ตอนที่ 14 หวังฉิงชวน&หยางเฉียนเฉียน

3993 คำ
“เฉียนเฉียน!”เสียงของดวงวิญญาณตรงหน้าเรียกชื่อของเธออย่างชัดเจน ห๊ะ! หวังฉิงชวนได้แต่ส่งเสียงออกมาเพียงเท่านั้น หัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็นดวงวิญญาณของคนตายเป็นครั้งแรกในชีวิต ร่างตรงหน้ามาในสภาพที่เคยมีชีวิต ใบหน้าแม้จะกลมแต่ก็จิ้มลิ้มพริ้มเพรา ปากนิด จมูกหน่อยแต่ที่โดดเด่นนั่นก็คือดวงตากลมโตดั่งตากวาง และร่างที่อวบสมบูรณ์ไปทุกส่วนมาพร้อมกับผิวขาวอมชมพูเนียนสวยน่ามองอย่างยิ่งยวด ถึงแม้จะแลดูเจ้าเนื้ออวบอ้วน แต่มีเค้าโครงความงามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร หากเจริญวัยอย่างเต็มที่นับเป็นหญิงงามเลื่องชื่ออย่างหาตัวจับยากเลยทีเดียว “ธะ..เธอ...เธอเป็นใคร!!!”หญิงสาวกลั้นใจถามออกไป ก่อนจะได้ยินเสียงดวงวิญญาณดังกล่าวตอบกลับมา “ข้าคือหยางเฉียนเฉียน เจ้าของร่างที่เจ้ากำลังสถิตอยู่ในขณะนี้” “อะไรนะ!”ฉิงชวนอุทานออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะส่ายหน้าไปมาติดต่อกันด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอได้ยินจากปากของดวงวิญญาณที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ไม่จริง! สิ่งที่ฉันได้ยินไม่ใช่เรื่องจริง! มันจะต้องไม่ใช่เรื่องจริง!”หญิงสาวยังคงยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็ง “แต่ทุกสิ่งที่เจ้าได้ยินคือเรื่องจริงทั้งสิ้น”เสียงดวงวิญญาณของหยางเฉียนเฉียนดังแทรกยืนยันกลับไป และนั่นทำให้หวังฉิงชวนที่กำลังนั่งอยู่ถึงกับผงะด้วยความตกใจสุดขีดครั้นได้ยินเช่นนั้น เธอไร้สิ้นเรี่ยวแรงใดๆ จนต้องล้มตัวลงไปนอนหงายกับฟูกที่นอนตามเดิม พร้อมดวงวิญญาณของ หยางเฉียนเฉียนก้าวเข้ามาและทรุดลงนั่งบนขอบเตียง “ที่เจ้าได้ยินทุกอย่างตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามิผิดแต่อย่างใดเฉียนเฉียน วิญญาณของเจ้ามาสถิตอยู่ในร่างที่ตายไปแล้วของข้าด้วยความบังเอิญ โดยที่ข้าก็มิคาดคิดเช่นกันว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ตลอดระยะเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา ข้าทุกข์ทรมานยิ่งนักที่ต้องกลายเป็นวิญญาณที่อยู่ติดกับร่างที่ค่อยๆ เน่าเปื่อยจนเหลือเพียงซากโครงกระดูกดั่งที่เจ้าเห็น” หวังฉิงชวนนอนนิ่งไม่ไหวติงครั้นได้ยินเช่นนั้น เธอใช้เวลารวบรวมสติอยู่เพียงครู่ก่อนจะถามกลับไป “แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยที่มาติดอยู่ในร่างของเธอแบบนี้ ฉันมาอยู่ในยุคสมัยไหนของเธอตอนยังมีชีวิตอยู่ อีกอย่างฉันกับเธอมีอะไรที่เกี่ยวข้องกันด้วยเหรอ ฉันจำได้ว่าตระกูลของทางพ่อและแม่ของฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเชื้อสายเจ้าเมืองของเธอเลยนะ”หวังฉิงชวนถามกลับไปพลางมองหน้าหยางเฉียนเฉียนที่มีแต่ความเศร้าหมองอยู่ตลอดเวลา “เจ้าเป็นคนรุ่นหลังจึงไม่ล่วงรู้การสืบเชื้อสายของตระกูล หากเจ้ามีความสนใจในบันทึกของพงศาวดารก็จะล่วงรู้ว่าพ่อของเจ้าสืบเชื้อสายมาจากสกุลหวังของแม่ข้า บรรพบุรุษของพ่อเจ้าคือคนในตระกูลหวัง ส่วนแม่ของเจ้าสืบเชื้อสายมาจากตระกูลหยางลูกหลานของเจ้าเมืองอูเจี๋ยนจากแคว้นหมิ่นเยว่” ครั้นหวังฉิงชวนได้ยินเช่นนั้นอาการปวดขมับบังเกิดขึ้นมาทันที ครั้นได้ยินการลำดับเครือญาติย้อนหลังไปหลายพันปี “โอโห่! มึนเป็นบ้า! อย่าว่าแต่ตำราประวัติศาสตร์ของชนชาติเลย แม้แต่ตำราเรียนฉันก็ไม่เคยอ่านจบ จะนับประสาอะไรที่จะรู้รายละเอียดของตระกูล เอาเป็นว่าฉันกับเธอมีสายเลือดเกี่ยวข้องเป็นญาติกันใช่ไหม”ฉิงชวนถามกลับไปตรงๆ ดวงวิญญาณของหยางเฉียนเฉียนรีบพยักหน้าขึ้นลงเป็นการยืนยันคำตอบดังกล่าว “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ว่าเรามีเชื้อสายเกี่ยวข้องกันและเป็นเพราะสาเหตุนี้ จึงทำให้ข้าสัมผัสได้ทันที ที่เจ้าเห็นร่างของข้าในที่แห่งนั้นและสามารถได้ยินเสียงเรียกของข้าด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ข้าสัมผัสกับเจ้าได้แต่มิรู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดวิญญาณของเจ้าจึงกลับมาอยู่ในร่างของข้า ซึ่งเป็นช่วงเหตุการณ์ในวันแรกที่ข้าเพิ่งจะตายในวันทำพิธีปักปิ่นและก่อนที่จะได้เข้าพิธีแต่งงานกับองค์ชายรัชทายาท” ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นฉิงชวนพูดออกมาทันใด “นี่ดวงวิญญาณของฉันพลัดหลงมาอยู่ในร่างของเธอวันแรกที่ตายอย่างนั้นเหรอ”หญิงสาวรำพึงออกมาพร้อมครุ่นคิดถึงเรื่องเล่าที่ได้ยินจากเจ้าของร้านขายวัตถุโบราณตรงมุมถนนฝูจิ่งขึ้นมาทันที “แต่ที่ได้ยินมาในยุคของฉัน เธอเป็นคนฆ่าน้องสาวเพื่อต้องการแต่งงานกับรัชทายาทอะไรนั่นไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมกลายเป็นเธอที่ตาย ตกลงใครฆ่าใครกันแน่เรื่องเล่าที่ได้ยินมาไม่ใช่เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ”หญิงสาวถามกลับไป หยางเฉียนเฉียนส่ายหน้าไปมาติดต่อกันเป็นสัญญาณปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง “ข้าคือหยางเฉียนเฉียนธิดาคนรองของเจ้าเมืองอูเจี๋ยน บิดาข้ามีนามว่าหยางผิง มีอายุครบกำหนดจะเข้าทำพิธีปักปิ่นในวันที่ข้าตาย ตัวข้าเกิดจากภรรยาเอกและมีน้องชายพ่อแม่เดียวกันนามว่าหยางเฉิน เพิ่งมีอายุได้แค่สองขวบ มีพี่สาวต่างมารดาซึ่งเกิดจากภรรยารองคือหยางเสวี่ยเหยา นางอยู่ในวัยออกเรือนเข้าสู่ปีที่ 17 แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรจะถูกผู้ใดฆ่ากันเล่า” สิ้นเสียงของหยางเฉียนเฉียน ฉิงชวนถึงกับนั่งอ้าปากค้างขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “นี่หมายความว่าเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น แท้จริงแล้วเธอคือคนที่ถูกพี่สาวฆ่าตายอย่างนั้นเหรอ...แล้วทำไมภาพวาดของเธอที่เห็นในยุคของฉัน หน้าตาของผู้หญิงในภาพมีคนบอกว่า วาดด้วยฝีมือของจิตรกรในยุคจ้านกว๋อ ตกลงคือใครกันแน่ที่หน้าตาของฉันบังเอิญไปเหมือนกับผู้หญิงคนนั้น ในเมื่อเฉียนเฉียนตัวจริงที่ฉันเห็นอยู่ในตอนนี้ไม่เหมือนในภาพแม้แต่นิดเดียว นี่แสดงว่าบทละครที่ฉันเขียนอ้างอิงเรื่องของเธอกลับตาลปัตรไปหมดเลยอย่างนั้นเหรอ”หญิงสาวถามกลับไปด้วยความมึนงงอย่างยิ่งยวด “เรื่องนั้นเห็นทีเจ้าต้องเป็นผู้หาคำตอบด้วยตัวเอง ข้ามิอาจตอบแทนได้”หยางเฉียนเฉียนตอบกลับไป “แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ...ตกลงภาพวาดที่ฉันเห็นในยุคของฉันไม่ใช่เธอแล้วเป็นใคร!”ฉิงชวนถามกลับไป หากแต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มอันแสนเศร้าของดวงวิญญาณตรงหน้า “ข้าบอกแล้วว่าคำตอบอยู่ที่ตัวเจ้า ผู้อื่นก็มิอาจตอบแทนได้แม้แต่น้อย”ดวงวิญญาณของหยางเฉียนเฉียนตอบกลับไป และคำตอบดังกล่าวทำให้ฉิงชวนงุนงงขนาดหนัก ก่อนจะหยุดสำรวจดวงวิญญาณที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ “ก่อนที่วิญญาณของฉันจะมาติดอยู่ในร่างของเธอในยุคนี้ ตอนนั้นดวงวิญญาณของเธออยู่ที่ไหนแม่ลูกสาวเจ้าเมือง”ฉิงชวนยิงคำถามกลับไปเสียงเข้ม “วิญญาณของข้าสถิตอยู่ในซากโครงกระดูกที่เจ้าเห็นนั่นแหละ”หยางเฉียนเฉียนตอบโดยมิรั้งรอ “ห๊ะ! แสดงว่าวิญญาณของเธอไม่ได้ไปไหน อยู่ในซากโครงกระดูกตลอดเวลาเลยอย่างนั้นเหรอ”ฉิงชวนถามกลับไป เธอไม่คาดคิดว่าจะมีดวงวิญญาณสถิตอยู่ในซากโครงกระดูกเช่นนั้นมานานนับหลายพันปี พร้อมเสียงของดวงวิญญาณของหยางเฉียนเฉียนตอบกลับมา “ข้าไปไหนไม่ได้เพราะเสวี่ยเหยาพี่สาวต่างมารดา ทำพิธีผนึกวิญญาณของข้าให้ติดอยู่ที่ร่างไปตลอดกาล เพื่อมิให้เดินทางไปยังปรโลกได้และยังสาปแช่งข้ามิให้ได้ผุดได้เกิดชั่วกัลป์ แต่ทันทีที่ดวงวิญญาณของเจ้ามาอยู่ในร่างของข้า ทำให้ดวงวิญญาณข้าที่ติดอยู่ในซากโครงกระดูกมานานนับหลายพันปีเป็นอิสระมิต้องถูกผนึกอยู่ในซากศพดังกล่าว