การพัฒนาไร่เจริญรุดหน้าไปได้ด้วยดี ทำให้ครอบครัวทั้งสี่มีหลักฐานมั่นคง แต่กระนั้นก็ยังอาศัยการพึ่งพาตนเองเหมือนแรกเริ่มเดิมทีที่มาลงหลักปักฐานซื้อที่ดินอยู่ที่นี่ แต่ก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพิ่มเข้ามามากมาย ตามกำลังทรัพย์ที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
เด็กน้อยตัวอ้วนกลมเหมือนลูกบอล แขนขาอวบอัดขาวผ่องถูกวางลงบนเตียง แต่มิรินยังไม่ยอมนอนหลับง่าย ๆ จนกว่าจะได้ฟังนิทาน คนที่ต้องรับอาสาเล่านิทานคืออัสนี
“หนูมิอ้วนเหรอคะ” มิรินเอ่ยถามอัสนีตาปริบ ๆ
“ต้องกินน้อยลงเหรอคะ” น้องน้อยเอ่ยถามเหมือนไม่แน่ใจว่าต้องลดปริมาณอาหารลงอีกหรือไม่
“ไม่ต้องครับ” อัสนีตอบแล้วจุมพิตหน้าผากน้อย ๆ นั้นอย่างแสนรัก
“แต่หนูมิอ้วน”
“อ้วนก็รักครับ” ประโยคสั้น ๆ ง่าย ๆ จากพี่ชายทำให้เด็กน้อยยิ้มแก้มปริ ก่อนจะหอมแก้มของอัสนีฟอดใหญ่
“หนูมิก็รักเฮียนะคะ” มิรินหอมแก้มพี่ชายฟอดใหญ่
“ฟังนิทานไหมครับ” คนเอ่ยถามมีแววตาแห่งความเอ็นดูเหลือล้น เด็กน้อยรีบพยักหน้าก่อนจะซุกเข้าที่อกกว้างอบอุ่นของพี่ชาย
อัสนีเปิดสมุดนิทาน ก่อนจะค่อย ๆ เล่าเรื่องราวไปเรื่อย ๆ ตามเนื้อเรื่อง น้องที่ซุกตัวอยู่กับอกกว้าง เริ่มเหลือบมองภาพการ์ตูนในนิทาน แล้วใช้นิ้วอวบ ๆ ป้อม ๆ ชี้ไปตามภาพนั้นอย่างสนุกสนาน
ผ่านไปไม่นานเด็กน้อยก็เริ่มตาปรือ หลับคอพับคออ่อนซบอยู่กับอกกว้างของพี่ชายข้างบ้าน อัสนีปิดสมุดนิทาน ค่อย ๆ ขยับตัวอย่างเบาแสนเบา ก่อนจะจัดท่านอนให้น้องนอนสบายขึ้น เขาห่มผ้าให้น้อง จุ๊บหน้าผากนั้นเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องด้วยฝีเท้าเงียบกริบ
การนอนเฝ้าน้องน้อยเป็นหน้าที่ของอัสนีไปโดยปริยาย และทุกวันอัสนีก็ต้องหานิทานสนุก ๆ มาเล่าให้น้องฟัง นอกจากเล่านิทานแล้ว เขาก็ยังสอนน้องอ่านภาษาไทย ภาษาอังกฤษและสระทั้งไทยอังกฤษอีกด้วย
อัสนีหาของเล่นให้น้อง ส่วนใหญ่ของเล่นมิรินเป็นสิ่งที่เขาประดิษฐ์ขึ้นมาเองและเล็งเห็นถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ มิรินจึงเป็นเด็กที่มีของเล่นแปลก ๆ แหวกแนวกว่าเด็กวัยเดียวกันเป็นจำนวนมาก
ภาพเด็กน้อยแก้มใสปากแดงนอนหลับคาอกของเขาเป็นภาพคุ้นชินของเด็กหนุ่ม เขามักหลับไปพร้อม ๆ กันกับเธอ ร่างน้อยหอมกรุ่น ตัวนุ่มกอดอุ่นกว่าหมอนข้างใบโปรดของเขาเสียอีก
ตอนดึก ๆ มิรินมักงัวเงียมาเข้าห้องน้ำ เขาก็ปรือตาพาเด็กน้อยเข้าห้องน้ำด้วย
โป๊ก! เสียงอะไรสักอย่างทำให้เขารีบลืมตาอย่างตกใจ
