บทที่ 6 พี่ราชันคือคนอันตรายเธออย่าหลงคารมเด็ดขาด

1959 คำ
บทที่ 6 พี่ราชันคือคนอันตรายเธออย่าหลงคารมเด็ดขาด “แล้วก็อยู่นิ่งๆ อย่าซน” ยิ้มของเธอ ทำให้ผมใจเต้นแรงนะ ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีสาวคนไหนยิ้มให้ แต่ยิ้มของยัยเด็กน้อยนี้ผมชอบครับ ข้างแก้มแดงระเรื่อมีลักยิ้มด้วย “พี่!” ฉันทำเสียงเขียวใส่เขา เมื่อพี่แกแอบจูบแก้มของฉัน “อะไร อยากโดนหอมหรือจูบ” พี่ราชันมองหน้าฉันนิ่งๆ แล้วพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ก้มลงมาจุ๊บที่หน้าผากฉันเบาๆ “บ้า!” เพราะฉันอายมาก ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนมือสองข้างยกขึ้นปิดหน้ายังปิดไม่มิดเลย จึงต้องพิงหน้าอกแกร่งของเขา ว่าแล้วฉันก็ซุกหน้าลงบนอกของเขา นี่ถ้าเพื่อนฉันมาเห็นนะว่าเวลาฉันอยู่กับพี่ราชันแล้วเสียอาการขนาดนี้ พวกนั้นต้องไม่เชื่อแน่ เพราะปกติฉันดูห้าวๆ ร้ายๆ แต่ตอนนี้เหมือนลูกแมวน้อยมากเลย “หึๆ!” อาการเขินอาย ตัวสั่นระริกของคนตัวเล็ก ทำให้ผมหัวเราะในลำคอ “หยุดหัวเราะเลยนะ” เสียงหัวเราะของพี่เขา ทำให้ฉันทุบเข้าที่อกพี่ราชันเบาๆ “เล่นเกมไป” ผมสั่งเสียงดุๆ ชิดขมับของเธอ และเมื่อเธอทำตาม ผมก็หันมาทำงานต่อ.. “พี่คะ” พอเล่นไปสักพักฉันก็นึกขึ้นได้ว่าฉันโดนเขาลากออกมาจากโต๊ะ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆ เห็นมั้ย แล้วตอนนี้พวกนั้นไม่เป็นห่วงฉันแย่แล้วเหรอ “ฮื้อ” พี่ราชันละสายตาจากเอกสารตรงหน้าแล้วก้มมามองฉัน “หนูมานานแล้ว ป่านนี้เพื่อนหนูคงเป็นห่วงแย่” ฉันบอกเขา เพราะกลัวเพื่อนจะเป็นห่วง ยิ่งยัยกอบัวยิ่งโอเวอร์อยู่ด้วย “เดี๋ยวให้คนไปบอกเพื่อนให้” พี่ราชันว่าขึ้น ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับฉันเลย “ไม่เอา หนูจะกลับพร้อมเพื่อน” ฉันทำหน้างอแงใส่เขา ทั้งที่ไม่ควรเลย นี่ยัยเหมยแกช่างกล้างอแงกับคนอันตรายอย่างพี่ราชันเหรอ “เดี๋ยวไปส่ง” ผมบอกโดยไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้กำลังจ้องเอกสาร อยากทำให้เสร็จจะได้มีเวลาให้คนที่นั่งอยู่บนตัก “มะ” ฉันยังไม่ทันได้ปฏิเสธ ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเจอสายตาดุๆ จ้องฉัน “อยู่นิ่งๆ ง่วงก็นอนไป” ผมสั่งทั้งพยักหน้าให้เธอกลับมาพิงหลังบนอกของผม “ชิ!” ฉันย่นหน้าใส่เขา แต่ก็ทำตามคำสั่งของเขาซบหน้าลงบนอกแกร่ง ทำไมหัวใจพี่ราชันเต้นแรงมากเหมือนหัวใจของฉันเลย ฉันนอนฟังเสียงหัวใจของเขาและฉันเต้นแข่งกันเสียงดังตึกๆ ไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องผงกหัวออก เมื่อประตูห้องเปิด.. “คุณชันเรียกผม มีอะไรครับ” พี่ผู้ชายดูอายุมากกว่าพี่ราชันเดินเข้ามา “พี่แมนลงไปเอากระเป๋าของคนที่ชื่อเหมยที่โต๊ะของวาวา แล้วบอกด้วยว่าเจ้าของกระเป๋าอยู่กับผม” แล้วพี่ราชันก็กดโทรศัพท์ประจำโต๊ะทำงานขึ้นโทรหาใครก็ไม่รู้ และเมื่อพี่คนนั้นไปแล้ว ฉันก็ถามพี่เขา “พี่รู้จักวาวาด้วยเหรอ” “อื้อ วาวาเป็นน้องไอ้วิน” ผมวางโทรศัพท์ แล้วหันมามองเธอ แขนยังคงโอบกอดเมื่อคนตัวเล็กขยับตัวไปมา “อ๋อ” ฉันพยักหน้ารับรู้ไป “แล้วรู้จักวาวาได้ยังไง” ผมถามกลับ “กอบัวกับเฟิร์นเคยไปออกค่ายอาสากับวาวา เลยรู้จักกัน” ฉันบอกไปถึงความสัมพันธ์ของฉันกับเพื่อนใหม่คนนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าทำไมเธอไม่ไปออกค่ายตอนนั้น “อื้ม” พี่ราชันพยักหน้ารับรู้ เพราะคนอย่างเขาถ้าอยากรู้ก็ต้องรู้ให้ได้ เขาสืบมาว่าเมลิษาตอนนี้อยู่ตัวคนเดียว พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เธอยังเด็ก และต่างคนก็มีครอบครัวใหม่ และผมถึงเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเธอถึงทำงานที่ร้านกาแฟทั้งที่ยังเรียนอยู่ “แล้วนี่พี่ราชันทำอะไรอ่ะ” ฉันถามพลางขยับตัวนั่งบนตักเขา โดยยกแขนข้างเกาะบ่าหนา “บัญชีเงินเดือนพนักงาน” ผมยิ้มเหลือบตามองมือเล็กที่เกาะอยู่ที่บ่าผม แล้วหยิบแฟ้มอีกอันมาเปิดดู “แล้วนี่ไม่มีพนักงานบัญชีเหรอ” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเสี้ยวหน้าเขาเล็กน้อย แล้วชะโงกไปดูเอกสารในมือเขา “ไล่คนออกเก่าแล้ว กำลังจะรับสมัคร” ผมบอก “ไล่ออก?” ฉันทำหน้าสงสัย การที่โดนไล่ออกนี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ ใช่มั้ย “อื้ม โดนโกงน่ะ” ผมบอกเธอ พร้อมเอนหลังพิงเบาะเก้าอี้ มือยื่นไปสัมผัสแก้มนุ่ม “ห๊ะ โกงเลยเหรอคะ” ฉันถามอย่างตกใจ พร้อมเผลอตัวจับมือของเขามากุมไว้ “ขี้สงสัยจัง” พี่ราชันเอนหน้ามาใกล้ฉัน แล้วยิ้มให้ ฉันเคลิ้มกับการที่เขายิ้มให้ฉันอยู่นะ ถ้าเกิดว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้หลอกด่าฉันว่าฉันขี้เสือกอะ “ถามก็ไม่ได้” ฉันทำหน้างอนๆ แล้วผละหน้าเขาให้ออกห่าง “แก้มก็ไม่เล็ก ทำไมขี้งอน” ผมแตะแก้มของเธอเบาๆ “เอ๊ะ ด่าหนูว่าอ้วนเหรอ” นี่เขาจงใจแกล้งฉันชัดๆ หึ้ย! นี่ด่าว่าอ้วนตรงๆ ยังไม่เจ็บเท่ากับมาว่าฉันมีแก้มเลยนะ “เธอพูดเองนะ” พี่ราชันไหวไหล่ให้ฉันอย่างน่าหมั่นไส้ “ชิ” ส่วนฉันยอมที่ไหน เชิดหน้าใส่พี่เขาสิยะ “แต่ก็น่ารักนะ แก้มน่ากัด น่ากินไปทั้งตัวเลย” พี่ราชันหันมามองหน้าฉันแล้วจับแก้มฉันส่ายไปส่ายมา ตึก! ตึก! ตึก! เสียงหัวใจเต้นแรงผิดปกติของฉัน ทำเอาฉันเก็บอาการไม่อยู่แล้ว นี่ฉันไม่สบายใช่ไหม ใครก็ได้พาฉันไปโรงพยาบาลที ฉันคิดว่าฉันเป็นโรคหัวใจแน่เลย “แก้มแดงๆ นี่ยิ่งน่ากิน” ผมจับหน้าคนสวยให้หันมา แล้วกระซิบเสียงเข้มชิดพวงแก้มแดง ยัง ยัง ยังไม่หยุดพูดอีก โอ๊ย นี่เขาจะทำให้ฉันสับสนหัวใจไปถึงไหน พี่เขาคือคนอันตราย ยัยเมลิษาต้องท่องไว้ให้ขึ้นใจ “พี่ราชันอันตรายที่สุด” “ฮ่าๆ ใครบอกเรา” คำพูดของน้องน้อยทำให้ผมหัวเราะเสียงดัง “หัวเราะทำไม ถ้าไม่จริงก็ทำงานไปเลย” ฉันเงยหน้าขึ้นแล้วยกมือขึ้นชี้หน้าเขาอย่างคาดโทษ “โอเค ไม่ล้อเล่นละ” พี่ราชันยิ้มยิ้มขำๆ แล้วก็หันไปทำงานต่อ ฉันจึงทำใจให้เย็น ทำใจให้เป็นปกติแล้วก็เอนหลังพิงอกพี่ราชันต่อ สักพักฉันก็นึกขึ้นได้ รีบนั่งตัวตรงบนตักของเขา ไม่ได้ๆ นะยัยเหมย เธอจะมาหวั่นไหวไปกับเขาง่ายๆ อย่างนี้ไม่ได้ ฉันบอกตัวเองอย่างสับสน ว่าตอนนี้มันเป็นยังไงกันแน่ เพราะฉันเพิ่งรู้จักพี่ราชัน แต่เขาเข้ามาในชีวิตฉันแบบข้ามขั้นไปหมด ฉันเคยมีรักครั้งแรกนะตอน ม.4 แค่เดินจับมือกันนี่มันคนละฟิลเลยอ่า พอนั่งไปสักพักฉันก็สามารถทำใจได้ และมองมือพี่ราชันที่กำลังเซ็นเอกสารอยู่ เขาไม่คิดบ้างเหรอว่าการที่ให้ฉันนั่งตรงนี้มันทำให้เขาทำงานไม่ถนัด และฉันก็นั่งไม่ถนัดด้วย แถมเขายังมาว่าฉันอ้วนอีก ยิ่งทำให้ฉันเกร็ง กลัวว่าเขาจะหนัก แต่ก็ดี หนักไปเลย กวนใจฉันดีนัก เอ๊ะ สรุปนี่ฉันจะอยากผอมหรืออยากอ้วนกันแน่ ฉันนั่งมองมือพี่ราชันอย่างเซ็งๆ เพราะไม่มีอะไรทำ ส่วนโทรศัพท์พี่ราชันก็อยู่ในมือนี่แหละ แต่ไม่รู้จะเล่นอะไร ตอนนี้กำลังโหลดเกมที่ฉันชอบเล่นมาไว้อยู่ แต่ยังไม่เสร็จ ฉันจึงหลับตาลงเพื่อพักสายตา และด้วยความเหนื่อยล้าของการออกกำลังกายในวันนี้ด้วยแหละ ฉันจึงเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้อยู่ในอ้อมกอดของพี่เขา… ผ่านไปนานหลายสิบนาที ที่ผมนั่งทำงาน และฟังเสียงคนตัวเบาพูดไม่หยุดปาก และสักพักเสียงนั้นก็เงียบไป ผมจึงก้มมองเธอ “เหมย เหมย เมลิษา” ผมเรียกชื่อเล่นและชื่อจริงของคนที่อยู่อ้อมแขนเบาๆ เพราะตอนนี้เธอเงียบไปละ “อ้าว หลับละ” ผมก้มมองหน้าเนียนใสก็เห็นว่าตอนนี้หลับไปแล้ว สงสัยคงจะเหนื่อยมากแหละ เพราะวันนี้เจอเรื่องมาเยอะนี่ ไหนจะโดนตบ ไหนจะไปวิ่งรอบสนามอีก ผมปัดปอยผมที่ปรกหน้าของเธอออก แล้วมองหน้าเธออย่างหลงใหล ยอมรับเลยว่าผมหลงเธอมาก ตอนแรกที่เห็นในร้านกาแฟ ผมแค่รู้สึกสนใจ แต่พอได้คุยด้วยวันนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่าเธอไม่เหมือนคนอื่น ส่วนผู้หญิงที่ทำร้ายเมลิษาสองคนนั้น ผมก็ฝากไอ้เทล เพื่อนผมที่เป็นลูกชายเจ้าของมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่จัดการให้แล้ว ผมไม่อยากลงมือเองเพราะเดี๋ยวคนจะหาว่าผมรังแกผู้หญิง แล้วคนก็จะมองเมลิษาเสียหาย.. ก็อกก!! เสียงประตูถูกเคาะ ทำให้ผมละสายตาจากคนตัวบางตรงหน้าแล้วหันไปมองประตู “พี่แมน” ผมพยักหน้ารับรู้เมื่อพี่แมนชูกระเป๋าสะพายของผู้หญิงให้ผมดู “ผมเอากระเป๋ามาให้ครับ” พี่แมนบอก “ขอบคุณครับพี่ เอาวางไว้ตรงนั้นแหละครับ” ผมบอกพี่แมนเบาๆ เพราะกลัวว่าคนในอ้อมกอดจะตื่น “ครับ” พี่แมนวางกระเป๋าลงบนโต๊ะเตี้ยที่อยู่ตรงโซฟารับแขก แล้วจะเดินออกไป “พี่แมนครับ” ผมเรียกพี่แมน แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทั้งที่อุ้มคนตัวน้อยแบนอก “มีอะไรครับ” พี่แมนถาม “เปิดประตูให้หน่อย จะพาไปนอน” เมื่อพี่แมนเปิดประตูห้องแล้วผมอุ้มน้องเดินนำหน้าพี่แมนไปยังประตูห้องนอนที่อยู่อีกฝั่งตรงข้ามของห้องทำงาน “ครับ” พี่แมนเปิดประตูห้อง ส่วนผมอุ้มน้องน้อยไปวางไว้บนเตียง แล้วเดินกลับมาก่อนที่จะปิดประตูห้องนอน ผมก็บอกพี่แมนว่า “ขอบคุณพี่แมนครับ” เมื่อปิดประตูห้องแล้ว ผมก็เดินกลับมานั่งข้างเตียง ผมเปิดแอร์แล้วเอาผ้าห่มขึ้นมาห่มให้น้อง เพราะกลัวว่าเธอจะหนาว ปกติผมเป็นคนขี้ร้อน เวลาเปิดแอร์จึงต้องเย็นกว่าปกติ และจากนั้นผมก็ผละออกจากเธอไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุด พอทำธุระเสร็จผมก็เดินมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เธอ แล้วดึงตัวเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน “ฮื้ออ” คนตัวเล็กครางอื้อ เพราะผมกวนการนอนของเธอ “ขี้เซา” ผมนอนตะแคงแขนข้างหนึ่งแล้วมองเธออย่างเอ็นดู จากนั้นเอานิ้วมาปัดที่จมูกเล็กไปมา “อย่ากวนนะ” เธอทำเสียงดุใส่ผมทั้งที่หลับไม่มีสติ ซึ่งเธอน่ารักมาก และมือก็ยกขึ้นปัดมือผมออก “ฝันดีนะ” ผมจุ๊บเข้าที่ปากเธอเบาๆ แล้วบอกฝันดี จากนั้นผมก็นอนกอดเธอ แล้วเคลิ้มหลับไปเพราะเมื่อยล้ามาทั้งวัน...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม