่พอเห็นจิ้งจกทั้งสามตัวเดินเพ่นพ่านอยู่ในห้อง ส่งเสียงร้องน่าสะพรึงกลัว วินาทีนั้นเธอบอกตัวเองว่า อยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว “ก็ได้ นอนห้องคุณก็ได้” เธอตอบรับออกมาในที่สุด “แน่ใจนะ?” เขาถามย้ำ “แน่ใจสิ คุณพาฉันออกไปจากที่นี่เร็วๆ สิ ฉัน ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะ” เพลงมีนาพูดเสียงสั่น “ก็ได้ เห็นกับจิ้งจกที่อยู่ในห้องนะเนี่ยที่ไม่ต้องทนเสียงกรี๊ดๆ ของเธอ ถึงได้ยอมให้เธอมานอนร่วมห้องกับฉันด้วย” เขาพูดขณะที่ใช้กุญแจไขแม่กุญแจดอกใหญ่ “กรี๊ดดดดดดด” จังหวะที่เขาเปิดประตูออกกว้างนั้น จิ้งจกที่เกาะติดอยู่ตรงขอบประตูได้กระโดดมายังทิศทางที่เธอยืนอยู่ ส่งผลให้เพลงมีนาตกใจสุดขีด กรีดร้องแล้ววิ่งออกจากประตู กอดร่างหนาที่ยืนจังก้ามองดูจิ้งจกที่อยู่บนพื้นด้วยสายตานิ่งเฉย “นี่แม่คุณ จะกอดอีกนานมั้ย?” กวินภพบอกสาวร่างสวยที่กอดเขาไม่ปล่อย แต่น่าแปลกเหลือเกินที่เขาไม่คิดจะผลักร่างของเพลงมีนาให้ออกห่างร่างของตนเอง กลับอยากจะกอดตอบร่างเล็กนั้นด้วยซ้ำไป ทว่าพอนึกถึงเรื่องราวที่เธอทำไว้กับเขา กวินภพจึงตัดความต้องการนั้นทิ้งไปทันที “ก็...ก็คนมันตกใจนี่” เธอพูดเสียงอ่อน หน้าแดงก่ำ คลายอ้อมแขนของตนจากร่างหนาที่เธอผวากอดด้วยความตกใจ ก้มหน้างุดซ่อนความเขินอายที่ระบายเต็มดวงหน้า “ทำเป็นหน้าแดง ทำเป็นอาย ทีเมื่อก่อนเธอขยันยั่วคนงานของฉันวันละเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมง ฉันไม่เคยเห็นเธออายเลยแม้แต่ครั้งเดียว แสดงละครได้แนบเนียนจริงๆ เลยนะ อย่างนี้มันน่าจะจับให้นอนห้องเดียวกันกับจิ้งจกให้เข็ด” เขาค่อนขอดเธอเต็มที่ อากัปกิริยาของน้องหนูตอนนี้ ต่างกับวันวานอย่างสิ้นเชิง ราวกับว่าเป็นคนละคนกัน แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อผู้หญิงคนนี้คือน้องหนู นั่นเท่ากับว่าภาพที่เขาเห็นคือการแสดงล้วนๆ เธอกำลังแสดงละครเป็นสาวใสซื่อ “ไม่นะ ฉันไม่นอนห้องนี้” เพลงมีนาเงยหน้าขึ้น พูดเสียงหลง “ถ้างั้นก็ตามมา ฉันก็อยากนอนเต็มทนแล้ว” เจ้าของบ้านเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินนำสาวร่างสมส่วนไปยังเรือนใหญ่ เดินเลยผ่านห้องรับแขกไปยังบันไดที่ทอดตัวสู่ชั้นสอง ตรงไปยังห้องนอนของตนเอง “ถึงแล้ว” เขาหันมาพูดกับคนที่เดินตามหลังมา เปิดประตูแล้วผลักมันเข้าไป เพลงมีนามาหยุดยืนอยู่ภายในห้องที่ตกแต่งอย่างมีระดับ เรียบๆ แต่หรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่จัดวางอย่างลงตัว มองเลยไปนอกหน้าต่างก็จะพบระเบียงที่สามารถมองเห็นทุ่งหญ้าด้านนอก