แง... เสียงร้องไห้ดังขึ้น
มิรินเดินชนประตูเพราะง่วง ก่อนจะร้องไห้จ้า อัสนีหายง่วงนอนเป็นปลิดทิ้ง รีบยกมือขึ้นกุมหน้าผากน้อยแล้วเป่าให้เบา ๆ
“เพี้ยง ๆ ๆ หายนะครับ หายแล้ว” เด็กน้อยที่เบะปากร้องไห้หยุดกึก ยังสะอื้นเล็ก ๆ เพราะความเจ็บ
“เจ็บ” เสียงเล็ก ๆ เอ่ยบอก เขาก็เป่าเบา ๆ จนอีกฝ่ายหยุดร้องไห้
“เรามาทำโทษประตูกันดีไหมครับหนูมิ ดูสิไม่ยอมส่งเสียงบอกเราเลย ปล่อยให้เราเดินชน แถมยังไม่ยอมหลบอีก” อัสนีพูดเป็นตุเป็นตะเพื่อหันเหความสนใจของเด็กน้อย เขาอยู่กับเด็กวัยอย่างมิรินจึงรู้ดีว่าต้องพูดต้องทำอย่างไรและเล่นอะไรกับเด็กวัยนี้
“ทำโทษยังไงหรือคะ” เด็กน้อยเอ่ยถามพลางหาวหวอด ๆ น้ำตายังเปียกชุ่มเพราะเจ็บ
“ทำโทษด้วยการตีไงครับ เพราะมันไม่ยอมหลบ ประตูผิดเต็ม ๆ เลยครับ หนูมิไม่ผิด นี่แน่ะ!” อัสนีตีประตูเบา ๆ เพื่อลงโทษประตู มิรินมองตาปริบ ๆ
“สงสารมันจังเลยค่ะ มันก็คงเจ็บน่าดู อย่าไปตีมันเลยนะคะ” มิรินรีบจับมือใหญ่เอาไว้เพื่อห้ามปราม
อัสนีร้องโธ่... ขึ้นมาในใจ คู่หมั้นตัวน้อยของเขาเป็นเด็กจิตใจอ่อนโยนเสมอ เขาพาเด็กน้อยเข้าห้องน้ำ ก่อนจะจัดการปลดกางเกงนอนลายลูกเป็ดออก แล้วจับร่างเล็กนั่งบนชักโครก มิรินจับบ่ากว้างของพี่ชายข้างบ้านเอาไว้ขณะปลดทุกข์ไปด้วย หาวไปด้วย
คนตัวโตกว่าจัดการล้างก้นให้น้องแล้วเช็ดจนแห้งสนิทแล้วพากลับไปนอนบนเตียง ยัยตัวอ้วนซุกเข้าที่อกกว้าง ก่อนจะกอดกันกลมหลับไปอีกครั้ง
หลังจากตื่นนอนอัสนีก็อุ้มน้องน้อยไปอาบน้ำอาบท่าก่อนจะเข้าครัวทำอาหารให้มิริน เสียงโยธินกับพายุซึ่งเป็นตัวป่วนประจำบ้านดังขึ้น มิรินดีใจที่เห็นพี่ ๆ ทั้งสองเพราะรู้ดีว่าจะมีเพื่อนเล่นเพิ่มขึ้นมาอีกสองคน
มิรินไม่เหงาถึงแม้ว่าจะไม่มีเด็กวัยเดียวกันให้เล่นด้วยเพราะเล่นกับพี่ ๆ ทั้งสามก็สนุกสนานเอาการ
“ต่อไปยัยหนูมิคงเป็นลิงทะโมน เจ้าสามลิงนี่อยู่นิ่งเสียที่ไหน เล่นซนเหลือเกิน พาน้องเล่นเหมือนเด็กผู้ชาย” ศิริกานต์ผู้เป็นมารดาของอัสนีถึงกับส่ายหน้าไปมากับความแสบของบรรดาลูก ๆ
“แต่ก็ดีนะคะ โตขึ้นจะได้เข้มแข็งเหมือนเด็กผู้ชาย” มัสลินพูดขำ ๆ เพราะมิรินยังไม่ทันได้โตสามหนุ่มก็สอนมวยให้น้องเสียแล้ว
“ต่อไปไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าจีบหนูมิแน่ ๆ เลยค่ะ” พวกผู้ใหญ่แซวกันขำ ๆ
“ก็ดีสิคะ หนูมิน่ะหมั้นหมายกับอัสนีเอาไว้แล้ว ไม่มีผู้ชายมาจีบน่ะเหมาะแล้ว” แล้วผู้ใหญ่ก็หัวเราะประสานเสียงกันอีกครั้ง