เช้าวันต่อมาอคินลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียน แต่ขณะที่เปิดประตูห้องนั้นก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นถุงที่มีกล่องอาหารแขวนที่หน้าประตูห้องตัวเอง อคินจึงหยิบถุงขึ้นมาแล้วเห็นโน๊ตติดอยู่บนกล่องอาหาร
‘อาหารเช้าค่ะ ฉันทำเองกับมือลองชิมดูนะคะรับรองอร่อยถูกใจแน่นอน จากคนสวยห้องข้างๆ‘
เมื่อรู้ว่าใครเป็นเจ้าของอาหารอคินก็ถือถุงกล่องอาหารเดินไปแล้วโยนทิ้งถังขยะหน้าลิฟต์โดยไม่คิดที่จะกินมันเลยสักนิด จากนั้นเขาก็เดินเข้าลิฟต์ไป ส่วนแพรวาเมื่อตื่นมาทำอาหารเช้าให้อคินหลังจากที่เอาไปแขวนหน้าห้องเขาแล้วเธอก็เดินทางไปมหาลัยตั้งแต่เช้า ด้วยความที่ต้องนั่งรถเมล์ไปเรียนเลยต้องตื่นเช้ามากกว่าปกติเพราะกลัวไม่ทันเรียน
“วันนี้มีจับสายรหัสด้วยแก ตื่นเต้นอ่ะ ไม่รู้จะได้พี่รหัสผู้ชายหรือผู้หญิง”
โมนาพูดขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้นขณะที่นั่งทำงานส่งอาจารย์ในห้องเรียน จนแพรวาได้แต่หัวเราะกับท่าทางของเพื่อนตัวเอง
“ว่าแต่แกรู้มั้ยว่ารุ่นพี่เค้าจะให้เราตามหาพี่รหัสยังไง”
แพรวาเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้ เพราะแต่ละคณะมักจะมีวิธีให้รุ่นน้องตามหาพี่รหัสที่แตกต่างกัน
“ไม่รู้อ่ะ แต่ฉันว่าคงจะไม่ให้เจอง่ายๆ แน่ ”
โมนาตอบกลับไปตามความคิดของตัวเอง สองสาวนั่งทำงานส่งอาจารย์จนเสร็จก็เป็นเวลาพักเที่ยงพอดี แพรวาและโมนาก็มากินข้าวที่โรงอาหารเหมือนทุกๆ วัน และก็มีเวย์และรามินมากินข้าวด้วยเหมือนทุกวันเช่นกัน จนทั้งสี่คนนั้นเริ่มสนิทกันมากขึ้น
“แพรน่ะ โสดแท้ๆ ก็โกหกเวย์ว่ามีแฟน ปฏิเสธตรงๆ ก็ได้ ยังไงเวย์ก็อยากเป็นเพื่อนกับพวกเธอทั้งสองอยู่แล้ว”
เวย์บ่นอุบอิบให้แพรวาเมื่อเธอสารภาพว่าไม่มีแฟน เพราะเวย์คาดคั้นเอาแต่ถามว่าแฟนเป็นใครจนแพรวาต้องยอมพูดความจริง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เวย์โกรธเลยแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้เขานั้นไม่ได้รู้สึกชอบเธอแบบแฟนแล้ว
“ไอ้สัส ถ้าแพรบอกว่าไม่ชอบมึงก็จะว่าแพรตอบแรงอีก ผู้หญิงก็ต้องหาวิธีปฏิเสธที่ให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกน้อยลงอยู่แล้ว”
รามินพูดขึ้นเมื่อเห็นเวย์บ่นให้แพรวา
“รามินพูดถูกเป๊ะ เราก็กลัวเวย์จะเสียหน้า คนหล่อๆ มาโดนปฏิเสธแบบไม่ชอบไปตรงๆ คงเสียความมั่นใจแย่เลย”
แพรวาพูดเสริมรามินเมื่อรามินเข้าใจการกระทำของเธอ
“เออๆ โอเค เลิกพูดเรื่องนี้ ว่าแต่วันนี้มึงมีแข่งรถมั้ยไอ้มิน”
เวย์หันไปถามรามินเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย จนแพรวาตาลุกวาวทันทีเมื่อพูดเรื่องแข่งรถ
“รามินแข่งรถด้วยหรอ”
แพรวาเอ่ยถามด้วยท่าทางตื่นเต้น