ครั้นเจ้าฟื้นขึ้นมาดวงวิญญาณของข้าจึงสามารถกลับมาจากยุคนั้นและมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้าเจ้าอยู่ในเวลานี้” ในขณะที่ฉิงชวนนอนฟังดวงวิญญาณของหยางเฉียนเฉียน อธิบายให้ฟังเช่นนั้น “ทำไมมันถึงได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับฉัน แล้วร่างของฉันที่โน้นละตอนนี้เป็นอย่างไง”หญิงสาวรีบถามถึงร่างของเธอในยุคอนาคตทันที ใบหน้ากลมของหยางเฉียนเฉียนส่ายไปมาติดต่อกัน “ข้าก็มิรู้เช่นกันเพราะทันทีที่ข้ากลับมาได้ก็มาปรากฏกายอยู่ตรงหน้าของเจ้าในเวลานี้”หยางเฉียนเฉียนตอบกลับไป และคำตอบดังกล่าวทำให้หวังฉิงชวนยิ่งเกิดอาการปวดขมับขึ้นมาอีกเป็นเท่าทวีคูณ “แล้วเพราะอะไรฉันถึงต้องกลับมาในช่วงเวลา 3000 ปีก่อนที่จะตัวเองจะเกิดอีก...มาเพื่อ!!!”หวังฉิงชวนถามดวงวิญญาณลูกสาวเจ้าเมืองกลับไปเสียงเข้ม “เจ้ากลับมาเพื่อปลดปล่อยข้าให้เดินทางไปสู่ปรโลก และกลับมาเพื่อผูกวาสนาให้กับตัวเจ้าเอง”หยางเฉียนเฉียนตอบสวนกลับไปทันควัน และคำตอบดังกล่าวทำให้หวังฉิงชวนค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นจากฟูกนอนมานั่งมองดวงวิญญาณลูกสาวเจ้าเมืองที่นั่งอยู่ตรงขอบเตียงไม้ไผ่อยู่ใกล้เพียงแค่หนึ่งช่วงแขนเท่านั้น “ตอนนี้วิญญาณของเธอก็เป็นอิสระแล้ว ทำไมฉันถึงยังไม่ได้กลับไปอีกและยังติดอยู่ในร่างของเธอแบบนี้ แล้วยังวาสนาอะไรนั่นอีก”ฉิงชวนถามกลับไปด้วยความอยากรู้ “ข้าจะสามารถเดินทางไปยังปรโลกและเกิดใหม่ได้ก็ต่อเมื่อเสวี่ยเหยาขอขมาดวงวิญญาณของข้าด้วยจิตสำนึกที่ระลึกได้ว่านางผิดที่สังหารข้า และข้าเองก็ต้องการให้นางอภัยด้วยเช่นกันเพราะเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ข้าได้กระทำต่อนางเอาไว้มากจนทำให้นางลงมือฆ่าข้า”หยางเฉียนเฉียนบอกกลับไป และนั่นทำให้ฉิงชวนยิ้มแห้งๆ ออกมา “เธอมันก็ไม่เบาเลยนะ สามารถทำให้คนเกลียดชังได้มากขนาดนั้น พี่น้องเกลียดยังไม่พอ คนรอบข้างยังไม่มีใครคิดจะช่วยเลย แถมดันไปร่วมมือรู้เห็นกับพี่สาวของเธอกันหมด และความซวยก็มาลงที่ฉัน แสดงว่าตราบใดที่เสวี่ยเหยาพี่สาวของเธอยังไม่ได้ขอขมาดวงวิญญาณและเธอยังไม่ได้รับการยกโทษจากอีกฝ่าย ฉันที่มาติดอยู่ในร่างของเธอแบบนี้โดยมิรู้เรื่องรู้ราวด้วยก็ต้องติดอยู่แบบนี้อะดิ”หญิงสาวพูดพร้อมยกมือตบเบาๆ เข้าที่หน้าอกของตัวเอง “เข้าใจถูกต้องแล้ว และสาเหตุที่เจ้าได้มาที่นี่และในเวลานี้ก็เพราะลิขิตของสวรรค์กำหนดให้เจ้ากลับมาในยุคนี้และใช้ชีวิตแทนข้าซึ่งไม่มีผู้ใดล่วงรู้หรือให้ความกระจ่างได้ เจ้าเท่านั้นจะต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง”หยางเฉียนเฉียนพูดทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้นดวงวิญญาณพลันค่อยๆ จางหายไป “ดะ..