“ทำไมฉันต้องปล่อยเธอไปด้วยล่ะ ถ้าเธอเอาเงินหนึ่งล้านบาท ซึ่งเป็นค่าตัวของเธอมาคืนฉัน ฉันก็อาจจะปล่อยตัวเธอไปก็ได้” เขาเค็มยิ่งกว่าน้ำมหาสมุทร
เขาเป็นพวกเขี้ยวลากดินเสียเงินหนึ่งล้านบาทก็จริง แต่ก็ได้ความบริสุทธิ์ของเธอไปแล้ว เขายังจะขอเงินคืนเต็มจำนวนอีกหรือ
“ว่าไงล่ะ เธอมีเงินหนึ่งล้านบาทมาคืนฉันไหมล่ะ” ปราบเอ่ยถามสาวน้อยที่ยืนเม้มปากแน่นอยู่ตรงหน้าของเขา
“ฉันไม่มีหรอกค่ะ คุณได้พรหมจรรย์ของฉันไปแล้วอีกอย่างคุณก็ให้เงินป้าของฉันไป ไม่ได้ให้ฉัน ฉันไม่มีเงินคืนคุณหรอกค่ะ ถ้าคุณอยากได้คืน คุณต้องไปเอาจากป้าของฉันเท่านั้น ให้ใครก็ไปเอาจากคนนั้นสิคะ”
“ใครเอาไปไม่สำคัญ แต่ฉันซื้อเธอมาแล้ว” ปราบรั้งข้อมือของเด็กสาวเอาไว้แน่น พาเดินออกมาขึ้นรถลีมูซีนคันใหญ่ ที่คนขับรถจอดรออยู่
เธอพยายามดิ้นรนขัดขืน อยากจะร้องให้คนช่วย แต่ก็โดนอุดปากเอาไว้ ทำให้ไม่มีใครช่วยเหลือเธอได้
“ฉันจะแจ้งความข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว” เธอบอกเขาอย่างเอาเรื่อง ไม่ได้อยากกล้าดีหรือปากดีกับเขาหรอกแต่เธอก็ต้องเอาตัวรอดไม่ใช่เหรอ เธอจะให้เขาย่ำยีไปตลอดชีวิตได้อย่างไรกัน
“ถ้าฉันปล่อยเธอไป เธอก็จะกลับไปอยู่กับป้าใจยักษ์ของเธออีกงั้นสิ” เขาเอ่ยถามเธอ นั่นทำให้เธอนิ่งอึ้งไป
“เธอต้องโดนป้าสะใภ้ของเธอจับไปขายอีกแน่ ๆ เธอต้องการชีวิตแบบนั้นเหรอ ครั้งนี้เขาก็หลอกเธอมาขายให้ฉันได้ ครั้งต่อไปเขาก็ต้องหลอกเธอไปขายให้ผู้ชายคนอื่นได้เหมือนกัน” ปราบเอ่ยถามเด็กสาว เตยหอมขบคิดอย่างหนัก เขารู้ว่าควรจะตะล่อมเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เช่นไร
ความกลัวเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนมี ความกลัวทำให้คนเสียเงินมานักต่อนักแล้ว ดูพวกขายประกันสิ คนพวกนั้นขายความกลัว ทำให้คนหันไปซื้อประกัน กลัวว่าตอนแก่จะลำบาก หากไม่มีเงินสะสม กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุโดยไม่คาดฝัน กลัวจะไม่สบาย ต้องนอนโรงพยาบาลจะทำให้ขาดรายได้ ทุกคนมีความกลัวในตัวเอง แค่ดึงความกลัวนั้นออกมาต่อรอง ก็จะได้ถือไพ่เหนือกว่า
ได้ยินได้ฟังดังนั้นเตยหอมก็ถึงกับเงียบและอึ้งไปในทันที
“ฉันรู้ว่าเธอขัดสนเรื่องเงิน และอยากเรียนต่อ ฉันจะส่งเธอเรียนเอง ฉันจะผูกปิ่นโตเลี้ยงดูเธออย่างดี หากเธอยอมเป็นผู้หญิงของฉัน”
คำว่าผู้หญิงของเขา เสียดแทงจิตใจของเตยหอมยิ่งนัก เธอขบกัดกับริมฝีปากนิ่ง ในสมองครุ่นคิดเรื่องนี้จนวุ่นวายใจไปหมด เธอคิดจนสมองแทบแตก
“ฉันจะไม่กดดันหรือบีบบังคับอะไรเธอ ให้เธอได้มีเวลาได้คิด ฉันให้เวลาเธอหนึ่งวัน แต่ฉันบอกเลยว่าป้าสะใภ้ของเธอจะต้องไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่ ต่อไปเขาอาจจะจับเธอไปขายซ่องและต้องนอนกับผู้ชายเป็นร้อยเป็นพัน เธอจะเอาแบบนั้นเหรอ”
เขาร้ายกาจและใจดำมากที่สุด รู้ว่าเธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ยังเอาเรื่องนี้มาบีบบังคับเธอ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ
ปราบพาเตยหอมกลับมาอยู่ที่บ้าน และให้เธอได้พักผ่อนในห้องส่วนตัว เพื่อขบคิดว่าจะเอายังไงต่อไป
เตยหอมคิดไปคิดมา สุดท้ายเธอก็ต้องตอบตกลงปราบอยู่ดี เพราะการได้เรียนต่อคือความใฝ่ฝันของเธอ เธออาจจะมีลู่ทางขยับขยาย ในภายภาคหน้า เธอจะมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น หลังจากปราบปล่อยเธอไปเพราะเบื่อเธอแล้ว
เตยหอมคิดว่าอย่างไรเสียเธอก็เสียตัวให้เขาแล้ว ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถเรียกร้องอะไรกลับมาได้อีก เวลาวารีไม่เคยรอใคร สิ่งไหนที่ทำไปแล้ว เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้อีก มีแต่ต้องเดินไปข้างหน้าอย่างเดียวเท่านั้น
เธออยากมีการศึกษามีงานทำที่ดี เลี้ยงดูตัวเองได้ เตยหอมคิดเสมอว่าเราต้องพึ่งตัวเองให้ได้ หวังพึ่งคนอื่น ยืมจมูกคนอื่นหายใจ หากวันไหนเขาไม่เมตตาเรา เราก็จะหลักลอยกลายเป็นหมาหัวเน่า และทำอะไรไม่เป็นเลย
“ว่าไงล่ะ” ประโยคคำถามของปราบทำให้สาวน้อยต้องพยักหน้าให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ก็ได้ค่ะ เตยจะยอมเป็นผู้หญิงของคุณ”
“ก็แค่นั้นแหละ” เขาดูเหมือนพึงพอใจไม่น้อย เป็นการตอบตกลงที่ไม่มีทางเลือกเลยจริง ๆ
หลังจากตอบตกลง ในค่ำคืนนั้น เธอก็ได้รับประทานอาหารอันแสนอร่อยกับเจ้าของบ้านหนุ่ม
ปราบดูร่ำรวยเป็นอันมาก เขาดูมีเงินมีฐานะ ดูจากความโอ่อ่าของบ้านช่อง ดูจากเฟอร์นิเจอร์ที่เขาใช้สอย และเสื้อผ้าแบรนด์เนม กระเป๋าและของใช้และนาฬิกาเรือนหรู สิ่งที่เขาสวมใส่อยู่ บ่งบอกถึงฐานะของเขาได้เป็นอย่างดี
เขาไม่ขี้เหนียว จัดอาหารคาวหวานมากมายเลี้ยงต้อนรับเธอ ก่อนจะกวักมือเรียกเธอโดยตบหน้าตักของตัวเองเบา ๆ เพื่อเชิญชวนให้เธอไปนั่งบดเบียดอยู่กับเขา
ในเมื่อตัดสินใจจะเป็นนางบำเรอของเขาแล้ว เธอก็ต้องจำใจ ทำตามในสิ่งที่เขาต้องการ
“กฎข้อห้ามที่เธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับฉัน จนกว่าฉันจะเบื่อ และฉันจะปล่อยเธอไป พร้อมด้วยเงินก้อนใหญ่ก็คือ...” เขาพูดมาถึงแค่นั้นก็ชะงักไป
“คืออะไรคะ” เธอเอ่ยถามเขาด้วยหัวใจลุ้นระทึก
“เธอห้ามท้องหรือมีลูกเด็ดขาด เพราะฉันไม่ต้องการลูก” ประโยคของเขาเลือดเย็นยิ่งนัก ทำให้เตยหอมต้องกัดริมฝีปากอันแสนแห้งผาก หัวใจของเธอเจ็บหนึบเหมือนโดนเข็มทิ่มตำ ตำแหน่งนางบำเรอคือผู้หญิงไร้ค่าที่เขาไม่ต้องการจะผูกมัดมีครอบครัวมีลูกเต้าด้วยกัน เธอควรตระหนักเอาไว้ให้ดี มันช่างต่ำต้อยค่าเสียเหลือเกินในความรู้สึก
แต่การไม่มีลูกก็คงจะดีที่สุดแล้วสำหรับเธอ จะได้ไม่มีอะไรผูกมัดกันอีก
เธอเลียริมฝีปากอันแห้งผากไปมา แต่นั่นเหมือนกำลังยั่วยวนเขากลาย ๆ เขาก้มใบหน้าลงไปแนบชิดกับริมฝีปากของเธอ ก่อนจะจูบเธออย่างดูดดื่ม
เธอรัวกำปั้นทุบอกของเขาระรัว เพราะตกใจกับสิ่งที่เขาทำ แบบที่เธอไม่ทันตั้งตัว
เธอหายใจไม่ออก ก่อนจะหยุดดิ้นเพราะริมฝีปากของเขาให้ความรู้สึกวาบหวามยิ่งนัก
“เข้าใจไหม” ปราบเอ่ยถามเสียงแหบพร่า ในขณะที่สาวน้อยหอบหายใจสะท้าน
“เข้าใจค่ะ” เธอตอบด้วยความรู้สึกขมคอแต่เขาก็ดูพึงพอใจกับการพยศน้อย ๆ ของคนในอ้อมแขน เหมือนจะไม่ยินยอมแต่ก็ยินยอม ดีกว่ายินยอมไปเสียทุกอย่าง แบบนั้นเขาก็รู้สึกไม่สนุกน่ะสิ
“เงื่อนไขอีกข้อก็คือเธอห้ามมีคนอื่นในขณะที่เป็นผู้หญิงของฉัน ฉันขอแค่สองข้อเท่านี้แหละ”
“ค่ะ”
“เธอทำได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
“ถ้าเธอแอบมีใจหรือนอกกายนอกใจฉัน ฉันจัดการเธอและชู้ของเธอแน่” เขาพูดอย่างดุดัน นั่นทำให้เธอต้องรีบพยักหน้า ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวอย่างห้ามไม่อยู่ เขามีอำนาจและมีความน่าเกรงขาม จนเธอเองยังไม่กล้ามองสบตาเขาตรง ๆ เลย
“ทำไม กลัวรึไง” เขาเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าสาวน้อยในอ้อมแขนตัวสั่นระริก
“เปล่าค่ะ” หญิงสาวคิดว่าตัวเองปากดีเหลือเกินที่ตอบเขาออกไปเช่นนั้นทั้ง ๆ ที่ตัวเองหวาดกลัวสุดหัวใจ
“ไม่ได้ทำความผิดอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องกลัว และถ้าคิดว่าจะไม่ทำผิดกฎสองข้อของฉัน เธอก็จะอยู่กับฉันอย่างมีความสุข” เขาลูบไล้แก้มสาวของเธอไปมาเบา ๆ
ความสุขของเขาคือการย่ำยีเธอใช่ไหม นั่นคือคำถามที่หล่อนถามตัวเองในใจ แต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยออกมา
มือหนาของเขาเข้าไปสัมผัสกับกลีบกายสาวของเธอเขาสอดแทรกนิ้วกลางยาวเหยียดเขาไปในร่องชุ่มฉ่ำ ผ่านกางเกงในเนื้อบางที่ไม่สามารถปกป้องอันใดเธอได้เลย