“ใช่ เราชอบแข่งรถน่ะ แถมยังเปิดสนามแข่งเองด้วย”
“จริงหรอ”
แพรวาพูดขึ้นเสียงดัง ออกอาการชอบชัดเจนจนรามินต้องถามขึ้น
“อย่าบอกนะ ว่าแพรก็เป็นนักแข่งเหมือนกัน”
“อือ เราชอบแข่งรถมากเลย แต่ที่บ้านไม่สนับสนุนเพราะเราเป็นผู้หญิง แถมยังให้เรามาเรียนที่นี่เพื่อให้ห่างจากการแข่งอีก”
แพรวาพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าเศร้าเมื่อนึกถึงเรื่องราวของตัวเอง
“อยากลองไปแข่งที่สนามเรามั้ย ใช้ชื่อแฝงไม่ต้องเปิดเผยตัวก็ได้”
แพรวายิ้มกว้างทันทีเมื่อได้ยินข้อเสนอของรามิน
“ได้หรอ แต่ว่าเราไม่มีรถแข่งน่ะ ไม่เป็นไร ขอแค่ได้ไปดูการแข่งเฉยๆ ก็ได้”
แพรวาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องรถไม่ต้องห่วงเรามีหลายคัน เดี๋ยวให้ยืมหนึ่งคัน ตกลงมั้ย”
รามินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ถึงเขาจะเป็นคนรักรถตัวเองมาก แต่เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาที่ชื่นชอบการแข่งของแพรวาก็ทำให้เขาอยากให้เพื่อนได้ทำตามฝันของตัวเองเหมือนที่เขาได้ทำ
“ไม่ดีกว่า เราเกรงใจ รถแข่งแต่ละคันอะไหล่แต่ละชิ้นแพงมาก เดี๋ยวเราไปทำรถรามินพังอีก แข่งรถแต่ละครั้งก็ต้องมีปะทะกับรถคู่แข่งบ้างอยู่แล้ว”
แพรวาพูดตอบรามินอย่างเกรงใจ
“งั้นเอางี้มั้ยล่ะ เราให้แพรเลือกรถเราหนึ่งคัน เวลาแข่งแล้วได้เงินรางวัลมาแพรก็เอาเงิน 20% ของเงินรางวัลมาจ่ายเป็นค่าเช่ารถเรา ส่วนอะไหล่รถเวลาเสียหายก็ลงบิลไว้ ถ้าเก็บเงินได้ค่อยมาจ่ายดีมั้ย”
รามินเอ่ยข้อเสนอให้แพรวาอีกครั้ง
“ขอบคุณนะรามิน เราตกลง”
แพรวายิ้มกว้างทันทีเมื่อได้ยินข้อเสนอของรามิน เพราะอย่างน้อยการได้จ่ายค่าเช่ารถก็ลดความเกรงใจของเธอลงได้ จึงตอบตกลงรับข้อเสนอนั้นทันที
“งั้นวันนี้ตอนเย็นเธอไปที่สนามแข่งนะ เราจะส่งโลเคชั่นให้ วันนี้ไม่มีแข่ง แต่จะให้เธอแข่งกับเราดู ถ้าฝีมือเธอโอเคเราจะรับเป็นนักแข่งในสังกัดของเราได้เงินเดือนด้วยนะ”
“โอเค เย็นนี้เราจะไปนะ”
แพรวาตอบกลับรามินด้วยรอยยิ้ม จากนั้นทั้งสี่คนก็กินข้าวไปคุยกันไปตามประสาเพื่อน เมื่อกินอิ่มแล้วก็แยกย้ายกันไปเรียนในช่วงบ่าย
“ระวังกิ่งไม้”
ขณะที่แพรวาและโมนากำลังเดินไปที่ตึกเรียน เธอก็สังเกตเห็นกิ่งไม้ใหญ่กำลังหักลงมาและตำแหน่งนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ แพรวาจึงรีบวิ่งไปดึงผู้ชายคนนั้นให้ถอยหลบ โชคดีที่เธอไปช่วยทันกิ่งไม้จึงไม่โดนเขา ธามรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเพราะเขาคุยโทรศัพท์อยู่ดีๆ ก็มีเสียงตะโกนของผู้หญิงตัวเล็กพอเขาหันไปเธอก็ดึงเขาออกจากตรงนั้นอย่างแรง แต่เมื่อเห็นกิ่งไม้ตกลงมาก็เข้าใจทันทีว่าเธอกำลังช่วยเขา ไม่งั้นเขาคงเจ็บหนักแน่
“ขอบใจนะที่ช่วย”
ธามกดวางสายแล้วหันไปพูดกับแพรวาทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นฉันไปนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน”
ขณะที่แพรวากำลังจะเดินไปหาโมนา ก็ต้องชะงักหันกลับมาหาธามเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเขา
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
แพรวาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“อยู่ปี 1 หรอ ชื่ออะไร เรียนคณะไหนหรอ”
“ถามซะละเอียดเลย ก่อนถามชื่อใครก็ต้องแนะนำตัวเองก่อนสิคะ”
แพรวาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอก็ทำให้ธามรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย ปากหนาจึงเผยรอยยิ้มขึ้นเมื่อรู้สึกถูกชะตากับเธอ
“ชื่อธาม เรียนนิเทศปีสองครับ”
ธามแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้ม
“ชื่อแพรวา เรียนบริหารปีหนึ่งค่ะ ส่วนนี่โมนาเพื่อนแพรเอง ยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่ธาม”
แพรวาพูดขึ้นด้วยรอบยิ้มพร้อมกับแนะนำเพื่อนตัวเองให้เขารู้จักด้วย
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ น้องแพรวาน้องโมนา ขอบใจนะที่ช่วยพี่ไว้ไม่งั้นไม่รู้จะอยู่สภาพไหน”
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเราสองคนขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ”
พูดจบแพรวาและโมนาก็เดินผ่านธามไปทันที
“แพรวางั้นหรอ เราคงจะได้เจอกันอีกแน่ๆ”
ธามพูดขึ้นพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปาก เพราะดันเจอผู้หญิงที่ถูกใจเข้าแล้ว
“แก พี่ธามหล่อมากอ่ะ ทั้งสูง ขาว แถมยังหุ่นดีอีก ดูจากแววตาที่พี่เค้ามองแก ฉันว่าพี่เค้าต้องชอบแกแน่ๆ”
โมนาพูดขึ้นขณะที่เดินออกมาไกลแล้ว
“แต่ฉันไม่ได้ชอบเค้า”
แพรวาตอบกลับโมนาไปตามตรง
“หัวใจแกตอนนี้คงมอบให้ผู้ชายข้างห้องไปหมดแล้วล่ะเนาะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว พูดแล้วก็คิดถึงเค้า ไม่รู้ว่าอาหารเช้าจะถูกปากรึเปล่า”
แพรวาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เมื่อสองสาวเดินมาถึงห้องเรียนก็ต่างคนต่างตั้งใจเรียนจนถึงเวลานัดทำกิจกรรมรับน้องแพรวาและโมนาก็มารอที่จุดประจำเหมือนทุกวัน ทางอคินที่เพิ่งเรียนคาบสุดท้ายเสร็จปกติเขาจะกลับทันที แต่วันนี้ต้องอยู่ทำกิจกรรมรับน้องเพราะต้องให้น้องๆ ตามหาสายรหัสตัวเอง เนื่องจากห้องของเขาอาจารย์สั่งให้ทำโปรเจคงานร่วมกับน้องรหัสของตัวเอง เขาจึงต้องจำใจเดินมาจุดรับน้องของคณะตัวเอง
“ถ้าไม่ติดว่างานต้องมีน้องรหัสทำด้วย มึงคงไม่โผล่มาสินะไอ้คิน”
เอสเอ่ยแซวอคินด้วยท่าทางกวนๆ เมื่อเห็นเพื่อนนั่งหน้าขรึมไม่รับแขกอยู่ข้างหลังที่น้องปีหนึ่งนั่งรวมตัวอยู่
“ก็คงงั้น นานมั้ยที่จะแจกคำใบ้ให้รุ่นน้อง”
อคินเอ่ยถามเสียงเรียบเพราะรู้สึกเบื่อกับการทำกิจกรรมแบบนี้
“ใจเย็นครับเพื่อน มึงเพิ่งมานั่งไม่ถึงห้านาทีเอง”
เอสบอกอคินพร้อมนั่งมองน้องปีหนึ่งที่รวมกันอยู่
“อคิน กินน้ำแก้ร้อนหน่อยมั้ย ทรายซื้อมาเผื่อด้วย”
ทรายเพื่อนร่วมห้องของอคินพูดขึ้นพร้อมกับยื่นน้ำให้อคินด้วยรอยยิ้ม
“ฉันไม่หิว เธอเอาไว้กินเองเถอะ”
อคินตอบกลับไปด้วยท่าทีเฉยชา จนทรายนั้นหน้าเสียไม่น้อยแต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนเขาเฉยชาใส่แบบนี้ เพราะตั้งแต่เรียนปีหนึ่งทรายก็พยายามเข้าหาอคินตลอด เธอชอบอคินมาก ยิ่งเห็นอคินไม่สนใจผู้หญิงคนไหนแบบนี้เธอยิ่งอยากครอบครองเขา
“ไอ้คินไม่หิว แต่เราหิวนะ ให้เราก็ได้”
เอสพูดกับทรายด้วยรอยยิ้มรู้สึกเห็นใจเธอไม่น้อยที่มาโดนอคินเฉยชาใส่แบบนี้ ชอบใครไม่ชอบดันมาชอบคนอย่างอคินซะงั้น
“อ่ะ งั้นทรายไปแจ้งรายละเอียดน้องก่อนนะ”
ทรายพูดขึ้นพร้อมกับยื่นน้ำให้เอส
“อือ ขอบใจสำหรับน้ำนะ”
เมื่อเอสพูดจบทรายก็ส่งยิ้มให้แล้วเดินไปทันที
“มึงไม่รู้สึกชอบทรายเลยหรอวะ ทั้งสวย นิสัยดี แถมเป็นดาวคณะเราด้วย”
เอสเอ่ยถามอคินด้วยความสงสัยเพราะทรายนั้นเรียกได้ว่าเป็นสาวสวยประจำคณะบริหาร ทั้งสูง ขาว หุ่นดี แถมวางตัวดีอีกต่างหาก ใครๆ ต่างก็ว่าเหมาะสมกับอคิน แต่เจ้าตัวกลับเฉยชาไม่ออกอาการชอบเธอเลยสักนิด
“ไม่ชอบ มึงถามคำถามนี้มาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วนะไอ้เอส”
อคินบ่นให้เอสทันทีเมื่อได้ยินคำถามเพื่อน เขารู้ว่าเธอชอบเขาตั้งแต่ปีหนึ่งแต่เขานั้นไม่มีความรู้สึกชอบเธอเลยสักนิด
“เอาล่ะค่ะน้องๆ ก่อนที่จะจับฉลากคำใบ้ เดี๋ยวจะให้พี่ๆ ปีสองมาโชว์ตัวก่อนนะคะ น้องๆ จะได้รู้ว่าหน้าตาพี่ปีสองเป็นยังไง เวลาเจอคำใบ้จะได้เดาถูก”
ขณะที่อคินและเอสกำลังคุยกันอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงพูดของทรายเรียกให้พี่ปีสองไปยืนข้างหน้า อคินและเอสจึงเดินไปยืนรวมกับเพื่อน
“ยัยแพรแกเป็นอะไร ทำไมทำหน้าอึ้งแบบนั้น”
โมนาเอ่ยถามแพรวาทันทีเมื่ออยู่ดีๆ แพรวาก็เอามือปิดปากพร้อมกับทำหน้าอึ้งเหมือนตกใจอะไรสักอย่าง
“โม คนที่ฉันชอบเค้าเป็นรุ่นพี่เรา งืออ โคตรบังเอิญเลยแก”
แพรวาพูดขึ้นด้วยสีหน้าตกใจปนรอยยิ้มตื่นเต้นเมื่อเห็นอคินยืนอยู่ข้างหน้า
“ไหน คนไหนแก”
โมนาถามแพรวาด้วยความตื่นเต้นอยากรู้ทันที
“คนที่สูงที่สุดอ่ะแก ยืนคนแรกซ้ายมือเรา”
“อร๊ายย หล่อมากยัยแพร มาตรฐานแกจะสูงไปมั้ย พี่เค้าหล่อเด่นที่สุดในรุ่นเลยนะนั่น”
โมนาพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าตาคนที่เพื่อนแอบชอบ เพราะอคินนั้นสูงกว่าเพื่อนในรุ่นแถมหน้าตายังหล่อเหลาเรียกได้ว่าเด่นกว่าทุกคนเลยด้วยซ้ำ