เดี๋ยว! นี่เธอพูดอะไรฉันไม่เข้าใจ! เฮ้ย!จะรีบไปไหนกลับมาคุยให้รู้เรื่องก่อน ยายโครงกระดูกบ้า! เธอจะไปแบบนี้ไม่ได้นะกลับมาคุยกันก่อน”หวังฉิงชวนพยายามส่งเสียงร้องเรียกดวงวิญญาณของหยางเฉียนเฉียน แต่แล้วพลันต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นบุรุษรูปงามที่ช่วยชีวิตเธอยืนถืออ่างน้ำที่ทำมาจากไม้ กำลังมองตรงมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “กำลังพูดกับผู้ใดอย่างนั้นรึเจ้าปลาอ้วน”ชายหนุ่มรูปงามพูดพร้อมกวาดสายตามองไปทั่วห้องและยังสำรวจไปถึงด้านหลังของตัวเอง หวังฉิงชวนส่ายหน้าไปมาเป็นพัลวัน “มะ...ไม่มี...ไม่มีอะไรจ๊ะ..เมื่อกี้หนูเผลอนอนหลับแล้วเกิดฝันร้ายเท่านั้นเอง”หญิงสาวพูดปดตอบกลับไป “อ่อ...เช่นนั้นรึ”เสียงทุ้มพูดเบาๆ อยู่ในลำคอพร้อมก้าวเข้ามาในห้องนอน ตรงมายังเตียงไม้ไผ่พลางวางอ่างน้ำที่ทำจากไม้สนลงตรงขอบเตียง “นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการเพื่อนำมาส่องให้เห็นใบหน้า ข้านำมาให้แล้ว”ชายหนุ่มเจ้าของกระท่อมบอกฉิงชวน “ห๊ะ! นี่นะเหรอกระจก”หญิงสาวพูดออกมาทันทีครั้นได้ยินว่าอ่างไม้ขนาดย่อมที่บรรจุน้ำอยู่กว่าครึ่งเป็นกระจกที่เธอร้องเรียกหาเมื่อครู่ที่ผ่านมา “เข้าใจไม่ผิดหรอกว่าอ่างน้ำตรงหน้าเจ้าสามารถสะท้อนเงาใบหน้าให้เห็นได้อย่างชัดเจน ข้าลงไปตักน้ำจากแอ่งมรกตนำมาให้เจ้าได้ส่องใบหน้าเลยเชียวนะ เพราะน้ำในแอ่งดังกล่าวใสแวววาวจนสามารถมองเห็นทะลุไปจนถึงก้นแอ่ง ไม่เชื่อก็ลองดูสิ”ชายหนุ่มอธิบายกลับไป หวังฉิงชวนนั่งมองอ่างที่ทำจากไม้ซึ่งถูกขัดจนราบเรียบขึ้นเป็นเงา เธอค่อยๆ ชะโงกหน้าก่อนจะก้มลงมองเงาที่สะท้อนให้เห็นบนผิวน้ำที่ใสแวววาวจนสามารถล่วงรู้ว่า ใบหน้าที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้หาใช่สาวสวยระดับตัวท็อปของคณะศิลปะการแสดงจากมหาวิทยาลัยภาพยนตร์แห่งชาติปักกิ่งจากศตวรรษที่ 21 แม้แต่น้อย ทว่ากลับกลายเป็นเบ้าหน้ากลม แก้มยุ้ยของหยางเฉียนเฉียน ที่เพิ่งพานพบดวงวิญญาณของนางเมื่อครู่ที่ผ่านมา แม่เจ้า! นี่ร่างของยัยเด็กอ้วนหยางเฉียนเฉียนจริงๆ เหรอ”เธอรำพึงออกมาทันทีที่เห็นใบหน้าสะท้อนอยู่บนผิวน้ำที่ลอยอยู่ตรงหน้า สองมือยกขึ้นจับขมับทั้งสองข้างของเธอเมื่อเห็นทุกอย่างเต็มสองตาและล่วงรู้แล้วว่า ดวงวิญญาณมาติดอยู่ในร่างของคนอื่นที่ไม่ใช่ร่างของตัวเองแต่อย่างใด เอือก! เสียงกลืนน้ำลายลงคอได้ยินอย่างชัดเจน