ส่วนด้านข้างมองเห็นต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกให้ความร่มรื่น ลมโชยพัดเย็นสบายโชยเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดอ้าอยู่ ผ้าม่านสีสวยสะบัดพลิ้วไปตามแรงลม ห้องนี้เย็นสบายโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องทำความเย็น แต่ทว่าก็ยังมีเครื่องปรับอากาศไว้ในบางวันและเวลาที่อากาศร้อนอบอ้าว “จะสำรวจห้องฉันอีกนานมั้ย?” เสียงห้าวดังขึ้น ส่งผลให้คนที่กำลังชื่นชมกับธรรมชาติบ้านไร่ถึงกับสะดุ้ง “ขอโทษค่ะ ฉันนอนที่โซฟาก็ได้ค่ะ” เธอรีบพูด “มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ตามสบายนะ ฉันจะอาบน้ำนอนแล้ว พรุ่งนี้มีเรื่องที่ฉันจะต้องทำอีกมาก” เขาเอ่ยขึ้นขณะที่เดินไปยังประตูห้องน้ำ “อ้อ...ระหว่างที่ฉันอาบน้ำแล้วถ้าเธอคิดหนีล่ะก็ ระวังนะจะถูกขึงพืดเอาง่ายๆ เพราะฉันสั่งคนงานของฉันเอาไว้ว่า ถ้าเห็นเธอหลบหนีออกไปจากที่นี่ ฉันให้พวกเขาทำกับเธอได้ตามใจชอบ พวกนั้นยิ่งแค้น ยิ่งอยากได้ตัวเธอกันทุกคน รับรองได้ว่าเธอได้ตายคาไร่ของฉันแน่” ก่อนจะพูดทิ้งท้ายให้เธอหวาดกลัวเล่นๆ เพลงมีนาทำหน้ามู่ทู่ปะปนกับคำขู่ที่น่าหวาดกลัว น้องหนูที่หน้าตาคล้ายเธอสร้างความเจ็บช้ำอะไรไว้กับที่นี่ เหตุใดชายชอบขู่กับคนงานในไร่จึงอาฆาตแค้นมากมายขนาดนี้ คำถามที่ก้องอยู่ในใจก็หวังจะได้รับคำตอบสักวัน หญิงสาวเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ พลางครุ่นคิดถึงวิธีเอาตัวรอดจากสถานที่แห่งนี้ที่มันดูมืดมนมากเหลือเกิน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ยอมชดใช้ความผิดโดยที่ตนเองไม่ได้ก่อแน่นอน เวลาผ่านไปราวห้านาทีหนังตาของเธอก็เริ่มหย่อนลง อาการง่วงนอนเข้ามาย่ำเยือนร่างกายเธออีกครั้ง อาจจะเป็นเพราะหญิงสาวเหนื่อยล้ามาจากการเดินทางข้ามประเทศ ไหนจะเดินทางมายังไร่แห่งนี้อีก ความอ่อนเพลียจึงทำให้เธอผลอยหลับไปในที่สุด ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะฝืนตัวเองไม่ให้นอน เพราะไม่ชินกับการนอนกับคนแปลกหน้าเช่นเขา กวินภพเดินออกมาจากห้องน้ำในอีกสิบห้านาทีต่อมา พอก้าวเท้าออกมาหยุดยืนกลางห้อง เขาก็พบว่าเพลงมีนาได้นอนหลับสนิทบนโซฟา เขายืนพิจารณาร่างสาวที่นอนบนโซฟาอย่างใช้ความคิด ปล่อยให้นอนอย่างนี้ไม่ดีแน่ หากเขาหลับลึกมีหวังสาวดาวยั่วต้องคิดหนี กวินภพจึงเดินออกไปนอกห้องก่อนจะกลับมาพร้อมกับพวงกุญแจพวงหนึ่ง พอปิดประตูห้องเขาก็จัดการล็อคห้องทันที ประตูทุกบานในบ้านหลังนี้ จะถูกล็อคได้ทั้งสองด้าน ทั้งด้านในและด้านนอก คืนนี้และคืนต่อๆ ไปเขาจะต้องล็อคประตูห้องนอน และประตูห้องระเบียงไว้อย่างแน่นหนา รับรองว่าเธอไม่สามารถหนีหายไปจากไร่พฤกษาในยามที่เขาเข้าสู่ห้วงนิทราได้ “หนีได้ให้มันรู้ไป” เขาเอ่ยขึ้นหลังจากที่ยืนชื่นชมผลงานของตนเอง หมุนตัวเดินไปปิดหน้าต่างที่ทำจากกระจกใส แล้วกดเปิดให้แอร์คอนดิชั่นเนอร์ทำงาน ล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างนุ่มนิ่ม คราวนี้เขาจะได้นอนหลับแบบไม่ต้องพะว้าพะวงว่าเธอจะหนีอีกต่อไป...หลับสนิทตลอดคืน เวลาผ่านไปราวเที่ยงคืน ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงัดท่ามกลางความมืดที่ปกคลุม สองชีวิตที่นอนอยู่ในห้องนอนขนาดใหญ่ต่างหลับสนิทตกอยู่ในห้วงของความฝันของแต่ละคน แต่ทว่าในความมืดมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ปลุกให้สาวขี้กลัวตื่นจากการนอนหลับใหล “จุ๊จุ๊ๆๆๆ” เสียงนี้เองที่ทำให้เพลงมีนาที่นอนอยู่บนโซฟาดีดตัวลุกขึ้นนั่ง หันซ้ายแลขวาในความมืดอย่างหวาดระแวง “ไหนว่าห้องนี้ปลอดจิ้งจกไง ทำไมยังมีเสียงจิ้งจกอีกล่ะ?” เธอพูดเบาๆ กับตัวเอง ใจเต้นตุ้บๆ “จุ๊จุ๊ๆๆๆ” เสียงนั้นดังขึ้นอีกรอบ เพลงมีนานั่งแทบไม่ติดโซฟา ความกลัวแล่นขึ้นสมองเป็นระลอกคลื่นที่ซัดหาฝั่งไม่รู้เหน็ดเหนื่อย “จุ๊จุ๊ๆๆๆ” เสียงจิ้งจกเพียงตัวเดียวก็ทำให้เธอกลัวจับจิตจับใจมากพออยู่แล้ว แต่นี่เสียงจิ้งจกสองตัวดังประสานกันราวกับลูกคู่ ทำให้คนที่กลัวสัตว์ชนิดนี้มากที่สุด ก้าวเท้าวิ่งไปยังเตียงกว้าง กระโจนร่างลงไปบนที่นอนทันที “เฮ้ย!!...อะไรวะ?” น้ำเสียงตกใจของคนที่กำลังนอนหลับสบายร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อรู้สึกถึงแรงยวบตัวของเตียงนอน อีกทั้งร่างกายของตนยังถูกกระแทกจนเขาสะดุ้งตื่น “เธอทำบ้าอะไรน้องหนู?” เขาถามร่างนุ่มนิ่มที่ซุกตัวอยู่ข้างกาย “ไหนคุณบอกว่าที่นี่ไม่มีจิ้งจกไง ทำไมเสียงมันดังอยู่ใกล้ๆ ล่ะ” น้ำเสียงสั่นๆ ที่ลอดผ่านออกมาจากปากบางของคนกลัวจิ้งจก สิ้นเสียงเธอไม่ถึงสองวินาที เสียงประกอบก็ดังขึ้น “แม่นี้กลัวแม้กระทั่งเสียงจิ้งจก” เขาพูดในใจ “จะกลัวอะไรกับเสียง ตัวมันอยู่ตรงต้นไม้โน้น มันกระโดดมาไม่ถึงผนังบ้านของฉันหรอก” กวินภพบอกสาวเจ้าที่นอนตัวสั่น “เสียงมันฉันก็ไม่ชอบ” “แล้วนี่จะนอนตรงนี้หรือไง?” ชายหนุ่มเจ้าของห้องถามคนที่เบียดร่างเข้าหาร่างกายของเขา คล้ายกับว่ากำลังต้องการหาที่พึ่ง “คุณไปนอนบนโซฟาก็แล้วกัน ฉันนอนบนเตียงเอง เพราะโซฟามันติดหน้าต่าง ฉันกลัวว่ามันจะเจาะกระจกเข้ามา” ความกลัวทำให้เธอคิดไปโน่น “น้องหนู นี่มันบ้านของฉัน ห้องนี้ก็ห้องของฉัน เตียงก็เตียงของฉัน ยังจะมาสั่งโน่นสั่งนี่อีก ลืมแล้วหรือไงว่าเธออยู่ในฐานะอะไร มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน อีกอย่างจิ้งจกบ้านเธอเหรอที่เจาะกระจกเข้ามาในห้องได้ กลัวจนเพี้ยนนะเนี่ย” กวินภพขึ้นเสียง “ไม่รู้ล่ะ ถ้าเผื่อมันทำได้ขึ้นมาจริงๆ คุณจะว่ายังไง” เธอค้านไปเรื่อยเพราะความกลัว ความขยะแขยงแท้ๆ “ถ้างั้นฉันนอนกับคุณบนเตียงนี้ก็ได้ แต่คุณอย่าทำอะไรฉันนะ” “ฉันน่ะเหรอจะทำอะไรเธอ มีแต่เธอเท่านั้นแหละที่จะทำอะไรฉัน ดูสิกอดซะแน่นเลย เบียดฉันจนจะกลายเป็นคนๆ เดียวกันแล้ว” คำพูดของเขาทำให้เพลงมีนารู้ตัว รีบชักลำแขนที่พาดเอวใหญ่ออกทันควัน ขยับร่างถอยห่างร่างหนาทันที และถ้อยคำของเขาก็เรียกความเขินอายให้เกิดขึ้นบนใบหน้านวลลออ คนที่ถูกกอดไม่ใช่ว่าจะรังเกียจลำแขนเล็กๆ ที่พาดบนเอวของเขา ตรงกันข้ามกลับกระตุ้นให้เลือดลมในกายทำงานมากกว่าเดิมหลายเท่า ร่างนุ่มนิ่มที่เบียดกระแซะกำลังทำให้เขาเกิดความคลุ้มคลั่งอย่างมากมาย หลงลืมความบาดหมางที่เธอฝากไว้กับตนเองชั่วขณะ อีกทั้งยังหลงลืมคู่หมั้นสาวผู้ร้อนแรงอีกด้วย “คุณห้ามข้ามหมอนข้างนี้มาด้วย ถ้าคุณข้ามผ่านมาเมื่อไหร่ เจอดีแน่ๆ” เพลงมีนาขู่กลับ ขณะที่มือนุ่มนำหมอนข้างมาวางไว้ตรงกลางระหว่างร่างของเขาและเธอ “เธอจะทำอะไรฉันมิทราบ แล้วเธอคิดเหรอว่าถ้าหากฉันทำอะไรเธอจริงๆ ไอ้หมอนข้างใบนี้มันจะช่วยเธอได้ มันไม่ใช่กำแพงปูนนะแม่คุณ” เขาโต้กลับพลางหัวเราะ “ไม่รู้แหละ คุณข้ามผ่านมาเมื่อไหร่เจอดีแน่” เพลงมีนากำชับอีกครั้ง “ถ้าฉันอยากจะทำอะไรเธอจริงๆ เธอไม่รอดมือฉันแน่น้องหนู นอนได้แล้ว...ง่วง” เขาตัดบทสนทนาด้วยการพลิกตัวหนีแล้วหลับตาลง เพลงมีนาทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ ล้มตัวลงนอนพลิกกายหันหลังให้เจ้าของห้อง ไม่ลืมที่จะคว้าผ้าห่มมาคลุมกายไว้ทั้งตัว อาศัยผ้าผืนหนาป้องกันตนเองจากสัตว์น่าขยะแขยงที่ร้องดังไม่หยุด “จุ๊จุ๊ๆๆๆ” เพลงมีนาที่นอนหลับตาแน่นและยังคงได้ยินเสียงของจิ้งจกสองตัวที่ร้องแข่งกันด้วยความหวาดกลัว เสียงของมันทำลายโสตประสาททุกส่วน จนเธอก้าวเข้าสู่ห้วงนิทราไม่ได้ เสียงของพวกมันดังแต่ละครั้ง หัวใจดวงน้อยๆ ก็เต้นตุ้บๆๆไปตามเสียงร้องนั้น ความกลัวทำให้เธอคิดไปต่างๆ นานาว่า มันจะเข้ามาตามช่องว่างของตัวห้องบ้าง หรือไม่ก็จะกระแทกกระจกหน้าต่างเข้ามาในห้องบ้าง เรียกง่ายๆ ว่าเพลงมีนากลัวจนประสาทหลอนก็ว่าได้ นานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ที่เธอซุกตัวและหลับตาแน่นอยู่ในผ้าห่มผืนนั้น อาจจะนานเท่ากับเสียงร้องของจิ้งจกสองตัวที่เงียบเสียงหลง เวลานั้นเพลงมีนาจึงหลับสนิทเข้าสู่ห่วงนิทราในที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม