ตอนที่ 8 พบกันครั้งแรก

1462 คำ
มือคู่หนึ่งยื่นออกมาเพื่อคว้าตัวไป๋อวี่เอาไว้แล้วพาขึ้นไปบนฝั่ง เจ้าตัวไม่กล้าลืมตามองว่าเป็นใครเพราะกลัวแผนคนจมน้ำจะแตกเสียก่อน “เจ้าจะทำอะไร” เสียงของเฉินเฟยหย่าดังลั่นเมื่อเห็นว่าคนผู้นี้กำลังจะช่วยเหลือไป๋อวี่ “หากไม่รีบช่วยเหลือตอนนี้เกรงจะสายไป” น้ำเสียงนุ่มนวลทำให้หัวใจของไป๋อวี่เต้นตึกตัก “จมน้ำ น่าขบขันสิ้นดี รีบ ๆ แยกย้ายกันไปได้แล้ว” อ๋องผู้เหี้ยมโหดไม่ฟังคำใคร “พระองค์ได้โปรดพระทัยเย็นลงด้วยเถิด กระหม่อมเห็นอาการของพระสนมไป๋อวี่แล้ว มิใช่การเสแสร้งอย่างแน่นอน หากเรื่องนี้เลื่องลือไปถึงฝ่าบาท พระองค์อาจจะเดือดร้อนได้พ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงที่มาตรวจอาการของพระชายาลู่เยว่ชิงพูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่หมออีกคน หนึ่งซึ่งเป็นลูกศิษย์ของตน ในใจคิดไม่ออกเช่นกันว่าทำไมลูกศิษย์ถึงกระโดดลงไปในสระน้ำเพื่อช่วยเหลือคนของอ๋องโดยไม่มีรับสั่ง กลัวว่าจะถูกลงโทษโบยโดยไม่มีเหตุ แต่นับว่ายังพอจะถูไถไปได้บ้างเพราะอาการจมน้ำของพระสนมหนักหนาจริง ๆ “อย่าแตะต้องเขา” เฉินเฟยหย่าตวาดไม่ให้หมอหลวงคนใดเข้าใกล้ร่างของไป๋อวี่ “แต่ว่า...” หมอหลวงคนเดิมสีหน้ากังวล พยายามพูดโน้มน้าวเขาให้อนุญาต “ได้โปรดให้กระหม่อมเป็นผู้ช่วยเหลือพระสนมเถิด หากช้าไปกว่านี้ เห็นทีจะไม่ทันการ” ลูกศิษย์ที่กระโดดลงไปช่วยไป๋อวี่พูดขึ้น รูปร่างที่บอบบางกว่าบุรุษทั่วไปทำให้เฉินเฟยหย่าลดกำแพงลง ยิ่งเมื่อเห็นตอนที่เขาปลดผ้าคลุมหน้าออกจึงได้เห็นว่าใบหน้านั้นงามราวกับสตรีเฉกเช่นไป๋อวี่ เพียงแต่มีรอยแผลเป็นพาดผ่านจากโคนจมูกลากยาวจนถึงกรอบหน้าด้านซ้าย เฉินเฟยหย่าโบกมือให้ลูกศิษย์หมอหลวงช่วยไป๋อวี่ ทันทีที่ได้รับคำสั่งเขา คนผู้นี้ก็เริ่มทำการช่วยเหลือคนที่นอนแน่นิ่ง บีบจมูก เปิดปาก ริมฝีปากประกบกันแต่ไม่ปล่อยลมเข้าไป ซีพีอาร์เหรอ นิยายจีนโบราณมีซีพีอาร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไป๋อวี่คิดในใจนึกอยากจะลืมตามองให้ชัด ลูกศิษย์คนเดิมถอนริมฝีปากออกมาแล้วทำดังเดิม สองครั้ง สามครั้ง จนสุดท้ายไป๋อวี่ทนไม่ไหวลืมตาขึ้นในครั้งที่สี่ กระแอมไอเล็กน้อย พลันสบดวงตาสีเขียวมรกตที่กำลังจ้องมองตัวเองอยู่ “ตงฟางฮุ่ยหลิง?” ไป๋อวี่พึมพำเบา ๆ แต่เมื่อขยี้ตามองดูใบหน้าของเขาชัด ๆ แล้วก็เห็นได้ว่าเป็นคนละคน ใบหน้าหวานราวกับสตรี และเรือนผมสีน้ำตาลเข้มช่างโดดเด่น คนผู้นี้ไม่ควรมีบาดแผลบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย “กระหม่อมชื่อจางฮุ่ยหลิงพ่ะย่ะค่ะ พระสนมรู้สึกอย่างไรบ้าง” จางฮุ่ยหลิงพยุงตัวของไป๋อวี่ให้พิงอ้อมอกของตนเองโดยไม่สนใจสายตาของใคร หากเป็นเมื่อก่อน บุรุษใดที่แตะต้องตัวไป๋อวี่คงจะถูกเฉินเฟยหย่าสั่งนำตัวไปโรยเกลือแล้วโบยห้าสิบครั้ง แต่เพราะคนตรงหน้าเขาเวลานี้ดูไม่เหมือนบุรุษทั่วไปจึงได้รับการอนุโลมไปโดยปริยาย “เส้นชีพจรของพระสนมยังคงอ่อนแรงนัก เกรงว่าต้องดื่มยาพักผ่อนอีกสามสี่วันพ่ะย่ะค่ะ” จางฮุ่ยหลิงกล่าวกับอ๋องเจ้าของตำหนักแล้วมองหน้าหมอหลวงผู้เป็นอาจารย์ของตนเอง ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังพูดคุยเกลี้ยกล่อมกัน ไป๋อวี่มองดวงตาและใบหน้าของจางฮุ่ยหลิงไม่วางตาเพราะคุ้นเคยแต่ก็เหมือนมีบางอย่างที่แตกต่างออกไป ตงฟางฮุ่ยหลิง พระรองเรื่องวิหคไร้ใจ องครักษ์ของเรื่องนั้นมีสายตาและความอบอุ่นมอบให้แต่เพียงนายเอกของเรื่องเพียงคนเดียว ทว่า พระรองย่อมเป็นพระรอง ตอนที่เขาอ่านนิยายและตามดูภาพการ์ตูนที่ปล่อยออกมาอาทิตย์ละตอนก็ยิ่งหลงพระรองคนนี้ถึงกับตั้งให้เป็นสไตล์แฟนหนุ่มในฝันเลยทีเดียว องครักษ์ผู้มีดวงตาสีเขียวมรกต ผมยาวสีขาวมัดหางม้าสูงสวมกวานสีเงิน เสื้อผ้าอาภรณ์สีดำน้ำเงินดูน่าเกรงขาม เพียงแค่นึกถึงก็ทำให้รอยยิ้มน้อย ๆ ของไป๋อวี่ผุดขึ้นมาบนใบหน้า “โฮสต์ อย่าหลุดนอกบท” หลิวเมิ่งส่งเสียงเตือนไป๋อวี่ที่กำลังหน้าแดงเพราะเขินอาย “อ่า เข้าใจ ๆ” เขารีบกลั้นยิ้มทันทีแต่สายตายังคงมองดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นอยู่ “ถ้าเช่นนั่นกระหม่อมจะเป็นคนพาพระสนมกลับเรือนเอง ได้โปรดรับสั่งให้บ่าวนำทางด้วยเถิด” จางฮุ่ยหลิงยืนยันหนักแน่นแล้วช้อนตัวไป๋อวี่ขึ้นมาอุ้มแล้วพากลับเรือนน้อย สายตาของทุกคนจับจ้องจางฮุ่ยหลิงราวกับเห็นสิ่งที่แปลกไป ทั้งยังไม่คิดว่าคนใบหน้างามร่างบางจะมีกำลังกายแข็งแรงเฉกเช่นบุรุษคนอื่น ๆ “หลิวเมิ่ง คนที่มาช่วยไม่ใช่คนนี้นี่” ไป๋อวี่นึกได้แล้วว่าคนที่ช่วยเขาคือเสิ่นอวี๋ องครักษ์คนสนิทของเฉินเฟยหย่า เนื้อเรื่องเดิมไป๋อวี่หายตัวไปนานจนคนรอบข้างเริ่มซุบซิบว่าพระสนมคงตายไปแล้ว เฉินเฟยหย่าจึงให้เสิ่นอวี๋ไปดู แต่ดวงชะตาของไป๋อวี่ยังไม่ขาดง่าย ๆ จึงทำให้เขารอดชีวิตมาได้ “โฮสต์ เนื้อเรื่องนิยายเปลี่ยนไปนิดหน่อย หลิวเมิ่งขอไปตรวจสอบระบบก่อนขอรับ” สิ้นเสียงเจื้อยแจ้ว หลิวเมิ่งก็หายไปทันที ทิ้งให้ห้องนอนเรือนน้อยมีเพียงไป๋อวี่และจางฮุ่ยหลิงสองคน “พระองค์รู้สึกอย่างไรบ้าง” เขาถามด้วยความห่วงใย แววตาฉายชัดถึงความรู้สึกอบอุ่นอย่างหาไม่ได้จากคนในตำหนักอ๋อง “ดีขึ้นแล้ว ขอบคุณที่ช่วยเหลือ” ไป๋อวี่รู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ เหมือนพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย เพียงแต่ว่าใบหน้างดงามไม่แพ้ตัวเองทำให้คิดว่าเหมือนพี่สาวใจดีมาช่วยเสียมากกว่า “รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด บ่าวรับใช้ของท่านอยู่ที่ใด ข้าจะไปตามมาให้” จางฮุ่ยหลิงมองไปรอบเรือนก็ได้พบแต่ความว่างเปล่า “ไม่มีใครอยู่ที่นี่หรอก” ไป๋อวี่ตอบเขาไปตามตรง “เดี๋ยวข้าจัดการเอง เวลานี้ไม่เป็นอะไรมากแล้ว” ไป๋อวี่ขยับตัวลุกขึ้นเพื่อจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ท่าทางกระฉับกระเฉงไม่เหมือนคนที่เพิ่งจมน้ำ ทั้งยังหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ให้จางฮุ่ยหลิงเอาไปเปลี่ยนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม กระนั้นหมอหลวงกลับไม่สงสัยสิ่งใดออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้วรออยู่ข้างนอกเรือน “ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว” เขาตะโกนบอกคนข้างนอก เอนตัวนอนรออยู่บนเตียง “กระหม่อมจะกลับไปนำยาและอาหารมาให้ หลังจากนี้จะมาตรวจดูอาการของพระองค์สามเวลาทุกวันจนกว่าจะหายดี” จางฮุ่ยหลิงจับเส้นชีพจรแล้วห่มผ้าให้เขา “อื้ม” “ใบหน้ากระหม่อมมีสิ่งใดแปลกไปหรือ” จางฮุ่ยหลิงเอ่ยปากถามเพราะคนที่นอนอยู่ยังคงจ้องไม่วางตา “ดวงตาของเจ้าเหมือนคนที่ข้ารู้จัก ข้าแค่คิดถึงเขา” ไป๋อวี่นึกถึงตงฟางฮุ่ยหลิง ถ้าเลือกได้อยากจะเข้าไปในนิยายเรื่องที่มีเขาคนนั้นมากกว่า “เช่นนั้นหรือ” จางฮุ่ยหลิงยิ้มให้เขาแล้วบอกว่า “กระหม่อมจะรีบกลับมา” “ขอบคุณที่ช่วยเหลือ ข้าซึ้งใจมากนัก” ไป๋อวี่พยักหน้ารอคอยที่จะได้เจอเข้าอีกครั้ง แม้จะรู้ตัวดีว่าอาจจะไม่มีวันได้พบหน้าคนผู้นี้อีกเลยก็ได้ แม้เฉินเฟยหย่าจะเกลียดเขามากเพียงใด แต่ไม่เคยปล่อยให้บุรุษหน้าไหนสัมผัสร่างกายของเขาแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเจ็บป่วยไร้เรี่ยวแรงสักแค่ไหน หมอหลวงประจำตำหนักก็ไม่มีทางได้แตะต้องเนื้อตัวเพียงเพื่อจับเส้นชีพจร บางครั้งบางคราวเหมือนจะปล่อยให้ไป๋อวี่เผชิญชะตากรรมอย่างเลือดเย็น แต่บางเวลากลับเป็นคนนำโอสถมากรอกปากเขาอย่างไม่เต็มใจเพราะไม่ยอมมัจจุราชมาพรากชีวิตไป๋อวี่ในตอนนั้น ครั้งนี้จางฮุ่ยหลิงได้ถวายการรักษาไป๋อวี่อาจเป็นเพราะใบหน้างามราวสตรีกับรูปร่างบอบบางของเขาทำให้เฉินเฟยหย่าไม่ถือสากระมัง แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร เฉินเฟยหย่าคงไม่มีทางปล่อยให้จางฮุ่ยหลิงเข้าใกล้ไป๋อวี่อีกแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม