2 ไปอย่างไม่ร่ำลา
โจฟินตื่นขึ้นมาในตอนสาย เพื่อจะพบว่าข้างที่นอนข้างกายเขาว่างเปล่า เขารีบลุกจากเตียง เพื่อไปตรวจเช็กกระเป๋าเสื้อผ้าเธอที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า
หายไปแล้วพร้อมกับตัวเธอ
เขาเดินหมดแรงกลับมาทิ้งตัวบนที่นอน ไม่คิดว่าบีจะไปเงียบๆ คิดว่าจะตื่นมากินอาหารกันสักมื้อ ล่ำรา หรือให้เขาลงไปส่งที่รถ
ใจร้ายเกินไปแล้ว!
เขาตัดสินใจโทร. หาหญิงสาว เพราะแลกเบอร์กันเมื่อสองวันแรกที่เธอย้ายมาอยู่ด้วยกัน แต่โทร. ไม่ติด สัญญาณเหมือนปิดเครื่อง
โจฟินนั่งเหม่อบนเตียง มองไปรอบๆ ตัวแล้วรู้สึกเหงาและเคว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่ตอนมาอยู่ที่นี่คนเดียวยังไม่รู้สึกขนาดนี้
แย่แล้วไอ้โจ
เขาเองก็ไม่คิดว่าจะรู้สึกกับบีขนาดนี้ ก็เพิ่งอยู่ด้วยกันแค่สัปดาห์เดียว
ยอมรับว่าสวยถูกใจ และมีเซ็กซ์กับเธอคือดีมากๆ เขาชอบทุกส่วนบนร่างกายเธอ สวยไปหมด รวมทั้งนิสัยแปลกๆ ของเธอด้วย
ตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้บีรู้สึกกับเขา เหมือนอย่างที่เขารู้สึกกับเธอ และสำคัญที่สุด อยากให้โทร. มาหาเขาด้วย
ทว่าทั้งวันเธอก็ไม่โทร. มา
ผ่านไปอีกวัน ก็ยังไม่โทร. มาหา เขาก็โทร. ไป ก็ไม่เคยติด
สองวัน สาม...กระทั่งครบสัปดาห์
เขาก็คิดได้ว่า
เธอคงไม่ติดต่อกลับมา บีคงไม่ได้รู้สึกกับเขาเหมือนอย่างที่เขารู้สึกกับเธอ
โอ๊ย เจ็บชะมัด
ช่างเถอะ ผู้หญิงสวยๆ มีออกเยอะแยะ!
เราเองก็หล่อขนาดนี้!
หาคนใหม่ให้สวยกว่าผู้หญิงคนนั้นก็ได้!
จริงๆ แล้วก็แทบไม่รู้เกี่ยวกับตัวหญิงสาวเลย นอกจากรู้ว่าเธอเพิ่งอกหักจากคนรักที่ไปทำเพื่อนสนิทเธอท้อง เรื่องส่วนตัวอื่นๆ ก็แทบไม่เคยพูดถึง เขารู้แค่ว่าเธออาศัยและทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ และเขาก็ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวมากนัก เพราะคิดว่าเพิ่งรู้จักกัน อีกหน่อยถ้าพูดคุยหรือมากกว่านี้ก็อาจได้รู้จักกันลึกซึ้งมากขึ้นตามวันเวลา
สรุปเธอไม่อยากรู้จักเขามากกว่าที่หนึ่งสัปดาห์ที่รู้จักมาสินะ ทีนี้ก็เคว้งเลย
ไม่มีสมาธิทำงาน ทั้งแต่งภาพ วาดรูป เพื่ออัปโหลดขาย ที่สร้างรายได้หลักของเขา บางทีมันถึงเวลาที่เขาจะต้องเดินทางท่องเที่ยวถ่ายรูปอีกครั้งแล้วมั้ง
พูดถึงรูป บีไม่เคยอนุญาตให้เขาถ่าย บอกว่าไม่ชอบถ่ายรูป เขาก็ตามใจเธอ เพราะนั่นเป็นสิทธิ์ของหญิงสาวที่จะให้ถ่ายหรือไม่ถ่ายรูปก็ได้ เขาเกิดและเติบโตในประเทศที่เคารพสิทธิส่วนบุคล จึงยอมรับและไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกอะไร
ทว่าตอนนี้เขาคิดว่าบีแปลก และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกว่าเธอน่าสนใจ น่าค้นหา
แต่ตอนนี้เขาไม่ควรฟุ้งซ่านอยู่แต่ในห้องพัก ไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง
โจฟินเลือกจะนั่งดื่มที่บาร์ริมหาด ใกล้กับที่พัก เพราะไม่อยากขับรถ หรือไปไหนไกลที่พัก เวลาเมาก็เดินกลับห้องได้สบายๆ
เป็นบาร์ริมชายหาดของโรงแรมที่บีเคยพัก สรุปเขามาที่นี่เพราะคิดถึงบีสินะ โจฟินแค่นยิ้ม ขณะเข้าไปนั่ง ซึ่งคนค่อนข้างแน่น รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย เมื่อเห็นสายตาของสาวๆ หันมามองเขา ตาเป็นประกาย
ก็คนมันหล่อ เท่ขนาดนี้ ก็คงมีแค่บีที่ไม่รู้จักไขว้คว้าเขาไว้ข้างกาย
เขาสั่งเครื่องบรั่นดี จิบเบาๆ คิดว่าจะบริหารเสน่ห์ด้วยการหันไปส่งยิ้มสาวๆ ที่มองมาด้วยสายตาเป็นมิตร หรือมากกว่านั้นเสียหน่อย แต่เขาก็ยังจมอยู่กับความคิดของตัวเองที่เกี่ยวกับบี สุดท้ายเขาก็คิดได้ว่า เธอไม่ได้ต้องการจะสานสัมพันธ์กับเขาต่อ ที่อยู่ด้วยกันหนึ่งสัปดาห์ มันก็เพียงความสัมพันธ์ชั่วคราวเท่านั้น
เขาควรจะตัดใจ
ขณะนั้นเสียงคนที่นั่งถัดไปจากเขาก็ดังขึ้น
“มึง ฝรั่งคนนี้หล่อเทพมาก” รูปร่างหน้าตาคือผู้หญิง แต่เสียงค่อนข้างใหญ่ ติดจะแหบๆ คงเป็นสาวแปลงเพศ
“เบาสิมึง เดี๋ยวเขาได้ยิน” เสียงอีกคนเป็นผู้ชายที่ฟังดูเล็กแหลม กิริยาท่าทางออกสาวอย่างชัดเจน
“โอ๊ย เขาฟังไม่รู้เรื่องหรอกแก”
โจฟินเผลอยิ้มกับบทสนทนานั้น ตอนแรกก็คิดว่าจะฟังไปเรื่อยๆ อยากรู้ว่าทั้งสองจะพูดถึงเขาอย่างไรต่อ แต่สุดท้ายเขาก็หันไปทัก
“ผมฟังรู้เรื่องครับ ขอบคุณที่ชมว่าหล่อเทพ” แล้วก็ส่งยิ้มหล่อๆ ไปให้
กรี๊ดด
เสียงกรี๊ดดังขึ้น จนคนทั้งร้านหันมามอง ก่อนทั้งสองก็เอามืออุดปากตัวเอง มองเขาเหมือนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก สักพักก็ตั้งสติได้ แล้วเอ่ยทักเขาด้วยภาษาไทย
“ขอโทษนะคะ ไม่คิดว่าจะพูดไทยได้ แถมพูดชัดมากค่ะ”
“แม่ผมเป็นคนไทยครับ” เขาตอบด้วยรอยยิ้ม แล้วหันมาพิจารณาชายหนุ่มที่มีผู้ชายที่มีกิริยาท่าทางแบบที่คนไทยเรียกว่าตุ้งติ้ง อีกฝ่ายส่งยิ้มแล้วเอ่ยถาม
“น้องหล่อมากเลย มีคนชวนเข้าวงการหรือยังครับ”
“วงการ วงการอะไรครับ” โจฟินถามด้วยสีหน้างงๆ
“วงการบันเทิง เล่นหนัง ละคร ซีรีส์ เล่นโฆษณา ถ่ายแบบ เดินแฟชั่น” สาวแปลงเพศคนสวยตอบคำถามเขาอย่างละเอียดถึงงานในวงการที่ว่ามา
“ยังครับ เพราะผมเพิ่งมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน”
“งั้นสนใจไหมคะ พี่ขอแนะนำตัวนะคะ พี่ชื่อมะปราง เป็นผู้จัดการดารา และนี่คือมิกซ์เป็นเมคอัปอาร์ตติสต์ เราสองคนทำงานในวงการมาหลายปี ถ้าน้องสนใจพี่ดูแลน้องได้นะครับ”
“ผมไม่ชอบงานในวงการครับ แต่ผมอยากถ่ายภาพ เพราะผมเรียนด้านนี้มา”
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง แต่คือยังงี้นะน้อง เอ่อ น้องชื่ออะไรนะคะ” มะปรางถามชื่อ ก่อนจะอธิบายงานในวงการต่อ
“ชื่อโจฟินครับ เรียกโจเฉยๆ ก็ได้”
“คืออย่างงี้นะน้องโจ ถ้าน้องสนใจการถ่ายภาพ พี่ว่าการทำงานในวงการ มันปูทางได้ดี เพราะจะทำให้เราได้รู้จักคนทำงานในหลายแวดวง โดยเฉพาะช่างภาพ...” มะปรางอธิบายและโน้มน้าวความสนใจให้โจฟินทำงานในวงการ เพราะหล่อเทพ รูปร่างก็ดี อายุยังน้อยแบบนี้ อนาคตในวงการยาวไกล ถึงหน้าจะเป็นฝรั่งจ๋า แต่พูดไทยถือว่าค่อนข้างชัด
“งั้น งานถ่ายแบบ หรือเดินแฟชั่นโชว์ ผมว่าคงจะพอทำได้ แต่งานแสดง ผมไม่สนใจจริงๆ ครับ”
“โอเค งานถ่ายแบบ เดินแฟชั่นก็ได้” มะปรางคิดว่าหน้าตารูปร่างแบบนี้ เก็บไว้เป็นเด็กในสังกัดก็เสริมบารมีแมวตาเพชรของเธอได้แล้ว ส่วนจะรับแค่งานถ่ายแบบ เดินแฟชั่นก็ไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว
เมื่อตกลงกันแบบนี้ ทั้งสามก็พูดคุยกันอย่างเปิดอก แต่โจฟินอยากแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ถูกหลอก เขาจึงขอดูภาพการทำงานของทั้งสองในวงการ
มะปรางกับมิกซ์ก็โชว์ภาพทั้งภาพนิ่ง คลิป รวมทั้งอินสตาแกรมส่วนตัว แต่น่าเสียดายที่โจฟินไม่รู้จักคนในวงการบันเทิงเลยสักคน โดยเฉพาะดารา นางแบบ หรือเซเลบฯ ทั้งหลาย
“ไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จะค่อยๆ แนะนำให้รู้จัก แต่อย่างแรกโจต้องดูทีวีไทยก่อนนะ เพราะดาราดังๆ ส่วนใหญ่จะเล่นโฆษณาทั้งนั้น”
“อ่อ ครับ”
“ว่าแต่โจจะเข้ากรุงเทพฯ เมื่อไหร่”
“ก็คิดว่าเร็วๆ นี้”
“มีที่พักหรือยัง”
“กำลังจะจองโรงแรมครับ”
“จองทำไมให้เปลือง ไปพักที่คอนโดพี่ก็ได้ มีห้องว่างอยู่”
“ไม่เป็นไรครับผมดูแลตัวเองได้” โจฟินพูดอย่างเกรงใจ อีกอย่างเพิ่งรู้จักกัน เขาไม่อยากรับน้ำใจใคร จนกว่าจะแน่ใจว่าทั้งสองเป็นบุคคลที่น่าคบหา ซึ่งควรต้องใช้เวลา ที่สำคัญเขามีเงินมากพอจะดูแลเรื่องที่พักอาศัยของตัวเองได้
“งั้นแล้วแต่โจ” จากนั้นทั้งสามก็แลกเบอร์โทร. กัน และโจฟินสัญญาว่าเข้ากรุงเทพฯ แล้วจะติดต่อทั้งสองทันที
::::::::::::::::::::::::