bc

เล่ห์รักราชันจอมโหด

book_age16+
833
ติดตาม
4.8K
อ่าน
จบสุข
ผู้สืบทอด
ชายจีบหญิง
สาสมใจ
ลึกลับ
ฉลาด
ขี้แพ้
วิทยาลัย
มัธยมปลาย
ปิ๊งรักวัยเด็ก
like
intro-logo
คำนิยม

เขาคือ

ราชันคนหน้านิ่งและเสือยิ้มยาก

ที่ต้องมาปราบสาวน้อยที่แสนแสบ

“นี่มันปีศาจน้อยชัดๆ”

เธอคือ

สาวน้อยที่พกพาความสวยน่ารัก และสุดแสบไม่ยอมใคร

“ใครบอกว่าหนูเป็นปีศาจ หนูคือแมวน้อยต่างหาก

ก่อนอื่นฉันขอแนะนำตัวก่อนละกัน

สวัสดี ฉัน เหมย เมลิษา ธรรมคุณ เป็นนักศึกษาปีหนึ่งมหาวิทยาลัย M และทำงานอยู่ที่ร้านกาแฟหน้ามหาวิทยาลัย ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ไม่ต้องรู้ประวัติฉันมากหรอก ฉันก็แค่คนธรรมดาไม่ได้รวยเลยต้องทำงานทั้งที่เรียนไปด้วย ฉันอยู่กับยายตั้งแต่พ่อแม่แยกทางกันไปมีครอบครัวใหม่ แล้วยายก็มาเสียตอนฉันอายุสิบเจ็ด พอยายจากไปฉันก็อยู่คนเดียวตลอด ไม่ต้องถามถึงพ่อแม่ฉันนะทำไมไม่ไปอยู่กับพวกเขา เพราะพวกเขาก็มีครอบครัวใหม่ไม่มาสนใจฉันหรอก และนี้คือที่มาที่ไปที่ฉันต้องหาเงินส่งตัวเองเรียนหนังสือ

ฉันเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เพราะชอบวาดรูปมาก ตอนนี้ก็เปิดเรียนมาได้ประมาณสองสัปดาห์แล้ว ซึ่งแรกๆ มันไม่มีอะไรหรอก เรียนปรับพื้นฐานก็แค่นั้น แล้วตอนเย็นก็รับน้อง ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่สองคนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก

คนแรกคือกอบัว เป็นเพื่อนที่บ้านอยู่ซอยเดียวกันสนิทกันมาก คนที่สองคือเฟิร์นเป็นเพื่อนตั้งแต่ประถม และขอ บอกว่าสองคนนี้ไปไหนไปกัน เคยได้ยินคำว่า เพื่อนกันก็ต้องนิสัยเหมือนกันปะ และสำหรับเพื่อนฉันนี่ใช่เลย ส่วนโต๊ะที่ฉันเพิ่งไปรับออเดอร์มานั่นคือโต๊ะของรุ่นพี่ในคณะ ที่ฮอตมาก ไปไหนก็มีแต่คนสนใจและพูดถึง

คนแรกคือพี่พาสต้า เท่าที่ฉันดูคนนี้เจ้าชู้ไม่เบา เพราะเห็นเพื่อนๆ รุ่นเดียวกับฉันโดนพี่แกขอเบอร์ไปเยอะ เพื่อนฉันยังโดนเลย คนที่สองคือพี่วิน ดูเป็นคนง่ายๆ แต่แกไม่ค่อยพูด คนที่สามคือพี่เต คนนี้ก็ดูเงียบๆ แต่ดูแล้วแกก็ดูเฟรนด์ลี่ดี และคนสุดท้ายที่ตอนนี้ยังมองฉันไม่เลิกเลย

น่าจะชื่อพี่ราชัน เพราะเห็นพี่ๆ เรียกเขาว่าชา รุ่นพี่ที่ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าเพราะพี่แกไม่เข้ากิจกรรมรับน้องเลย และคนนี้แหละที่เขาว่ากันว่าอันตรายเงียบ

ซึ่งฉันก็เห็นด้วย เขาดูเป็นคนเงียบๆ เข้าถึงได้ยาก และดูอันตรายจริงๆ ด้วยแหละ ได้ยินมาว่ากลุ่มนี้ไม่ได้มีแค่พี่ๆ เพราะเพื่อนเขาเยอะ มีทั้งแพทย์ วิศวะ ซึ่งดีกรีแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
บทที่ 1 เค้กดาร์กช็อกโกแลตสื่อรัก
บทที่ 1 เค้กดาร์กช็อกโกแลตสื่อรัก ร้านเบเกอรี่หน้ามหาวิทยาลัย M “เหมย” เสียงพี่หน่อยเรียกฉันดังอยู่มุมหนึ่งของร้าน “ค่ะพี่” ส่วนฉันก็ขานรับ ทั้งที่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็กของ “รับออเดอร์แทนพี่ด้วย” พี่หน่อยบอก “ค่ะ” ซึ่งฉันขานรับ แล้วรีบคีย์ออเดอร์ เดินออกจากเคาน์เตอร์ไปรับออเดอร์จากลูกค้าที่มาใหม่ แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆ โต๊ะนั้น ก็ทำเอาฉันรู้สึกว่าตัวเองประหม่ามาก “อ้าว น้องเหมย” บุคคลในโต๊ะคนหนึ่งเอ่ยทักฉัน “สวัสดีค่ะ” ฉันยิ้มและยกมือไหว้พี่ๆ จากนั้นก็วางเมนูไว้ตรงหน้าของพวกเขา “ทำงานที่นี่เหรอ” พี่เตถามฉัน “ค่ะ” ฉันตอบแล้วก้มหน้าลง เพราะตอนนี้รู้สึกไม่ชินกับสายตาของเขาคนหนึ่งที่ร่วมโต๊ะของพี่ๆ ในคณะมองมา ซึ่งฉันไม่รู้จักเขา “อ้าว ไอ้ชัน มองขนาดนี้น้องเกร็งมั้ย” เป็นพี่พาสต้าเองที่พูดขึ้น ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วเหลือบตาไปมองเขาคนนั้นที่พี่พาสต้าเรียกว่าชัน แต่...ฉันต้องรีบก้มหน้าเหมือนเดิม เมื่อเขาคนนั้นจ้องมองฉันอยู่แล้ว “ไอ้ชัน” แล้วพี่พาสต้าก็เรียกเสียงต่ำอีกครั้ง “กูก็แค่มอง” เขาบอกพี่พาสต้า แต่ตาสีเข้มเปล่งประกายแสงมากจ้องฉันไม่กะพริบตาเลย ‘บ้าไปแล้วจะมองให้ฉันละลายเป็นขี้ผึ้งรึไง’ ฉันไม่กล้าบอกเขา แต่ก็บ่นในใจก็ได้วะ “เหอะ มึงอย่างกับจะกินเขาลงท้อง” พี่ๆ ในโต๊ะนั่นแหละที่พูดขึ้น นั่นทำให้ฉันหน้าร้อนวูบวาบ และไม่กล้าเงยหน้าขึ้นเลย “พูดมาก จะสั่งอะไรก็รีบสั่ง วันนี้กูเลี้ยง” เขาบอกเพื่อนๆ แต่ตาก็มองฉัน “มึงต้องเลี้ยงพวกกูอยู่แล้ว” พี่คนหนึ่งพูดขึ้น “น้องเหมยพี่เอา..บลาๆๆๆ” จากนั้นพี่ๆ ก็สั่งออเดอร์มา ฉันพยักหน้างึกๆ และจดอย่างขะมักเขม้น แล้วพอทุกคนสั่งเสร็จแล้วก็มีคนหนึ่งที่ยังไม่สั่ง ฉันจึงหันไปมองหน้าเขาอย่างประหม่า “เอ่ออ” แต่จู่ๆ ฉันก็ติดอ่างพูดไม่ออกเฉยเลยนะ “ไอ้ชัน สั่งดิว่ะ” พี่พาสต้าบอกเขา “เอาอะไรก็ได้” แล้วสิ่งที่เขาสั่งมานั่นทำให้หัวคิ้วของฉันย่นเข้าหากัน จนเป็นรอยหยัก “เออ ดี ปัญหาโลกแตก” พี่วินบ่นขึ้นบ้าง “ตามนั้นครับน้องเหมย เอาอะไรมาให้มันก็ได้” พี่พาสต้าหันมาบอกฉัน ฉันจึงพยักหน้าให้พี่เขา แล้วหมุนตัวเดินไปที่เคาน์เตอร์ เพื่อทำเมนูที่พี่ๆ สั่ง โดยมีพี่หน่อย เจ้าของร้านมาช่วย… ก่อนอื่นฉันขอแนะนำตัวก่อนละกัน สวัสดี ฉัน เหมย เมลิษา ธรรมคุณ เป็นนักศึกษาปีหนึ่งมหาวิทยาลัย M และทำงานอยู่ที่ร้านกาแฟหน้ามหาวิทยาลัย ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ไม่ต้องรู้ประวัติฉันมากหรอก ฉันก็แค่คนธรรมดาไม่ได้รวยเลยต้องทำงานทั้งที่เรียนไปด้วย ฉันอยู่กับยายตั้งแต่พ่อแม่แยกทางกันไปมีครอบครัวใหม่ แล้วยายก็มาเสียตอนฉันอายุสิบเจ็ด พอยายจากไปฉันก็อยู่คนเดียวตลอด ไม่ต้องถามถึงพ่อแม่ฉันนะทำไมไม่ไปอยู่กับพวกเขา เพราะพวกเขาก็มีครอบครัวใหม่ไม่มาสนใจฉันหรอก และนี้คือที่มาที่ไปที่ฉันต้องหาเงินส่งตัวเองเรียนหนังสือ ฉันเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เพราะชอบวาดรูปมาก ตอนนี้ก็เปิดเรียนมาได้ประมาณสองสัปดาห์แล้ว ซึ่งแรกๆ มันไม่มีอะไรหรอก เรียนปรับพื้นฐานก็แค่นั้น แล้วตอนเย็นก็รับน้อง ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่สองคนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก คนแรกคือกอบัว เป็นเพื่อนที่บ้านอยู่ซอยเดียวกันสนิทกันมาก คนที่สองคือเฟิร์นเป็นเพื่อนตั้งแต่ประถม และขอ บอกว่าสองคนนี้ไปไหนไปกัน เคยได้ยินคำว่า เพื่อนกันก็ต้องนิสัยเหมือนกันปะ และสำหรับเพื่อนฉันนี่ใช่เลย ส่วนโต๊ะที่ฉันเพิ่งไปรับออเดอร์มานั่นคือโต๊ะของรุ่นพี่ในคณะ ที่ฮอตมาก ไปไหนก็มีแต่คนสนใจและพูดถึง คนแรกคือพี่พาสต้า เท่าที่ฉันดูคนนี้เจ้าชู้ไม่เบา เพราะเห็นเพื่อนๆ รุ่นเดียวกับฉันโดนพี่แกขอเบอร์ไปเยอะ เพื่อนฉันยังโดนเลย คนที่สองคือพี่วิน ดูเป็นคนง่ายๆ แต่แกไม่ค่อยพูด คนที่สามคือพี่เต คนนี้ก็ดูเงียบๆ แต่ดูแล้วแกก็ดูเฟรนด์ลี่ดี และคนสุดท้ายที่ตอนนี้ยังมองฉันไม่เลิกเลย น่าจะชื่อพี่ราชัน เพราะเห็นพี่ๆ เรียกเขาว่าชา รุ่นพี่ที่ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าเพราะพี่แกไม่เข้ากิจกรรมรับน้องเลย และคนนี้แหละที่เขาว่ากันว่าอันตรายเงียบ ซึ่งฉันก็เห็นด้วย เขาดูเป็นคนเงียบๆ เข้าถึงได้ยาก และดูอันตรายจริงๆ ด้วยแหละ ได้ยินมาว่ากลุ่มนี้ไม่ได้มีแค่พี่ๆ เพราะเพื่อนเขาเยอะ มีทั้งแพทย์ วิศวะ ซึ่งดีกรีแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด “อ้าว มากันสี่คนไม่ใช่เหรอ ทำไมมีแค่สามล่ะเหมย” พี่หน่อยหันมาถามฉัน หลังจากแกทำแก้วแรกเสร็จ ส่วนฉันก็ทำแก้วที่สองเสร็จแล้ว “อีกคนเขาสั่งอะไรก็ได้ค่ะ” ฉันตอบแล้วยิ้มแหย่ๆ ให้พี่หน่อย “พี่เห็นเราคุยด้วย รู้จักเหรอ” “พี่ๆ ที่คณะน่ะค่ะ” ฉันตอบแล้วหยิบแก้วมาทำออเดอร์แก้วที่สาม “งั้นเหมยทำก็แล้วกัน รู้จักกันน่าจะรู้ว่าเขาสไตล์ยังไง” พี่หน่อยบอกแล้ววางแก้วไว้ให้ฉันทำต่อ ‘เอาละสิเหมยคิดหนักเลย’ ฉันยืนนิ่งเพราะคิดหนักว่าจะทำอะไรดีให้เขาคนนั้น พอหันไปมองยังโต๊ะพี่ๆ ฉันเห็นสายตาสีเข้มมองมาที่ฉันตลอดจนฉันเกร็ง และตอนนี้ฉันเลิกเกร็งล่ะ ฉันเลือกที่จะทำอเมริกาโน่ให้เขา แล้วเอาเค้กดาร์กช็อกโกแลตเพราะดูแล้วเขาคงเป็นผู้ชายดาร์กๆ เหมาะกับอะไรแบบนี้ดี พอทำเสร็จแล้วฉันและพี่หน่อยก็นำเมนูไปเสิร์ฟ ถามว่าทั้งร้านมีกันแค่นี้เหรอ ที่จริงวันนี้เป็นวันเสาร์ คนเข้าร้านไม่ได้เยอะเหมือนวันปกติ จึงมีแค่ฉันกับพี่หน่อย และพี่แพท ที่ทำเค้กอยู่ด้านในร้าน ส่วนวันปกติจะมีน้องๆ มาช่วยอีกสองคน ชื่อน้องพรีมและน้องนัท ซึ่งสองคนนั้นเรียนเสาร์-อาทิตย์ จึงสลับกับฉันที่วันธรรมดาจะเข้างานหกโมงถึงสี่ทุ่ม ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ฉันจะทำเก้าโมงถึงห้าโมงเย็น เพราะเสาร์อาทิตย์ร้านปิดห้าโมงเย็น ฉันทำงานที่นี่มาได้เกือบปีแล้วล่ะ ซึ่งเจ้าของร้านอย่างพี่หน่อยและพนักงานในร้านก็น่ารักกันมาก ช่วงแรกที่ฉันทำอะไรไม่เป็นก็สอนฉันจนฉันเซียนตั้งแต่อาทิตย์แรก “เฮ้ย เพื่อนพี่ไม่กินเค้กน้องเหมย” พอฉันวางเมนูลงตรงหน้าพี่ราชัน พี่พาสก็ทักขึ้นทำเอาฉันหน้าตาเลิ่กลั่กเลยทีเดียว แต่พอหันไปมองหน้าพี่ราชันแล้วฉันก็รีบหยิบจานเค้กขึ้นมาหวังจะเอาไปเก็บ แต่... “พี่” ฉันอุทาน เพราะพี่ราชันกลับแย่งจานที่มือฉันไปวางไว้ที่เดิม “เอามาแล้วจะเอาไปเก็บทำไม” เขาทำหน้าขรึม ตาสีนิลถมึงทึงใส่ฉัน “ตะ แต่พี่ไม่กินเค้ก” ฉันพูดเสียงติดอ่าง “วางไว้” แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ฟังอะไร ฉันจึงวางจานลงที่เดิม “งั้นกินให้อร่อยนะคะ” ฉันเลิกมองเขา แล้วหันไปพูดกับพี่ๆ แล้วเดินกลับไปยังเคาน์เตอร์ ตึกตักๆ.. ทำไมต้องใจเต้นแรงด้วยเนี่ย ปกติฉันไม่ใช่คนขี้กลัวอะไรหรอกนะออกจะแมนๆ ลุยๆ ด้วยซ้ำ แต่พออยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนั้นแล้วฉันรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง บางทีฉันก็ต้องอยู่ห่างๆ เขาไว้เพราะผู้ชายคนนี้อันตรายสำหรับฉันจริงๆ… “ไอ้ชัน มึงควรเลิกมองน้องเขาได้แล้ว” เสียงของไอ้พาสขัดขึ้นขณะที่ผมมองตามร่างบางที่เดินออกไป “เออ แล้วผีห่าอะไรเข้าสิง อยากแดกเค้กขึ้นมาวะ” ไอ้เตเองก็พูดเสริมขึ้น “เพิ่งรู้ว่ามีเพื่อนขี้เสือก” ผมตอบกลับพวกมันไปแล้วหยิบกาแฟขึ้นดื่มสายตาของผมยังจ้องเธอคนนั้นอยู่ บอกตรงผมสนใจเธอครับ “สนใจล่ะดิ” ไอ้วินพูดขึ้นแล้ว ทำให้ผมหันมองหน้าพวกมันนิ่งๆ “เด็กคณะเราเหรอ” ผมไม่ตอบแต่กลับถามพวกมันแทนเพราะเห็นพวกมันคุยเหมือนสนิทกับเธอ “เออ นั่นน้องเหมย เมลิษา” ไอ้เตบอก “ชื่อเพราะวะ” ไอ้พาสชอบเสียบเวลาเพื่อนพูดนะครับ “เอ่อ อยู่ปีหนึ่งคณะเรา” ไอ้เตตอบ ผมจึงพยักหน้ารับรู้แต่สายตาของผมก็มองเธออยู่ “ทำไม สนใจมากเหรอ ปกติไม่เห็นอยากรู้เรื่องคนอื่น” ไอ้วินถาม “อืม น่ารักดี” ผมพยักหน้าตอบกลับไป “เชี่ย” ไอ้วินมันด่าผมหรือด่าลมไม่รู้ “สัส” ไอ้พาสก็เหมือนกัน “กูหูฝาดป่ะวะ” ไอ้เตเลิกคิ้วมองหน้าผม “แม่ง! กูอุตส่าห์เล็งน้องเขาไว้” ไอ้พาสบ่นขึ้นมาลอยๆ “...” ผมไม่พูด แต่ตวัดสายตาดุๆ ขึ้นมองพวกมัน “เฮ้ยๆ ใจเย็น กูแค่เห็นว่าน่ารักดี” พอมันเห็นผมมองมันอย่างงั้น มันก็รีบแก้ตัวทันที “แต่กูมาที่นี่ทุกวัน กูไม่ยักจะเห็นน้อง” ไอ้วินพูดขึ้น “น้องก็เรียนมั้ยล่ะ ไหนจะกิจกรรม” ไอ้เตพูดขึ้น “เออ ไอ้ชาถ้ามึงอยากเจอน้องบ่อยๆ มึงต้องเข้ากิจกรรม” ไอ้พาสหันมาพูดกับผมพร้อมยื่นข้อเสนอ “ไม่จำเป็น” ผมตอบปัดไป คนอย่างผมไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรอย่างงั้น ถ้าสนใจผมสามารถทำความรู้จักเธอได้แน่นอน โดยที่ไม่ต้องไปเข้ากิจกรรมบ้าๆ นั่น “เฮ้อ มึงก็เข้ากิจกรรมบ้างดิว่ะ นี่เฮียไฟบ่นกูจนไม่รู้จะบ่นยังไงล่ะ” ไอ้พาสต้าถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจพร้อมพูดถึงพี่รหัสของผมที่เป็นพี่ว๊ากของคณะ “เออ เข้าบ้าง มึงจะไม่ไปส่องสาวก็ได้ แต่กูขอล่ะ กูไม่อยากโดนเฮียไฟสั่งซ่อม” ไอ้วินเองก็บ่นผม และผมก็รู้มาว่า อาทิตย์นี้พี่ว๊ากลงแล้วเช็กชื่อ ซึ่งไม่มีชื่อผมอยู่ เฮียจึงสั่งให้ไอ้พวกเพื่อนผมนี่แหละซ่อมแทนผม “หึๆ” นึกแล้วผมก็หัวเราะพวกมันในลำคอ “ถ้ามึงไม่เห็นแก่เพื่อนอย่างพวกกู มึงก็ไปเฝ้าน้องเหมยเขาก็ได้ กูได้ยินมาว่าน้องเขาก็ฮอตอยู่น้า” ไอ้วินพูดขึ้นพร้อมทำสีหน้าล้อเลียน “เชี่ย เดี๋ยะ” คำพูดไอ้วิน ทำให้ผมต้องยกเท้าขึ้นหวังจะถีบมัน “สัส นี่หึงโหดเหรอว่ะ” แต่มันหลบทันแล้วยังไม่หยุดพูด “ถ้ามึงไปนะ กูจะขอเบอร์น้องให้” ไอ้พาสเองก็ต่อรองขึ้นมา “กูหาเองได้” ผมบอกพวกมัน แต่สายตาของผมยังจ้องเธอ ซึ่งเธอเดินไปไหนผมก็มองตาม “โถ่ไอ้ชัน มึงเป็นรองพวกกูบ้างก็ได้ มึงหวังพึ่งพวกกูบ้างก็ได้ อย่าเป็นราชันตลอดสิวะ” ไอ้วินทำหน้าเซ็ง “เออๆ วันจันทร์กูจะเข้าก็แล้วกัน” ผมตอบปัดรำคาญพวกมัน ไม่ได้จะไปเฝ้าใคร และบอกไว้เลยผมไม่ได้หวงใครเลยจริงๆ…

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook