“ผู้พัน เอาจริงหรือครับ”
ผู้หมวดอาดีลตะโกนถาม เบิกตากว้างมองตามร่างใหญ่ล่ำสันของผู้พันหนุ่ม ซึ่งกำลังเดินดิ่งตรงไปยังเป้าหมายบางอย่าง
“อาดีล ผู้พันทำอะไร”
ขณะตะโกนถามผ่านไมค์อันเล็ก ผู้หมวดซารุสแทบกระโจนออกมาจากรถ เมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนตะโกนถามผู้บังคับบัญชาเช่นนั้น
“เอาจริงสิ ผู้หมวดอาดีล”
ผู้พันฟาเรลล์ยิ้มกว้าง ยักคิ้วให้กับลูกน้องขณะเอ่ยตอบ ไม่สนใจสายตาของผู้หมวดอาดีล ที่กำลังจ้องมองเขม็งเป็นการห้ามปรามไปในตัว
“อย่านะผู้พัน”
“เฮ้ย! อาดีล บอกมาเร็วๆ สิว่ะ ว่าผู้พันกำลังจะทำอะไร” ผู้หมวดซารุสถามเสียงดังลั่นรถ และคราวนี้ คนที่ตอบคำถามของเขาก็คือผู้พันฟาเรลล์!
“เราแค่จะกดสัญญาณกันขโมยก็เท่านั้นเอง”
“ฮ้า!” ผู้หมวดซารุสเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน ร้องห้ามเสียงหลงในทันที “ผู้พันอย่านะครับ เดี๋ยวก็หนีห่ากระสุนไม่ทันกันพอดี”
“หนีไม่ได้ทันได้ยังไง เราเป็นคนออกแบบโรงแรมนี้เอง รู้ทุกซอกทุกมุมของโรงแรมดีกว่าท่านพี่คนที่เป็นเจ้าของซะอีก”
ผู้พันฟาเรลล์เอ่ยกลั้วหัวเราะ ยื่นมือไปวางบนปุ่มสัญญาณกันขโมย แล้วเอ่ยบอกลูก
น้องต่อ ไม่ได้นึกหวาดกลัวกับคำเตือนของผู้หมวดทั้งสอง แม้แต่นิดเดียว
“ถือซะว่าเป็นการซ้อมรบก็แล้วกัน”
“แต่ตอนซ้อมรบเราใช้กระสุนปลอมนะครับ ผู้-พัน-” ผู้หมวดอาดีลโอดครวญ
“ถูกกระสุนจริงเจาะสักรูสองรู ก็คงไม่เจ็บเท่าไรหรอกน่า...ผู้หมวด ทำยังกับไม่เคย”
ผู้พันฟาเรลล์เถียงกลับ เดาใจลูกน้องออกว่าถึงแม้จะโวยวายไม่ให้เขากดสัญญากันขโมย แต่ลึกๆ แล้ว ผู้หมวดทั้งสองคนนี้ก็นึกสนุกอยู่ไม่น้อยกับการวิ่งแข่งกับห่ากระสุนปืน
“พวกนายพร้อมหรือยัง เรานับสาม แล้วเตรียมตัววิ่งหน้าตั้งได้เลย”
“อยากจะบ้าตาย”
ปากนั้นบ่นอุบ แต่ผู้หมวดอาดีลเตรียมพร้อมทุกวินาที ทางด้านผู้หมวดซารุสก็มีอาการไม่ต่างจากเพื่อน เขาพร้อมสำหรับการไปรับทุกคนขึ้นรถในทุกวินาทีเช่นเดียวกัน
“สาม...สอง...หนึ่ง...ไป!”
สิ้นเสียงคำสั่ง เสียงสัญญาณกันขโมยก็ดังลั่นทั่วตึก และไม่ต้องรอนาน ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งได้รับคำสั่งว่ามีการกดสัญญาณกันขโมยจากตำแหน่งบริเวณใดของโรงแรม ต่างก็วิ่งกรูมายังบริเวณดังกล่าว ทันได้เห็นชายฉกรรจ์ในชุดสีดำสนิท ปิดบังใบหน้าไว้จนมิดชิด กำลังวิ่งออกไปทางด้านหลังของโรงแรม และหนึ่งในนั้นก็แบกร่างของหญิงสาวในชุดสีแดงหลบกระสุนปืนไปด้วย
“วิ่งเต็มที่เลยผู้หมวด” ผู้พันฟาเรลล์ตะโกนบอกลูกน้อง
“ผมกำลังทำอยู่นี่ยังไงล่ะครับ”
ผู้หมวดอาดีลกัดฟันกรอดๆ และขณะเอ่ยตอบผู้บังคับบัญชา ก็วิ่งห้อเต็มที่ เพื่อไปให้ถึงรถยนต์เร็วที่สุด
ผู้พันฟาเรลล์หัวเราะร่วนหลังจากฟังคำตอบจากผู้หมวดอาดีล ตัวเขาเองก็วิ่งเต็มฝีเท้าตรงไปยังจุดนัดพบกับผู้หมวดซารุส ไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแม้แต่นิดเดียวที่ต้องอุ้มชายิกาไว้ในอ้อมแขน ขณะวิ่งหนีลูกกระสุนปืนด้วย
ทางด้านของผู้หมวดซารุส พอได้ยินเสียงสัญญาณกันขโมยดังขึ้น ก็นั่งแทบไม่ติดเบาะรถ คอยชะเง้อมองไปยังทางออกว่าเมื่อไรผู้บังคับบัญชากับผู้หมวดอาดีลจะโผล่หน้ามาให้เห็นสักที
“ผู้พันปลอดภัยไหมครับ” ผู้หมวดซารุสตะโกนถาม พอได้ยินคำตอบ ก็ช่วยให้โล่งอกขึ้นมาบ้าง
“เราปลอดภัย”
“อาดีล ยังอยู่ดีไหม”
“ยังไม่ตาย แต่เฉียดๆ แล้ว”
ผู้พันฟาเรลล์กับผู้หมวดซารุสถึงกับหัวเราะร่วนกับคำตอบประชดประชันของผู้หมวดอาดีล อีกไม่กี่นาทีต่อมา ผู้หมวดซารุสก็เห็นร่างใหญ่ล่ำสันของทั้งสองคน วิ่งหน้าตั้งออกมาจากประตูทางออก ก็รีบเปิดประตูรถยนต์รอคนทั้งสองในทันที
“เร็วครับผู้พัน เพื่อนวิ่งตามหลังมาเป็นพรวนเลยครับ”
ผู้พันฟาเรลล์เป็นคนแรกที่วิ่งมาถึงรถยนต์ เขาโยนร่างบางอ่อนปวกเปียกเข้าไปอย่างไม่ปราณีปราศรัย ก่อนจะกระโจนเข้าไปในรถอีกคน
ทางด้านของผู้หมวดอาดีล ซึ่งคอยยิงคุ้มกันให้กับผู้บังคับบัญชา ได้กระโดดเข้ามานั่งในรถยนต์ด้านหน้าคู่กับคนขับเป็นคนสุดท้าย พร้อมกับตะโกนบอกผู้หมวดซารุสเสียงดัง
“ไปเลย ซารุส เหยียบเต็มตีนเลย”
ผู้หมวดซารุสรออยู่แล้ว เขากระชากรถออกในทันทีที่ผู้หมวดอาดีลกระโดดเข้ามาในรถ โดยไม่ทันได้ปิดประตูรถยนต์ด้วยซ้ำไป
“พวกมันยังตามเป็นพรวนเลยครับผู้พัน” ผู้หมวดซารุสเอ่ยบอก ขณะมองผ่านกระจกหลัง
ผู้พันฟาเรลล์หันไปมองทางด้านหลังตัวเอง เห็นรถตำรวจกำลังขับตามไล่หลังมาหลายคัน ทว่ากลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่นิดเดียว กลับออกคำสั่งกับลูกน้องด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ เห็นเป็นเรื่องสนุกตื่นเต้นสำหรับคืนนี้
“นายก็ลองเล่นไล่จับกับตำรวจพวกนี้หน่อยสิ...ซารุส ลองดูว่าพวกมันจะซิ่งรถ ตามพวกเราทันหรือเปล่า”
ผู้หมวดซารุสกระตุกยิ้มขณะรับคำสั่ง “ได้เลยครับผู้พัน เกาะให้แน่นๆ นะครับ”
ได้ยินเช่นนั้น ผู้หมวดอาดีลก็รีบใส่เข็ดขัดนิรภัย กลอกตาอย่างเซ็งๆ ทั้งซารุสและผู้บังคับบัญชาต่างก็ขี้เล่นด้วยกันทั้งคู่ โดยเฉพาะผู้พันฟาเรลล์ ที่มักจะเล่นสนุก เสี่ยงอยู่บนความตายมาหลายครั้งแล้ว
ผ่านไปเกือบยี่สิบนาที ผู้หมวดซารุสก็ซิ่งรถหนีรถตำรวจชนิดที่ว่าไม่เห็นฝุ่น ขับรถลัดเลาะตามซอกซอยต่างๆ จนกระทั่งรถตำรวจตามไม่ทัน
“ไม่มีใครตามมาแล้วครับ” ผู้หมวดซารุสถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขณะเอ่ยบอกทุกคน
“ได้กินลูกตะกั่วบ้างหรือเปล่า อาดีล”
แม้น้ำเสียงที่เอ่ยถามบ่งบอกให้รู้ว่าสนุกและตื่นเต้นกับเกมในครั้งนี้มาก แต่ผู้หมวดอาดีลก็รู้ว่าผู้พันฟาเรลล์เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ครับ ผมปลอดภัยครับ”
“สงสัยเราต้องบอกท่านพี่ให้ส่งลูกน้องไปหัดยิงปืนใหม่ ไม่มีใครยิงปืนแม่นสักคน”
“แล้วผู้หญิงถูกยิงหรือเปล่าครับผู้พัน”
ผู้หมวดซารุสเริ่มชะลอความเร็วของรถ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตามพวกเขามาแล้ว และขณะเอ่ยถามผู้พัน ก็เอี้ยวตัวมามองทางด้านหลัง เพราะอยากเห็นสีหน้าของชายิกาด้วย