ด้วยรู้สึกมีอะไรบางอย่างวิ่งจุกเข้าไปที่คอหอยจนมิอาจพูดอะไรออกมาได้ ซึ่งอาการทุกอย่างที่เกิดขึ้นตกอยู่ในสายตาชายหนุ่มเจ้าของกระท่อมทั้งหมด “เจ้าแลดูมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เช่นนั้นก็จงพักผ่อนเถอะเจ้าปลาอ้วน”ชายหนุ่มพูดชื่อแทนตัวเด็กสาวที่ตั้งขึ้นมาเอง และประโยคดังกล่าวทำให้ฉิงชวนค่อยๆ หันกลับมามองใบหน้าหล่อเหลาชนิดวัวควายล้มตายเป็นฝูงเลยทีเดียว “นี่พี่ชายหนูไม่ได้ชื่อปลาอ้วนนะ”เธอแทนคำตัวเองในยุคที่จากมา ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันครั้นได้ยินคำพูดประหลาดออกจากปากเด็กสาวผู้นั้น “เจ้าพูดจาชอบกลนักเป็นคนแคว้นใดรึ”เสียงทุ้มถามกลับไปด้วยความอยากรู้ “ปักกิ่ง!”ฉิงชวนตอบกลับไปเสียงห้วน “ปักกิ่งรึ”ชายหนุ่มพึมพำทวนชื่อดังกล่าวด้วยความสงสัยระคนแปลกใจ “แคว้นใหม่เพิ่งก่อตั้งรึ! เหตุใดข้าจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน”เสียงบ่นพึมพำทำให้ฉิงชวนได้ยินอย่างชัดเจนด้วยนั่งอยู่ในระยะใกล้ชิดเสียขนาดนั้น “ช่างเถอะ! ช่างเถอะ! พูดไปก็ไม่เข้าใจหรอก อย่าไปใส่ใจเลยว่าไอ้เมืองนี้มันอยู่ในซอกหลืบไหนของโลกใบนี้ แต่ต่อไปไม่ต้องเรียกว่าปลาอ้วนแล้ว เรียกหนูว่า เฉียนเฉียนก็พอ”ฉิงชวนบอกชื่อเล่นของเธอซึ่งบังเอิญมาตรงกับหยางเฉียนเฉียนเข้าให้พอดี “เจ้ามีชื่อว่าหนูเฉียนเฉียนอย่างนั้นเหรอ”ชายหนุ่มรวบคำเป็นกลุ่มเดียวกัน ทำเอาเจ้าของชื่อปวดประสาทยิ่งไปกว่าเดิมก่อนจะเป็นฝ่ายปรับเปลี่ยนคำพูดของตัวเธอเองเสียใหม่ “ข้าผิดเองที่พูดให้พี่ท่านเข้าใจผิด เอาใหม่นะฟังให้ดีๆ ข้ามีชื่อว่าเฉียนเฉียน ต่อไปนี้ท่านเรียกข้าแบบนี้นะ เจ้าปลาอ้วนน้อยได้โปรดอย่าเรียกให้ได้ยินอีกเลย รู้ไหมว่าสะเทือนใจแค่ไหนที่ต้องได้ยินคำนี้ จากคนหุ่นเอวเอสต้องกลายมาเป็นเอวกลมดิกแบบนี้แทน ทำไมหนอทำไมต้องมาอยู่ในร่างนี้ด้วย! โอ๊ยจะบ้าตาย”หวังฉิงชวนบ่นพึมพำมิรู้วาย ในขณะที่คนรูปหล่อนั่ ครั้นงฟังแล้วยิ่งมึนงงกว่านางมากเข้าไปอีก “เฉียนเฉียน!”เสียงทุ้มเรียกชื่อของเด็กสาว หากแต่เจ้าของชื่อกลับไม่ได้ยินเสียงเรียกชื่อดังกล่าวแต่อย่างใด “เจ้าปลาอ้วน!”เสียงเรียกชื่อแทนตัวที่ตั้งให้เด็กสาวดังขึ้นมาแทน และก็ได้ผลใบหน้าอ้วนกลมเงยหน้าขึ้นมามองทันที “บอกว่าให้เรียกเฉียนเฉียน..ทำไมยังเรียกข้าว่าปลาอ้วนอีกเล่า”หญิงสาวต่อว่ากลับมา “ข้าเรียกแล้วเมื่อครู่เจ้ามิใส่ใจ จึงเรียกชื่อที่ข้าตั้งให้แล้วก็ได้ผล เจ้าใส่ใจฟังชื่อที่ข้าตั้งให้มากกว่าชื่อจริงๆ ของเจ้าเสียอีกที่ข้าพูดออกมาลองเถียงสิว่าไม่จริง”ชายหนุ่มตอบกลับไป และถ้อยคำดังกล่าวทำให้ฉิงชวนเถียงไม่ออกได้แต่นั่งก้มหน้านิ่ง ทำหน้ากระเง้ากระงอดส่งสายตาค้อนกลับมาให้พร้อมสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น เล่นเอาคนที่กำลังยืนมองอยู่หัวเราะออกมากับท่าทีดังกล่าวของเด็กสาว “โกรธรึที่ข้าพูดตรงทุกอย่าง เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวร่างของเจ้ามาก จะลุกหรือทำอะไรต้องค่อยเป็นค่อยไปพลังหยินในกายของเจ้าแม้จะกลับคืนมาแล้วทั้งหมดแต่ยังต้องใช้กำลังภายในทะลวงจุดหยางชวี่ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ เดี๋ยวข้าจะไปหาปลามาย่างให้เจ้ากิน”ชายหนุ่มบอกเด็กสาวกลับไป และนั่นทำให้หวังฉิงชวนเบิกตากว้างขึ้นมาทันที ด้วยเธอโปรดปรานอาหารที่ทำมาจากปลาทุกชนิด “ข้าชอบกินปลามากเลยพี่ชาย เอามาหลายๆ ตัวหน่อยนะข้าหิว”หญิงสาวบอกกลับไป ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ข้ายังไม่ได้กล่าวคำขอบคุณพี่ชายที่ช่วยชีวิตจนรอดตายมาได้ ข้าน้อยหวัง...”หญิงสาวเผลอพูดแซ่ของเธอออกมาก่อนจะรีบเฉไฉเปลี่ยนถ้อยประโยคทันที “ข้าน้อยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะต้องแทนคุณพี่ชายให้ได้สักวัน เฉียนเฉียนขอคำนับพี่ท่านจากใจ”หญิงสาวกลบเกลื่อนได้อย่างแนบเนียนไม่มีช่องให้ได้สงสัย ท่ามกลางสายตาของชายหนุ่มเจ้าของกระท่อมดังกล่าวครั้นได้ยินเด็กสาวกล่าวคำขอบคุณและก้มศีรษะคำนับให้ “นั่นเพราะว่าเจ้าถูกลิขิตให้รอดชีวิตมาถึงเกาะแห่งนี้ต่างหากเล่า เป็นเวลาหลายพันปีแล้วที่ไม่มีผู้ใดย่างกายมาถึงที่นี่ได้ นอกจากข้าที่พลัดหลงมาเข้ามาเช่นกันแล้วก็มีเจ้าที่ถูกปลาคุนน้อย นำแพมาส่งถึงหน้าเกาะ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าเรียกเจ้าเช่นนั้นตลอดเวลาที่ยังคงหมดสติ โชคช่างเข้าข้างเจ้าเสียนี่กระไรเป็นจังหวะที่ปราศจากกระแสน้ำวน วาสนาจะได้พบกันจึงทำให้ได้มีโอกาสช่วยเหลืออย่าคิดมากไปเลยเจ้าปลาอ้วน”ชายหนุ่มยังคงเรียกชื่อที่ตั้งให้เด็กสาวตามเดิม และนั่นทำให้ฉิงชวนหน้าตูมขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เอาเถอะ..ตามแต่ท่านจะเรียกข้าว่าอะไร อนุญาติให้พี่ชายเรียกข้าว่า เจ้าปลาอ้วนได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น”หญิงสาวบอกกลับไปก่อนจะหลงลืมอะไรไปบางอย่างที่ยังไม่ได้ถาม “จริงสิ..ข้ายังไม่รู้เลยว่าพี่ชายมีนามว่าอะไรอย่างนั้นเหรอ”หญิงสาวใช้ถ้อยประโยคของคนในยุคโบราณได้อย่างคล่องแคล่ว ด้วยเพราะศึกษามาเป็นอย่างดีก่อนจะลงมือเขียนบทละครของเธอจนกระทั่งจบ ดวงตาสีนิลกาฬมองหน้าเด็กสาวหน้ากลมแก้มยุ้ยและค่อนข้างเจ้าเนื้อ หากแต่ผิวพรรณกลับผุดผ่องขาวนวลอมชมพูเป็นยองใย นางน่ารักน่าเอ็นดูอย่างยิ่งยวดในสายตาของชายหนุ่มก่อนจะตัดสินใจตอบกลับไป “ข้าชื่อคัง ไม่มีแซ่เรียกข้าว่าพี่คังก็ได้ เพราะข้าคิดว่าอย่างไรแล้วจะต้องอาวุโสกว่าเจ้าหลายปีมากเลยทีเดียว”ชายหนุ่มบอกเด็กสาวกลับไป ครั้นฉิงชวนได้ยินเช่นนั้นเธอพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันพร้อมเอ่ยขึ้น “พี่ชายเข้าใจถูกแล้ว เพราะข้าเองก็เพิ่งผ่านพ้นพิธีปักปิ่นมาไม่กี่วันนี้เอง ถ้าจะเทียบอายุของคนในสมัยโบราณก็จะราวๆ 15ใช่ๆ อายุของข้าเพิ่งจะ 15 ปีเอง”ฉิงชวนตอบพี่ชายเจ้าของกระท่อมหลังน้อยกลับไป พลางครุ่นคิดอยู่ภายในใจ “ก็ดีเหมือนกันมาอยู่ในร่างของเฉียนเฉียนที่มีอายุเพิ่งจะ 15 ลดอายุไปได้เกือบ 5 ปีเลยแต่เสียอยู่อย่างที่จะต้องมานั่งลดหุ่น กินคลีนออกกำลังกายให้รูปร่างเป็นเอวเอสนี่นะสิ คงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าปีหรืออาจจะมากกว่านั้น กว่าฉันจะกลับมามีหุ่นงามอรชรเอวอ่อน เผื่อจะสวยขึ้นมาบ้าง...เฮ้อ! คิดแล้วเหนื่อย”ฉิงชวนบ่นพึมพำก่อนจะห้อปากกระจับอวบอิ่มน่าจูบจนปากจู๋เข้าหากันพลางทอดถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ท่ามกลางสายตาเจ้าของดวงเนตรสีนิลกาฬ ที่กำลังมองกิริยาท่าทางของเจ้าปลาอ้วนที่เรียกจนติดปากเช่นนั้น ยิ่งมองยิ่งเพลินตา ก่อนจะปรากฏรอยยิ้มขึ้นเมื่อปากหยักได้รูปสวยค่อยๆ คลี่ยิ้มที่มุมปากขึ้นมา “อ่อ...เป็นผู้น้อยกว่าข้าถึง 6 ปีเลยทีเดียว”ชายหนุ่มรำพึงเบาๆ พลางมองเด็กสาวตรงหน้า ที่กำลังนั่งทวนชื่อของตนอยู่ในขณะนั้น ในขณะที่หญิงสาวกำลังพูดทวนชื่อของพี่ชายซึ่งมีบุญคุณที่ได้ช่วยชีวิตเธอให้รอดตาย มิหนำซ้ำยังรักษาจนเธอฟื้นจากสภาพคนตายขึ้นมาได้ ฉิงชวนหันกลับมามองผู้ชายตัวใหญ่ พร้อมเสียงเรียกชื่อดังกล่าวลอดออกมาทันที “พี่ชายมีชื่อว่าคัง ชื่อสั้นแล้วก็ฟังเพราะแปลกดี ชื่อคล้ายเฉินคุนดาราดังที่บ้านข้าเลย นี่ถ้าท่านมีแซ่เฉินละก็ลงตัวพอดีเป๊ะเลยรู้ตัวหรือเปล่า ว่าแต่เฉินคังก็เข้าท่านะพี่ชาย”หวังฉิงชวนพูดออกมาโดยมิได้คิดอะไร หากแต่คนฟังสิกลับมองหน้าเด็กสาวตรงหน้าเขม็งครั้นได้ยินเช่นนั้น “และถ้าหากข้าบอกกับเจ้าว่าแท้จริงแล้ว ข้าก็คือเฉินคัง จากแคว้นหมิ่นเยว่เจ้าจะว่าเยี่ยงไร!!!”ชายหนุ่มเจ้าของกระท่อมถามกลับไปเสียงเย็นยะเยียบ มือหนาเริ่มเรียกพลังหยางในกายของตนขึ้นมาทันที เป้าหมายคือสังหารเด็กสาวที่เอ่ยชื่อดังกล่าวออกมา!!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม